Chaotic Sword God ตอนที่ 41 สัตว์อสูรเมฆาอัคคี
นั่นมันเป็นไปไม่ได้ เสี่ยวเล่อ เจ้ากำลังพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ ทั้งสองคนยังไม่ได้เป็นเซียน ที่คิดว่าพวกเขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรไปกว่า 70 ตัว นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มที่ถือหอก เขากล่าวออกมาอย่างไม่เชื่อ
ใช่ มันเหลวไหลเกินไป แม้กระทั่งเซียนเองก็ยังเป็นไปได้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพียงลำพังคนเดียว ข้าคิดว่าแม้จะเป็นเซียนก็ยังไม่อาจที่จะฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 หลาย ๆ ตัว ภายในวันเดียวได้ ข้าสงสัยนัก ว่าพลังเซียนของพวกเขานั้นไม่มีขีดจำกัดเลยหรืออย่างไร นักธนูสาวกล่าวออกด้วยความสงสัย
ในช่วงยามนั้นเอง ชายผู้ที่เชิญเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเข้าร่วมกลุ่มกล่าวออกมาว่า เหลียงเสี่ยวเล่อ เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? ในสำนักของเรามีคนที่น่าสนใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? พวกเขาไม่ใช่เซียน แต่กลับล้มสัตว์อสูรระดับ 1 ลงได้อย่างง่ายดายนัก? พวกเขาเป็นใครกันนะ? ขณะที่กำลังพูด ราวกับว่าเขาได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่เปลี่ยนให้ใบหน้านั้นเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็วนัก
ใบหน้าของเหลียงเสี่ยวเล่อ ดูภาคภูมิใจ ราวกับว่านางกำลังทำสิ่งที่เป็นเกียรติ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ข้าสามารถบอกเจ้าได้เพียงว่า ผู้ชายคนที่แลกเปลี่ยนแกนอสูรกับขวานของเจ้า เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในสำนักนี้ ที่ชื่อว่าเถี่ยต้า เขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของอาจารย์ใหญ่ และอีกคนนั่นคือนักเรียนคุมกฎของเหล่าเด็กใหม่จากการแข่งขันการประลองนักเรียนใหม่ เจียงหยางเซียงเทียน
ทุกคนร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันก่อนที่พูดกันเองด้วยความตื่นเต้น
ว่าแล้วเชียว พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดานี่เอง ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมพลังของพวกเขาถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขากล่าวกันว่าเถี่ยต้านั้นสามารถสู้กับนายน้อยเฉิงและสามารถรับมือเขาได้ที่บริเวณหอหนังสือ …
นั่นเจียงหยางเซียงเทียนซึ่งเป็นคนที่ล้มเซียนกาดิหยุน ในการต่อสู้อันเข้มข้นนั้น ข้าได้ดูการต่อสู้นั้น ความแข็งแกร่งของเจียงหยางเซียงเทียนนั้นช่างน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง
ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเซียนขั้นกลางอย่างลั่วเจี้ยนก็ไม่สามารถจัดการกับเจียงหยางเซี่ยงเทียนได้ และในท้ายที่สุดก็ถูกบีบให้เขาใช้อาวุธเซียนออกมา
….
โดยปราศจากภาระเช่นเหลียงเสี่ยวเล่อ เถี่ยต้าและเจี้ยนเฉินก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นไป และในไม่ช้าไม่นานนั้น ทั้งสองคนก็ก้าวเข้าไปยังเขตแดนชั้น 3
ครั้งแรก ตอนที่พวกเขาเข้ามายังเขตแดนชั้น 3 ทีแรก พวกเขาไม่เห็นความแตกต่างระหว่างสองเขตแดน แต่เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปลึก คงต้องเรียกมันว่านรก หากเปรียบมันกับเขตแดนชั้น 3 ขณะที่เขตแดนชั้น 2 อาจกล่าวได้ว่าเป็นสวรรค์
มีสัตว์อสูรทุกประเภทอยู่ในป่านี้ และบริเวณพื้นดินนั้นก็เต็มไปด้วยหนองน้ำ ดังนั้นถ้าหากพวกเขาไม่ระวังแล้วละก็ คงต้องจมลึกลงไปในน้ำอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม หนองน้ำต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้นแล้วมันจึงไม่ได้ลึกเกินไปนัก มิฉะนั้นหากไม่มีใครมาช่วยพวกเขา พวกเขาจะไม่อาจหลบหนีไปได้อย่างมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพื้นดิน แต่มันไม่มีหญ้ามากนักในเขตแดนชั้น 3 ดังนั้นระดับการรับรู้จึงดีมากกว่าเขตแดนชั้น 2
เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าได้ทาผงบางอย่างบนตัวพวกเขาอย่างระมัดระวัง ผงประเภทนี้เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกัดพวกเขา
เจียงหยางเซียงเทียน ดูเหมือนว่าเจ้าคุ้นเคยกับป่านัก เจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนหรือ เจ้าช่างเป็นคนที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก ? เถี่ยต้ากล่าวในขณะที่มองฝุ่นผงสีเขียวที่เคลือบอยู่บนร่างกายของเขา
เจี้ยนเฉินหัวเราะและกล่าวว่า ข้าอ่านหนังสือในหอหนังสือเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ข้าจึงมีความเข้าใจในป่านี้มากทีเดียว
” อา นั่นไม่น่าแปลกใจ เถี่ยต้าตระหนัก
หลังจากที่เถี่ยต้าพูด ใบหน้าเจี้ยนเฉินนิ่งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ในขณะเดียวกัน พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น
แต่ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะพูดอะไร เถี่ยต้านั้นก็ได้กระทำอะไรบางอย่าง โดยการยกขวานใหม่ของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง
เจี้ยนเฉินชำเลืองมองไปทางซ้ายของเขาและกล่าวอย่างระมัดระวัง เถี่ยต้า ต้องระวังให้มาก เวลานี้มันดูเหมือนว่าเราได้เจอสัตว์อสูรขนาดใหญ่
เข้าใจแล้ว ! เถี่ยต้าพยักหน้าของเขา ขณะนั้นใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมากขึ้น เพราะพวกเขาอยู่ในเขตแดนชั้น 3 นี่ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อสูรระดับ 1 แต่มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 2 ที่แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรระดับ 1 และที่มากกว่านั้นคือ มีเพียงเซียนระดับสูงเท่านั้นที่จะยืนหยัดสู้กันมันได้
ถึงแม้ว่าพลังโจมตีจะไม่แข็งแกร่งเท่าไร แต่ความรุนแรงของมันยังคงไม่สามารถที่จะประเมินได้
ขณะที่ทั้งสองมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีระแวดระวัง ในที่สุดสัตว์อสูรก็ปรากฏตัวออกมาให้พวกเขาเห็น ทั้งร่างกายขนสีแดงปกคลุมและตัวสูงราว 3 เมตรและกว้าง 5 เมตร มีสองเขี้ยวยาวโผล่ออกมาจากปากของมันซึ่งดูราวกับว่าพวกมันสามารถกัดผ่านชั้นกล้ามเนื้อได้อย่างง่ายดาย ถ้ามันไม่ใช่ความจริงที่ว่าสัตว์อสูรตัวนั้น มีจมูกที่สั้นแล้วละก็ เจี้ยนเฉินจะมีความคิดว่านี่คือสัตว์ที่เขาเคยพบในโลกก่อนหน้านี้ที่ซึ่งถูกเรียกว่าช้าง แต่อสูรตัวนี้ใหญ่กว่าช้างมากนัก
เถี่ยต้า เจ้าต้องระวังให้ดี นี่เป็นสัตว์อสูรระดับ 2 สัตว์อสูรเมฆาอัคคี มันสามารถพ่นออกไฟจากปากและจัดการกับมันได้ค่อนข้างยาก เจี้ยนเฉินเอ่ยชื่อของสัตว์อสูรออกมา เพราะเขาได้อ่านหนังสือมากมายในหอหนังสือ นั่นจึงทำให้เขารู้จักสัตว์อสูรจำนวนมากและรู้แม้กระทั่งว่ามันทักษะพิเศษเช่นไร
เถี่ยต้าเพียงพยักหน้า ในขณะที่เขามุ่งเน้นความสนใจของเขาทั้งหมดไปยังสัตว์อสูรเมฆาอัคคีที่เหมือนจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น
โฮ่วววว ! สัตว์อสูรเมฆาอัคคีขนาดยักษ์คำราม ในขณะที่มันเริ่มที่จะขยับขาแต่ละข้างมายังบริเวณที่เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าอยู่ซึ่งทำให้รู้สึกราวกับว่าแผ่นดินไหว
ตาเจี้ยนเฉินเป็นประกายเข้มขึ้น ข้าจะโจมตีมันจากด้านหน้า เถี่ยต้า เจ้าหมุนไปรอบ ๆ และหาโอกาสโจมตีจากด้านหลัง เขากระโดดขึ้นไปข้างหน้าในอากาศ ตรงไปยังหัวของสัตว์อสูรตัวนั้น
ในขณะที่เจี้ยนเฉินเคลื่อนไหว เถี่ยต้านั้นก็เริ่มจะเคลื่อนไหวออกมาอย่างรวดเร็วและก้าวเดินเป็นวงกลมรอบสัตว์อสูรที่อยู่เบื้องหลัง
ยืนอยู่ด้านบนของหัวของมัน เจี้ยนเฉินได้ตะโกนออกมาขณะที่เขารวบรวมพลังเซียนให้เข้าไปภายในแท่งเหล็กของเขา ก่อนที่จะแทงอย่างรุนแรงลงไปยังหัวของสัตว์อสูรตัวนั้น
ตึง ! ในขณะที่ราวกับว่าหัวของมันทำจากเหล็ก หัวของสัตว์อสูรเมฆาอัคคีนั้นแข็งนัก บนหัวของมันมีเพียงแค่รอยถากไปเท่านั้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันไม่สามารถที่จะเจาะผ่านการป้องกัน
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสัตว์อสูรเมฆาอัคคีมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมีความแข็งแรงขนาดที่ว่าแท่งเหล็กของเขาไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับมันได้ เขาใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาในการโจมตีนั้น และมันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ย้าก ! ด้วยเสียงคำราม เถี่ยต้ากระโดดไปข้างหน้าและใช้ความแข็งแรงมหาศาลของเขาเฉือนที่ก้นของ สัตว์อสูรเมฆาอัคคี แต่เขาไม่ได้ทำได้ดีไปกว่าเจียเฉิน แม้ว่าขวานของเขาได้ตัดผ่านผิวหนังของสัตว์อสูร แต่ไม่อาจสร้างความเสียหายได้ทั้งหมด
การโจมตีของพวกเขาถูกพบเห็นได้อย่างชัดเจน สัตว์อสูรเริ่มโกรธจัดเพราะมันคำรามการตอบสนองเจี้ยนเฉินที่อยู่ด้านหน้า
ขณะที่เจี้ยนเฉินบินผ่านอากาศ เขาได้ปรับตัวเองอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าทั้งสองของเขายันลำต้นของต้นไม้ เขาพลิกตัวเองและตรงไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียง
หลังจากเจี้ยนเฉินพุ่งตัวไป สัตว์อสูรเมฆาอัคคีหันไปรอบ ๆ และพยายามที่จะกัดเถี่ยต้า
ทันใดนั้นเถี่ยต้ากระโจนเพื่อหลบเลี่ยงปากของมันและในขณะเดียวกันก็เหวี่ยงขวานรบซึ่งใหญ่มากทีเดียวของเขา
ตึง! ขวานทุบทำลายเขี้ยวยาวของมันหลุดออกมาราวกับถอนราก อย่างไรก็ตาม หลังจากเขี้ยวยาวถูกหักออก ขวานรบของเถี่ยต้าก็บิ่นเสียหายออกไปหลายส่วน
โฮ่ว ! สัตว์อสูรเมฆาอัคคีคำรามด้วยความโกรธ ขณะที่มันขยับตรงไปหาเถี่ยต้า
แววตาของเถี่ยต้ามีประกายอันตราย ในขณะที่เขาจ้องดูสัตว์อสูรเมฆาอัคคีพุ่งไปหาเขา โดยไม่ต้องกังวลที่จะหลบ เขาทิ้งขวานรบลงบนพื้นดินและใช้มือทั้งสองข้างของเขาที่จะคว้าบนเขี้ยวที่เหลืออยู่หรือรากของมัน ก่อนที่จะผลักดันกลับไปสัตว์อสูรให้หยุดชะงักอีกครั้ง
ช่วงเวลานั้นเอง เถี่ยต้าได้กลายเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย เขาคำรามออกมาดัง ๆ มือของเขาผลักกับเขี้ยวสัตว์อสูรเมฆาอัคคีราวกับพยายามที่จะวัดความแข็งแกร่งของเขากับมัน
แม้เถี่ยต้าจะมีความแข็งแรงราวสวรรค์ เขายังคงมีรูปร่างเล็ก หากเปรียบเทียบกันสัตว์อสูรเมฆาอัคคี ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเองไม่ได้หมดไป เขาก็พบว่าตัวเองถูกผลักดันไปข้างหลังเป็นระยะทางที่กว้างใหญ่ เท้าของเขาทิ้งไว้ข้างหลังสองรอยลึกลงไปในพื้นดิน
อา! เถี่ยต้าเผยให้เห็นความบ้าคลั่งภายในแววตาของเขาขณะที่เขาคำราม เส้นเลือดที่อยู่ในแขนของเขาโป่งพองขึ้นขณะที่แขนทั้งสองข้างของเขาขยายตัวขึ้นในทันทีขณะที่เขาเริ่มใช้กำลังมากขึ้น
ปัก ! ! อีกเสียงที่คมชัดก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงเขี้ยวที่เหลือซึ่งหักออกด้วยฝีมือของเถี่ยต้า ทำให้สัตว์อสูรเมฆาอัคคีร้องคำรามดังสนั่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและเลือดที่ไหลออกมา
แม้ว่าเถี่ยต้าจะใช้ด้วยความแข็งแกร่งอย่างมาก แต่เขาก็ยังไม่พอใจ ในขณะที่เขาคว้าบางอย่างออกมาจากเขี้ยวและใช้มันแทงเข้าไปในหัวของสัตว์อสูรเมฆาอัคคี
เขี้ยวของสัตว์อสูรเมฆาอัคคีคมมากทีเดียวและก็ยังแข็งแกร่งกว่าอาวุธเจี้ยนเฉิน ถึงแม้จะคมแต่มันได้ทะลุเข้ามาในหัวเพียงแค่ตื้น ๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุให้เลือดบางส่วนไหลออกจากบาดแผลเล็ก ๆ ที่ถูกแทงนั้น
เห็นเถี่ยต้าใช้เขี้ยวของมันแทงมัน ดวงตาของสัตว์อสูรเมฆาอัคคีกลายเป็นสีแดงก่ำ มันส่งเสียงคำรามดังและอ้าปากกว้าง ก่อนจะพ่นไฟออกมาบริเวณรอบ ๆ ที่เกือบจะเหมือนงูขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากขากรรไกรที่อ้ากว้าง ด้วยความตั้งใจที่จะเผาเถี่ยต้าที่ยังมีชีวิต โดยอุณหภูมิรอบ ๆ ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทันที
สัมผัสได้ถึงรังสีความร้อนที่ออกมาจากไฟ เถี่ยต้ามีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ในขณะที่เขาทิ้งตัวเองให้ไกลจากการโจมตี แต่แม้จะทำเช่นนั้น ความพยายามกลับไม่เป็นผล มันไม่อาจหลบได้ทันทั้งหมดและร่างกายของเขาก็อยู่ท่ามกลางไฟ
เห็นเถี่ยต้าถูกล้อมไปด้วยไฟ เจี้ยนเฉินหน้าซีดด้วยความตกใจ เขาหักกิ่งไม้หนาออกทันทีและกระโดดถีบกับลำต้นของต้นไม้และเร่งความเร็วไปที่เถี่ยต้าราวกับกระสุน
โฮ่วววว ! สัตว์อสูรเมฆาอัคคีคำรามอีกครั้ง ในขณะที่มันยังคงพยายามเผาเถี่ยต้า มันอ้าขากรรไกรกว้างและพยายามที่จะกลืน โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายติดอยู่ในไฟหรือไม่
ขณะที่สัตว์อสูรเมฆาอัคคีกำลังจะเขมือบเถี่ยต้าลงไป ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็มาถึงเถี่ยต้า โดยเจี้ยนเฉินใช้แขนทั้ง 2 ข้างดึงกิ่งไม้ในมือของเขาเพื่อลากเถี่ยต้าออกมาเกือบสิบเมตรจากสัตว์อสูร
เจี้ยนเฉินปล่อยเถี่ยต้าจากกิ่งไม้อย่างรวดเร็วและไม่ความสนใจในความร้อนจากไฟนั้น ที่มันเริ่มลามออกมาที่แขนและไปทั่วชุดหนังสัตว์จากหมาป่าที่เถี่ยต้าสวมอยู่
เพราะไฟเผาไหม้ชุดคลุมนั้น เขาจึงรีบโยนชุดหนังหมาป่าออกไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานั้นเอง เถี่ยต้าก็ไม่ได้โดนไฟไหม้อีกต่อไป เถี่ยต้านั้นเหลือเพียงเครื่องแบบสำนักที่ขาดหลุดรุ่ยวิ่นทั้งชุด
แทนที่เถี่ยต้าได้รีบลุกขึ้นจากพื้น เขาก็เริ่มต้นที่จะกลิ้งบนพื้น ในขณะที่เขาบ่น ร้อนร้อน ! ข้ากำลังจะตายจากความร้อน, มันเผาข้า … เห็นเขาบ่นได้เช่นนั้น เจี้ยนเฉินอนุมานได้ว่าเถี่ยต้าไม่ได้รับความเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายใด ๆ แต่ผมของเขาไหม้ทั้งหมดจนหัวล้าน ไม่ใช่อย่างเดียวที่หายไป แม้แต่คิ้วและขนตาของเขาได้ถูกไฟไหม้ไปด้วย !