บทที่ 57

ได้ยินแบบนี้ถังหยินก็สูดหายใจลึก ดวงตาของชายหนุ่มลุกเป็นไฟด้วยความตื่นเต้น เขาหันไปกระซิบ “มันดูไม่เหมาะสมนะข้าว่า?”

“ไม่มีทาง!” ชิวเจิ้นยืนยัน “หลังจากตรวจสอบดูแล้ว พวกเราเก่งกว่าชัด ๆ พวกโจรน่ะมันก็แค่ชาวบ้านเท่านั้น”

“แล้วถ้ามีคนจับได้ล่ะ?”

“จะเป็นไปได้ยังไง? ใครจะมาตรวจสอบกัน? ตราบเท่าที่พวกเราระวังตัวไม่ให้มีใครรู้ แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว!” เด็กหนุ่มกระซิบตอบกลับ

ชัดเจนเลยว่าชิวเจิ้นเตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อให้แผนการนี้สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมแผนที่ของทั้งเมืองนี้ไว้เสร็จสรรพ

เหตุผลดังกล่าวนี้เองจึงทำให้ชิวเจิ้นต้องไปพักที่จวนผู้ว่า อาจบอกได้เลยว่าก่อนถังหยินจะออกจากเมืองหลวง ชิวเจิ้นได้วางแผนนี้เอาไว้อย่างถี่ถ้วนแล้ว

ถังหยินยอมรับแผนนี้ของเด็กหนุ่ม ก่อนที่เขาจะหันขบวนเดินทาง มุ่งหน้าไปกำจัดพวกโจรป่าก่อนที่จะกลับไปยังเมืองหลวง

หลังออกจากเมืองกงเวลาเที่ยงตรง ถังหยินก็ออกคำสั่งให้ขบวนหยุด ก่อนที่เขาจะควบม้าไปใกล้รถม้าขององค์หญิง

ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าเป็นกังวล “ข้ามีบางอย่างต้องรายงานฝ่าบาท!”

“อะไร?”

“ตามที่หน่วยม้าเร็วรายงานมา มีพวกกลุ่มโจรอยู่ด้านหน้าพวกเรา ดูท่าทางอันตรายอย่างมาก ข้าขอล่วงหน้าไปจัดการพวกมันก่อน!”

คำพูดดังกล่าวทำเอาพวกแม่ทัพหญิงตะลึง แม้แต่พวกหัวหน้ากองเองก็ดูมีท่าทีหวาดกลัวเหมือนกัน ทำไมพวกเขาไม่รู้แม้แต่น้อย? พวกม้าเร็วกลับมาตอนไหนกัน?

นี่เป็นเรื่องที่ฉุกละหุกและจริงจังมาก ดังนั้นแม่ทัพหญิงจึงไม่รีรอและพาเขาไปอยู่ข้างรถม้า “ฝ่าบาท พวกเราได้รับข่าวว่ามีโจรกำลังซุ่มโจมตีพวกเราอยู่ ตอนนี้ถัง… แม่ทัพถังอาสาจะเข้าไปจัดการพวกมันเพคะ!”

“โอ้ ถ้างั้นก็รบกวนแม่ทัพถังด้วยก็แล้วกัน” เสียงองค์หญิงดังออกมา

ไม่ว่าเขาจะฟังยังไงมันก็คุ้นหูเป็นอย่างมาก หากแต่ชายหนุ่มก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี เขาลูบหน้าผากตัวเอง กัดฟันด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะยืนขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงไป นี่คือสิ่งที่ข้าน้อยสมควรกระทำอยู่แล้ว ขอเวลาข้าน้อยเพียงครู่เดียวก็พอแล้ว”

ว่าแล้วเขาก็พลันเปลี่ยนท่าที หันไปออกคำสั่งกับลูกน้องของตัวเอง “กู่เยว่ หลีเทียน พวกเจ้านำกองกำลังตัวเองไปจัดการพวกโจร ส่วนพวกเจ้าที่เหลืออยู่ที่นี่เพื่อคุ้มครององค์หญิง ใครก็ตามที่กล้าละเมิดคำสั่งจะถูกตัดหัว”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!” นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับคำสั่งที่เข้มงวดแบบนี้จากถังหยิน

“อำนาจสั่งการทั้งหมดจะตกอยู่กับหลีเหว่ยและเติงหมิงหยางในตอนที่ข้าไม่อยู่!”

“รับทราบ!”

“ไปกันเถอะ!” พูดจบ ถังหยินก็พากู่เยว่ หลีเทียน และ ชิวเจิ้นไปพร้อมกับเขาด้วย

พวกผู้ชายมักจะดูมีเสน่ห์เมื่อยามที่จริงจัง ยิ่งตอนออกคำสั่งจะยิ่งมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ถังหยินออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว ทำให้แม่ทัพหญิงตะลึงในความสามารถของเขาจนเผลอมองแผ่นหลังอีกฝ่ายทจนวิ่งหายลับตาไป

สำหรับถังหยินกับทุกคนที่วิ่งกันออกมา พวกเขามองหันกลับไปมองด้านหลังเล็กน้อยก่อนที่จะควบม้าเข้าไปในภูเขาลึก

ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไหร่กู่เยว่และหลีเทียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ใช่พวกโจรมันซุ่มโจมตีพวกเขาหรือ? นี่มันอะไรกันแน่?

ถังหยินควบขี่ม้าเข้าไปในป่าลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่มันก็ยังไม่มีวี่แววของกลุ่มโจรที่ว่าเลยแม้แต่น้อย จนกู่เยว่เริ่มทนไม่ไหว เขาจึงถามออกไป “แม่ทัพถัง พวกเรายังไม่ถึงอีกหรือ?”

ถังหยินมองแผนที่ที่ชิวเจิ้นมอบให้กับเขาแล้วพูดขึ้น “พวกเราใกล้ถึงแล้ว หลังจากผ่านป่านี้ไปและอ้อมลำธารไปก็เจอแล้ว”

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทหารแถวนี้ถึงจัดการพวกมันไม่ได้ เพราะว่าพวกโจรมันได้ข่าวล่วงหน้า ทั้งยังใช้ป่าแห่งนี้เพื่อหลอกตาผู้คน

จริง ๆ แล้วพวกโจรเองก็มีสายของพวกมันอยู่ในเมืองเหมือนกัน และเมื่อทหารเคลื่อนทัพเมื่อไหร่ พวกมันก็จะได้รับข่าวแจ้งทันที ทำให้พวกมันสามารถจัดตั้งการซุ่มโจมตี หรือหลบหนีได้ทัน

แม้ว่าถังหยินกับคนอื่นจะมีทหารในมือมากมาย แต่ด้วยภารกิจคุ้มครององค์หญิง ใครจะไปคิดล่ะว่าพวกเขาจะมาฆ่าพวกโจรไปด้วยระหว่างทาง ดังนั้นแล้วพวกโจรจึงไม่ได้ทำการเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้ ไม่งั้นพวกมันก็คงทำการหลบหนีไปนานแล้ว

พวกเขาเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงภูเขาแห่งหนึ่ง พื้นดินบริเวณนั้นเต็มไปด้วยหินมากมาย ดังนั้นถังหยินจึงตัดสินใจลงจากหลังม้า

“พวกมันมีกัน 500 คนแน่ใช่ไหม?” ชายหนุ่มถามชิวเจิ้นที่อยู่ด้านหลัง

“นั่นเป็นข้อมูลที่ข้าได้มาจากเมืองกง”

กู่เยว่ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “พวกเจ้าบอกว่าโจรมันซุ่มโจมตีไม่ใช่หรือ?”

ทั้งสองมองหน้าแล้วก็หัวเราะกัน “บอกความจริงกันเถอะ!”

ชิวเจิ้นดึงตัวกู่เยว่และหลีหยางเข้ามาใกล้ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ถังหยินนั้นเชื่อใจในตัวพวกเขามากทีเดียว ดังนั้นจึงได้พาทั้ง 2 คนนี้มาด้วย ส่วนทหารระดับล่าง การที่พวกเขาไม่รู้เรื่องน่าจะเป็นการดีที่สุดแล้ว

กู่เยว่และหลีเทียนในที่สุดก็รู้แล้วว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะชิวเจิ้นบอกมา ทั้งสองหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเขามาก

ชายหนุ่มเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาจึงหันไปถามชิวเจิ้น “ถ้าพวกเรากำจัดโจรสำเร็จ เมื่อกลับไปที่เมืองแล้วจะเป็นยังต่อ ??”

เด็กหนุ่มที่ได้ยิน เขาก็หันมายิ้ม ก่อนจะพูดว่า “แน่นอน ในเมื่อองค์หญิงเสด็จมาด้วยแบบนี้ ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็คงไม่มีใครรับผิดชอบไหวอยู่แล้ว อีกอย่าง สิ่งที่พวกเราทำก็คือการกำจัดศัตรูที่คิดร้ายกับองค์หญิง ดังนั้นแล้วเมื่อฝ่าบาทสามารถกลับไปที่เมืองได้อย่างปลอดภัย ฝ่ายพวกเราเองก็ย่อมต้องได้รางวัลตอบแทน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่ห์กล

หากแต่เป็นการเมืองต่างหาก ถ้าคิดอยากจะขึ้นไปอยู่ตำแหน่งที่สูงกว่านี้ เราต้องสร้างโอกาสขึ้นมาเอง!”

“ข้าเอาด้วย!” กู่เยว่เป็นนักรบก็จริง แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายแบบนี้เขาก็ยอมรับและยกนิ้วให้กับความคิดดังกล่าว

“หึหึ” ชิวเจิ้นหัวเราะ “ถ้าเป็นเรื่องสงครามละก็ข้าไม่ยุ่งหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ ข้าละถนัดนัก”

ระหว่างที่เดินทางพวกเขาก็แลกเปลี่ยนบทสนทนากันไปมา เมื่อมาถึงตีนเขา พวกเขาก็พากันเดินขึ้นไปบนนั้น เส้นทางขึ้นภูเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก มีหลุมบ่อและมีแต่หน้าผาทั้งสองข้างทาง ซ้ำร้ายช่องทางเดินก็ยังแคบมาก ถ้าไม่ระวังละก็ได้ตกไปตายแน่

เมื่อพวกเขาเดินไปก็ได้ยินเสียงตะโกนมากมายจากรอบทิศทาง ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าพวกโจรมันพบตัวพวกเขาแล้ว ใบหน้าของถังหยินปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ก่อนที่หมอกสีดำจะเข้ามาล้อมรอบตัวชายหนุ่ม และกลายเป็นเกราะสีดำ

เห็นแบบนี้กู๋เยว่และหลีเทียนก็เตรียมอาวุธขึ้นมา “เตรียมตัวเข้าปะทะ!”

ชิวเจิ้นหลบตัวออกมาจากแนวรบ เพราะเขาสู้หรือปกป้องตัวเองไม่ได้เลย ถ้าอยู่ไปก็รังแต่เป็นภาระเปล่า ๆ

ถังหยินในชุดเกราะปราณพลันพุ่งไปข้างหน้า ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงจากรอบทิศทางที่ตรงเข้ามา ที่มาของเสียงพวกนั้นก็คือลูกศรซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหาตน

เขาไม่หลบมันแม้แต่น้อย ปล่อยให้ลูกธนูพุ่งเข้าใส่ตัวเองตรง ๆ และด้วยเกราะปราณที่มี มันจึงทำให้ลูกศรเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มได้เลย

เกราะปราณนั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะทนอาวุธธรรมดาได้ ถ้าหากไม่เจอเข้ากับอาวุธปราณ เขาก็จะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บเป็นอันขาด ชายหนุ่มเดินต่อไปข้างหน้า ปล่อยให้ลูกธนูพุ่งเข้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว

จากนั้นเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรเลย พวกมันจึงพากันหยุดยิง ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นอาวุธแบบไหน ถังหยินเงยหน้าขึ้นมา เขาเห็นเข้ากับรถเหล็กที่กำลังพุ่งตรงมายังตนจากบนภูเขา

ด้านหน้าของรถทำจากโลหะ ทั้งยังมีดาบมากมายติดอยู่ข้าง ๆ เป็นทางยาว ระยะการโจมตีนั้นกว้างมาก ในขณะที่ตัวรถนั้นก็เต็มไปด้วยหินมากมาย ดูแล้วน่าจะหนักมากทีเดียว

ถังหยินตะลึงกับภาพตรงหน้า ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าพวกโจรจะมีอาวุธประหลาดแบบนี้ได้ เขาหลบไม่ได้อยู่แล้ว เพราะถ้าหลบละก็ พวกทหารด้านหลังจะเป็นยังไง ไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว ชายหนุ่มเอื้อมไปที่ด้านหลังของตนเอง และหยิบดาบของเขาออกมา

พลังงานสีดำไหลออกมาจากมือของเขาผสานเข้ากับดาบซิมิทาร์ จากนั้นมันก็กลายเป็นเคียวสีดำขนาดใหญ่

แม้ว่ามันจะฟังดูช้า หากแต่แท้ที่จริงแล้วมันกลับรวดเร็ว ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

ถังหยินถือเคียวในมือแน่น เขายกมันขึ้นสูง ก่อนจะตวัดมือ ทำการผ่าเคียวลงมาใส่รถที่อยู่ด้านหน้าของตน เคียวนั้นผ่าอากาศออกจนได้ยินเสียงลมที่ถูกตัด