นึกถึงวันนั้น จินเฟยเหยาอยากจะปิดปากหัวเราะ

ตอนนั้นนางทำอะไรเจ้าเยี่ยนหงที่ยืนอยู่บนร่างยักษ์ทองคำไม่ได้ จึงนำเหรียญทองคำสองเหรียญที่เก็บขึ้นมาตอนแรกออกมา ใช้เป็นอาวุธลับโจมตีใส่เจ้าเยี่ยนหง เหรียญทองทั้งเหลืองทั้งสุกสว่าง พอดีดึงดูดสายตาของเขา ที่จริงไพ่ตายกลับเป็นตะปูทะลวงหัวใจสีเทาที่ซ่อนอยู่ในเงามืด ตะปูทะลวงใจเป็นสิ่งที่ซื้อมาด้วยราคาสูงจากร้านหลอมอาวุธร้านนั้น มีความยาวเพียงนิ้วมือ ขนาดเท่าเส้นผม ทั้งยังมีสีเทา ยามใช้ออกคนรับรู้ได้ยาก เป็นอาวุธเวทชั้นสูงที่ชั่วร้าย

ถึงแม้จะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ทว่าผลลัพธ์ของการโจมตีกลับทำให้คนปวดศีรษะอย่างยิ่ง ขอเพียงถูกมันแทงเข้าไปในร่าง มันจะเดินทางตามเส้นเลือดไปถึงหัวใจเงียบๆ จากนั้นจะยืดยาวในหัวใจ แทงทะลุหัวใจและร่างกายทันที ถ้าพบเห็นและใช้พลังวิญญาณผนึกมันไว้ไม่ทันเวลา ตายอย่างไรยังไม่รู้ตัว

จินเฟยเหยาชื่นชอบอาวุธเวทชิ้นนี้อย่างยิ่ง ทว่าร้านนั้นกลับขายไม่มาก ผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่ง ซื้อตะปูทะลวงใจได้แค่หนึ่งดอก ไม่รู้ว่ากฎของพวกเขาหมายความว่าอะไร มีเงินก็ไม่อยากได้มาก ได้แต่รอให้ตนเองสร้างฐาน จึงสามารถใช้เพลิงแท้หลอมอาวุธได้ ถึงตอนนั้นจะหลอมสักกำมือหนึ่งติดตัวไว้ อยากจะโยนใส่ใครก็โยน ดูสิว่าใครจะกล้ามายั่วโทสะ

นางเก็บกวาดกระถางด้านนอกเสร็จ จินเฟยเหยาก็เดินเข้าไปในห้องฝึกบำเพ็ญ  เห็นใบหน้าของตู้สุ่ยหลันแทบจะแนบชิดกับท้องของพั่งจื่อ กำลังหาอะไรอยู่บนผิวหนังของมัน อีกทั้งในมือยังถือมีดเล็กๆ ที่น่าสงสัยเล่มหนึ่ง

นางคิดจะทำอะไร? ฆ่ากบหรือ?

“สหายเซียนตู้ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

“หา! ไม่ได้ทำอะไร ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด” ตู้สุ่ยหลันยืนขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน รีบซ่อนมีดเล็กๆ ในมือ

จินเฟยเหยาขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างไม่พอใจ “สหายเซียนตู้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นสหายจึงให้เจ้ามา เจ้าถือมีดคิดจะทำอะไรกับสัตว์เลี้ยงของข้า? เจ้าเป็นหมอรักษาสัตว์ภูติ ถึงกับคิดจะฆ่าสัตว์ภูติที่กำลังหลับอยู่ ทั้งยังเป็นสัตว์ภูติของคนอื่นด้วย”

“สหายเซียนจิน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้คิดจะฆ่ามัน ข้าเพียงแค่คิดจะสะกิดเลือดเอากลับไปศึกษา ดูว่ามันกับกบผานอวิ๋นตัวอื่นมีอะไรแตกต่างกัน แค่เลือดนิดเดียว” ตู้สุ่ยหลันน้ำตาปริ่ม มีท่าทางทำให้คนรักถนอม ใช้นิ้วมือทำท่าให้ดูว่านิดเดียว และอธิบายอย่างน่าสงสาร

“สหายเซียนตู้ เจ้าไปเสีย ต่อไปไม่ต้องมาอีก” จินเฟยเหยาตอบอย่างเย็นชา คิดไม่ถึงว่าจะกล้าสะกิดเลือดพั่งจื่อ ไม่รู้ว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าเมื่อครู่คนกลุ่มนั้นไม่เห็นนางกับตนเองเดินเข้ามา จินเฟยเหยาคิดจะใช้มือฟาดคุณหนูใหญ่คนนี้ให้ตาย

“หา? เจ้าให้ข้าไป?” ตู้สุ่ยหลันไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง จินเฟยเหยาถึงกับให้นางจากไป จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ทำไม หรือว่าต้องให้ข้าหาเกี้ยวมาให้เจ้า?”

ตู้สุ่ยหลันคาดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะกล้าไล่นางไป แค่คิดจะเอาเลือดกบผานอวิ๋นนิดหน่อยเองมิใช่หรือ ไม่ได้ทำเรื่องโหดเหี้ยมทารุณอะไรสักหน่อย ครั้งที่แล้วตนเองตัดเขาม้ากิเลนของตระกูลเจ้าไป พวกเขายังไม่ว่าอะไรนางสักคำ ทั้งยังให้ตนเองแวะไปเที่ยวอีกอย่างกระตือรือร้น ม้ากิเลนล้ำค่ามากกว่ากบผานอวิ๋นหลายเท่า เหตุใดคนผู้นี้จึงตระหนี่ถึงปานนี้ ไม่น่าคบเลยสักนิด

ถ้าจินเฟยเหยารู้ว่าตู้สุ่ยหลันกำลังคิดอะไรอยู่ต้องด่าทอนางแน่ พี่สาว ข้าไม่ใช่บุรุษ ไม่เคยคิดจะบำเพ็ญคู่กับเจ้าเลย เหตุใดข้าต้องตามใจเจ้าไปทุกเรื่องด้วย ข้าไม่ใช่คนบ้านี่นา

“เจ้ารีบไปเถอะ บ้านข้าทั้งรกทั้งสกปรก ไม่ใช่สถานที่ที่คุณหนูอย่างเจ้าจะอยู่” เห็นตู้สุ่ยหลันยืนอยู่ในห้องฝึกบำเพ็ญไม่ยอมจากไป ทั้งยังร้องไห้สะอึกสะอื้น จินเฟยเหยารู้สึกสมองพองโตดุจโต่ว หงุดหงิดแทบตาย

เห็นนางยังไม่ขยับเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ จินเฟยเหยาได้แต่ใช้มือฉุดลากนางออกไปด้านนอก ส่วนตู้สุ่ยหลันถูกนางลากอย่างไม่ยินยอมมาตลอดทางจนถึงนอกประตูสำนักเฉวียนเซียน จากนั้นก็ผลักออกนอกประตู “คุณหนูตู้ เจ้ารีบไปเถอะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ไม่ว่างอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ขออำลา”

จินเฟยเหยาประสานมือลวกๆ พอเอ่ยจบก็หมุนตัวกลับเข้าไปในสำนักเฉวียนเซียนอย่างว่องไว ทิ้งตู้สุ่ยหลันไว้ข้างนอกโดยไม่สนใจ

ตู้สุ่ยหลันรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม ร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดทางที่กลับไป รอจนกลับมาถึงบ้าน ก็เข้าไปซบในอกของผู้อาวุโสที่ห่วงใย จินเฟยเหยาก็ถูกป้ายความผิดอีก

จินเฟยเหยากลับมาถึงในเรือน ตรวจสอบพั่งจื่อรอบหนึ่งพลางพูดไปด่าไป เมื่อไม่พบความผิดปกติตรงไหน จึงเก็บพั่งจื่อไว้ในอ่างมายาจิ่งเทียนอย่างวางใจ

ผ่านไปหลายวัน ตู้สุ่ยหลันก็ไม่ได้มาหานางอีก ทว่ากลับมีข่าวแพร่ไปรอบภูเขาเซียนซู่แห่งเมืองลั่วเซียน ว่ามีสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณปรากฏตัว มีผู้บำเพ็ญเซียนสตรีหลายนางบังเอิญโชคร้าย และยังมีผู้บำเพ็ญเซียนบุรุษบางคนประสบหายนะขณะช่วยเหลือไปด้วย ท่าทางหวาซีลงมือแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนอิสระเพศหญิงหาได้ยาก บุรุษผู้นี้คำนวณแล้ว สำนักที่อยู่บนภูเขาเซียนซู่มีคนได้รับยาสร้างฐานจำนวนมาก คาดว่าต้องเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว ข่าวนี้เพิ่งแพร่ออกไปไม่นาน หวาซีก็มาหาถึงสำนัก เขานั่งลงบนเก้าอี้นอนในเรือนด้วยสีหน้าย่ำแย่ ดูเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง

จินเฟยเหยาลากกระถางใบหนึ่งมาวางคว่ำจากนั้นนั่งลงแล้วมองเขาด้วยสีหน้าวาดหวัง หวาซีเอ่ยอย่างอ่อนแรง “เจ้ารินน้ำให้ข้าหน่อยไม่ได้หรือ เหตุใดจึงปฏิบัติกับแขกเช่นนี้”

“หึหึ ดูความจำของข้าสิ ข้าไม่รีบร้อน เจ้ารอสักครู่ ข้าจะรินน้ำชาให้” จินเฟยเหยายิ้มอย่างขัดเขิน รีบรินน้ำชาให้เขา

ผ่านไปครู่หนึ่ง จินเฟยเหยาก็นำชาถ้วยหนึ่งและขนมจานหนึ่งมาวางข้างเก้าอี้นอนอย่างมีมารยาท จากนั้นก็รอข่าวดีของหวาซีอย่างกระวนกระวาย

“เจ้ามิได้ไม่มียาสร้างฐาน จำเป็นต้องทำท่าทางแบบนี้ด้วยหรือ?” หวาซียกถ้วยชาขึ้นเปิดฝาดื่ม จืดสนิท

พอหวาซีก้มลงดู คิดไม่ถึงว่าในถ้วยชามีแค่น้ำเปล่า ไม่มีแม้แต่ใบชาลอยอยู่ พอมองขนมที่อยู่ด้านข้างก็เป็นปิ่งสีแดงขาว นี่เป็นปิ่งที่ให้โดยไม่เสียเงินในลานประลองเป็นตายมิใช่หรือ?

“เจ้าตระหนี่เกินไปแล้ว สิ่งของเช่นนี้ก็นำออกมารับแขกได้ น้ำเปล่านั้นช่างเถอะ แล้วปิ่งเป็นตายนี่มันเรื่องอะไรกัน?” หวาซีวางถ้วยชา มีโทสะจนชี้ปิ่งเป็นตายแล้วด่าทอ

จินเฟยเหยาลูบศีรษะอธิบายอย่างขัดเขิน “ที่นี่ไม่มีใบชา ไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายวัน กินสิ่งของที่เตรียมไว้หมดเกลี้ยงแล้ว ข้ากินปิ่งเป็นตายไม่หมดตอนเที่ยวเล่นอยู่ในลานประลองเป็นตาย ข้าเห็นว่ารสชาติใช้ได้ ถ้ากินทิ้งกินขว้างจะถูกฟ้าผ่า ดังนั้นจึงนำกลับมาด้วย เจ้าก็ฝืนใจกินหน่อยเถอะ”

หวาซีพิงบนเก้าอี้นอนอย่างหมดแรง “ข้านี่ซวยมาแปดชาติจริงๆ เหตุใดจึงรู้จักคนอย่างเจ้าได้นะ”

“พูดออกมาได้ ตอนนั้นเจ้าหาเรื่องข้าก่อนนะ ข้าไม่ได้เป็นฝ่ายไปทำร้ายเจ้าถึงที่ ยังมาโทษข้าอีก” จินเฟยเหยามองเขาอย่างดูแคลน

“ฮึ ช่างเถอะ คร้านจะพูดกับเจ้า เอ้า นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ” หวาซีคร้านจะเอ่ยมากความ หยิบขวดเคลือบใบหนึ่งในกระเป๋าเก็บของออกมาโยนให้นาง

จินเฟยเหยารับขวดเคลือบมาอย่างยินดีปรีดา ด้านในมียาสร้างฐานเม็ดหนึ่งจริงๆ นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้เจ้าได้ยาสร้างฐานมากี่เม็ด  คาดว่าผลรับคงไม่เลว”

“เหตุใดเจ้าจึงเป็นคนเช่นนี้ ไม่เห็นหรือว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจนเป็นแบบนี้แล้ว เจ้านึกว่าโยนสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณออกไปก็พอหรือ มันสังหารสตรีได้เร็วก็จริง ทว่าสังหารบุรุษไม่ง่ายดายขนาดนั้น มีการมาถามข้าอีกว่าได้มาเท่าไหร่ เพื่อแย่งชิงยาเม็ดนี้ของเจ้า ข้าเกือบจะตายเลยนะ มีมโนธรรมหน่อยได้หรือไม่” หวาซีส่งเสียงขึ้นจมูก เอ่ยอย่างไม่พอใจยิ่ง

“ก็ได้ อย่างมากต่อไปพวกเราสองคนก็หายกัน”

“หายกัน? เจ้าคิดเสียดิบดีเชียวนะ เจ้าไปถามดูสิว่ามีเรื่องใดที่สามารถใช้ยาสร้างฐานชดใช้ให้หายกันได้บ้าง”

เห็นท่าทางไม่พอใจของหวาซี จินเฟยเหยาก็เลิกคิ้วเอ่ยว่า “แล้วเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าจะบอกให้นะ เจ้าอย่าได้คิดร้ายกับข้า ปกติคำพูดของเจ้าก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว”

“ไม่มีเรื่องเช่นนั้น ข้าแค่คิดจะให้เจ้าช่วยเล็กน้อย ไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอก ลำบากเพียงแค่ยกมือเท่านั้น” หวาซียกถ้วยชาขึ้นดื่มน้ำเปล่า เอ่ยอย่างสงบนิ่ง

“ลองพูดมา ถ้ายากข้าไม่ทำ” จินเฟยเหยาไม่กล้ารับปากซี้ซั้ว สิ่งที่เจ้าหมอนี่ทำไม่ใช่เรื่องดีงามอะไร ถึงตอนนั้นถ้าทำให้ตนเองลำบากก็ยุ่งแล้ว

หวาซีมองท่าทางระมัดระวังของจินเฟยเหยาก็ยิ้มแย้ม “เจ้าวางใจ ยังไม่มาหาเจ้าชั่วคราว เป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ ข้ามีสัตว์ภูติที่เรียบร้อยน่ารักอยู่ตัวหนึ่ง ไม่ชอบอยู่ในกระเป๋าสัตว์ภูตินานๆ ถ้าข้าออกนอกสำนัก อยากจะให้เจ้าช่วยดูแลสักหลายวัน”

“คงมิใช่สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณหรอกนะ?” จินเฟยเหยาเหล่มองเขาอย่างสงสัย

“เป็นไปไม่ได้แน่นอน เป็นสัตว์ภูติสีขาวที่อ่อนโยน น่ารัก และเชื่อฟัง ถึงตอนนั้นพอเจ้าเห็นก็จะรู้เอง ถ้าดุร้าย เจ้าไม่รับก็ได้มิใช่หรือ” ฟังเขาเอ่ยสาบานอย่างจริงจัง จินเฟยเหยายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าเห็นแก่ที่ผู้อื่นมาส่งยาสร้างฐานให้ถึงที่ จึงเชื่อคำพูดของเขาชั่วคราว

ทั้งสองคนซุบซิบกันอยู่ครู่หนึ่ง ป้ายหยกภารกิจสำนักเฉวียนเซียนของจินเฟยเหยาพลันเปล่งแสงสว่างอย่างประหลาด นางหยิบป้ายหยกออกมาดูอย่างงุนงงแล้วแย้มยิ้มขึ้นอย่างกะทันหัน

“โชคดีจริงๆ การช่วงชิงยาสร้างฐานเพิ่งสิ้นสุดลง ภารกิจบังคับที่เลื่อนเวลามาตลอดก็ประกาศ” จินเฟยเหยายิ้มปริ่มเอ่ยกับหวาซี

หวาซีเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “มีอะไรน่าขำกัน พวกเจ้าผ่านมาอย่างยากลำบาก ยังมีภารกิจบังคับด้วย”

“พวกเจ้ายังเทียบพวกเราไม่ได้ ถ้าสำนักสั่งภารกิจอะไร พวกเจ้าไม่มีแม้แต่โอกาสต่อต้าน ต้องไปแต่โดยดี พวกเราแค่ต้องไปปีละครั้ง อีกทั้งภารกิจในครั้งนี้ยังเกี่ยวพันกับเจ้าด้วย” จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ ตบบ่าหวาซี

หวาซีรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง ภารกิจของสำนักเฉวียนเซียนเกี่ยวอะไรกับตนเอง

“ข้าบอกเจ้าดีกว่า ภารกิจบังคับครั้งแรกของข้าคือไปจับสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ เจ้าจะมอบสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณให้ข้าหรือไม่ ข้าจะไปส่งมอบภารกิจเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไม่ต้องออกตามหาไปทั่ว” จินเฟยเหยามองหวาซี แล้วยิ้มอย่างลึกลับ

“ฮึ” หวาซีหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าลืมสิ สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ หากมิใช่เพราะเจ้า ไม่กี่ปีพวกเราก็ได้รับยาสร้างฐานจากสำนัก ครั้งนี้สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณทำงานรับใช้เจ้าโดยแท้ เจ้าทำเรื่องลืมบุญคุณทรยศคุณธรรม ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน[1]ให้น้อยๆ หน่อย”

“เจ้าวางใจได้ ฉากหน้าเอ่ยถึงสถานที่ซึ่งสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณปรากฏตัว ไปทางเนินลาดเอียงทางตะวันออกของภูเขาเซียนซู่ครึ่งวัน เจ้ารีบเก็บสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณกลับไปก่อน ให้พวกเราคว้าน้ำเหลวก็พอ” จินเฟยเหยาส่ายป้ายหยกในมือ เอ่ยยิ้มๆ อย่างกระหยิ่ม

หวาซีกลอกตามองนางอย่างเหยียดหยาม “ต้องให้เจ้าบอกหรือ ข้ามิได้มีอาชีพปล้นชิงโดยเฉพาะ เก็บกลับไปตั้งนานแล้ว”

“เช่นนั้นก็ดีๆ”