ตอนที่ 71 ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ / ตอนที่ 72 เธอวางตัวดีมาตลอด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 71 ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ

 

 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ป๋อจิ่งชวนมองไปยังเธอก่อนเอ่ยถามเสียงทุ้ม

 

 

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ” เฉินฝานซิงตอบเรียบๆ “คุณจะไปส่งคุณย่าไหม”

 

 

“ในเมื่อคุณย่าปลอดภัยแล้วผมคงไม่ไปแล้วล่ะ ยังมีธุระที่บริษัทอีก”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้าพลางนึกไปถึงตอนที่คุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้อวี๋ซงได้บอกเธอว่าเขากำลังประชุมอยู่

 

 

“งั้นคุณย่า…”

 

 

“งั้นหนูฝานซิงก็พาย่าไปส่งบ้านนะ หนูกลับบ้านเป็นเพื่อนย่านะ! ย่าไม่มีหลานชายแบบเขา!”

 

 

เฉินฝานซิงยังไม่ทันพูดจบ เสียงติดจะหงุดหงิดของหญิงชราก็ได้ดังขึ้นในห้องโดยสาร!

 

 

เฉินฝานซิงโน้มตัวลง ป๋อจิ่งชวนก็จ้องมองเธอ ขณะนี้ระยะห่างของทั้งสองใกล้กันมากยิ่งขึ้น

 

 

แม้ว่ามันไม่ได้มากไปกว่าระยะห่างปกติ แต่ในแววตาของเฉินฝานซิงก็ยังคงฉายแววตระหนกเล็กน้อย

 

 

เธอหลบตาอย่างลุกลนก่อนเคลื่อนสายตามองผ่านใบหน้าของป๋อจิ่งชวนไปยังหญิงชราในห้องโดยสาร

 

 

“ส่งคุณย่ากลับบ้านน่ะไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ว่าแต่คุณย่ากำลังโกรธอยู่เหรอคะ หลานชายของคุณย่าก็บอกแล้วว่าที่บริษัทกำลังยุ่ง…”

 

 

คิ้วของป๋อจิ่งชวนกระตุกเล็กน้อย

 

 

เธอกำลังพูดแทนเขาอยู่

 

 

“เหอะ ในสายตาเขาก็มีแค่งานเท่านั้นแหละ! ย่าไม่อยากจะยุ่งกับเขาแล้ว หนูฝานซิงพาย่ากลับเถอะ เดี๋ยวย่าจะเลี้ยงมื้อเย็นนะ!”

 

 

“…ค่ะ”

 

 

เฉินฝานซิงเงียบไปก่อนจะหันไปมองป๋อจิ่งชวนแล้วตอบรับ

 

 

นึกถึงครั้งก่อนที่ไม่มีใครอยู่ทานมื้อเย็นเป็นเพื่อนหญิงชรา จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจ ครั้งนี้เธอจึงทำใจปฏิเสธไม่ลง

 

 

“อืม เราไปกันเถอะ! ปล่อยให้ไอ้หมอนี่แต่งงานกับงานของเขาไป!”

 

 

หญิงชราว่าพลางเตรียมจะลงจากรถ

 

 

ระหว่างนั้นเองเธอก็จิ้มจึกลงไปแรงๆ ที่เอวของป๋อจิ่งชวนหนึ่งครั้ง

 

 

โหนกคิ้วเข้มขยับเล็กน้อยจนแทบไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นเขาจึงคว้าแขนของเธอเอาไว้

 

 

“อวี๋ซง!”

 

 

เขากดเสียงเรียก อวี๋ซงจึงรีบอ้อมมารับหญิงชราที่ประตูรถแล้วประคองเธอไปยังวิลแชร์

 

 

เมื่อเห็นหญิงชรานั่งลงแล้ว ป๋อจิ่งชวนจึงหันไปเอ่ยกับเฉินฝานซิง

 

 

“งั้นรบกวนคุณหน่อยนะ!”

 

 

เฉินฝานซิงยกยิ้มมุมปาก “ไม่รบกวนหรอกค่ะ”

 

 

เมื่อจัดแจงที่นั่งให้หญิงชราเรียบร้อยแล้วรถของป๋อจิ่งชวนก็ได้ปลีกตัวออกไปก่อน

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้หันไปมองคนพวกนั้นแม้แต่หางตา เธอพาหญิงชราและไหลหรงกลับไปส่งที่บ้าน

 

 

ซูเหิงเป็นคนที่กลับเป็นคนสุดท้าย ขณะนั้นเขากำลังรอคนขับรถของบ้านตัวเองมารับ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องการพาหลินเฟยเฟยไปโรงพยาบาล

 

 

เมื่อตัวเอกในละครหลังข่าวได้แยกย้ายกันไป จัตุรัสจึงค่อยๆ กลับสู่คืนสภาพเดิม

 

 

เพียงแค่รถหรูสองคันถูกพังยับที่จัตุรัสซินซื่อเจี้ยเมื่อตอนบ่าย กลับกลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดบนโลกโซเชียลในขณะนี้

 

 

บางคนเริ่มสืบหาเบาะแสของตัวละครในเหตุการณ์นี้แล้ว

 

 

และในขณะนั้นเอง หัวข้อสนทนานี้ก็ได้อันตรธานหายไปจากสื่อใหญ่บนโลกออนไลน์อย่างไร้วี่แวว

 

 

ไม่แน่ว่าอาจเป็นหลานอวิ้นที่ประชาสัมพันธ์ให้หรืออาจเพราะซูเหิงออกโรงจัดการเอง

 

 

สรุปคือ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดสองคนนี้ก็จะไม่ยอมเสียหน้าด้วยเรื่องนี้เด็ดขาด!

 

 

หลินเฟยเฟยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว เฉินเชียนโหรวและซูเหิงอยู่ตรงโถงทางเดินได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานของหลินเฟยเฟยทำเอาเฉินเชียนโหรวกลัวจนต้องห่อไหล่

 

 

ซูเหิงก้มลงมองเธอแล้วตบลงเบาๆ บนไหล่ของเธอ

 

 

เธอแหงนหน้ามองเขาทั้งน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตรงหางตา แม้ไม่พอใจแต่ใบหน้ากลับยังคงแสดงออกถึงความอ่อนโยนและกังวล

 

 

“พี่เหิง ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าพี่เขาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ มันเพราะ…เพราะสิ่งที่เราสองคนทำกับเธอหนักหนาเกินไปใช่ไหม…”

 

 

เธอว่าพลางปล่อยหยาดน้ำใสที่หางตาให้ไหลรินลงมาอย่างเงียบๆ

 

 

หัวใจของซูเหิงกระตุกยวบ เขานึกถึงทุกกิริยาท่าทางของเฉินฝานซิงวันนี้ใบหน้าก็พลันมืดหม่นลง!

 

 

“รออีกหน่อยเถอะ ยังไงเรื่องระหว่างเรา…มันก็ตั้งแปดปี…เธอจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนั้นก็ไม่แปลก…เชียนโหรวเธอ…”

 

 

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าอย่างรีบร้อน “ฉันรู้ค่ะ เพราะงั้นวันนี้ฉันถึงไม่โทษพี่เขา ฉันแค่เป็นห่วงเธอ…”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 72 เธอวางตัวดีมาตลอด

 

 

“เป็นห่วง? ยังไง”

 

 

เขาย่นคิ้วถาม แม้จะรู้ว่าเฉินฝานซิงอารมณ์เสียเรื่องที่เลิกกัน แต่ดูจากวันนี้แล้วเธอต่างหากที่รับมือกับการถูกรังแกไม่ได้

 

 

“พี่เหิง พี่ไม่สงสัยเหรอว่าผู้ชายที่นั่งบนรถวันนี้เป็นใคร พี่สาวเพิ่งเลิกกับพี่คงจะระงับอารมณ์ไม่ได้ชั่วขณะ ถ้าหากพี่เขาปลงไม่ตกแล้วถือโอกาสนี้หาคนรวยๆ มาข่มพวกเรา…”

 

 

ซูเหิงสีหน้าเยือกเย็นลงทันที “ฝานซิงไม่ใช่คนแบบนั้น! เธอวางตัวดีมาตลอด!”

 

 

พวกเขาคบกันมาแปดปี ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงช่วงเวลาที่โรแมนติกที่สุดและช่วงเวลาที่หุนหันพลันแล่นที่สุดของชีวิต แต่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ไม่เคยมีอะไรเกินเลยอย่างมากที่สุดก็แค่กอดกันพอเป็นมารยาท

 

 

แม้จะเป็นเช่นนั้นบางครั้งเธอก็แสดงอาการอึดอัดออกมาให้เห็นยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้เธอคอยอยู่ข้างกายเขาไม่ห่าง

 

 

ทุกการกระทำของเธอแทบจะอยู่ในสายตาเขาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตอนทำงาน ตอนพักผ่อนหรือแม้แต่การใช้ชีวิตธรรมดาๆ ที่น่าเบื่อที่สุดของเธอ

 

 

เธอจะยอมทำเรื่องพวกนั้นเพื่อแก้แค้นเขาได้ยังไง

 

 

“วางตัวดี…มาตลอดงั้นเหรอ”

 

 

เฉินเชียนโหรวก้มหน้าพึมพำด้วยแววตาชั่วร้าย

 

 

ฝากไว้ก่อนเถอะเฉินฝานซิง เรื่องครั้งนี้ฉันต้องคิดบัญชีแน่!

 

 

“ขออย่าให้พี่สาวทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นจริงๆ ด้วยเถอะ ผู้ชายคนนั้น…อาจจะแค่รู้จักกันโดยบังเอิญ…”

 

 

เธอพูดเสียงต่ำ เอ่ยถึงผู้ชายที่เจอวันนี้อย่างจงใจก็ไม่เชิง

 

 

“เอาเถอะเลิกคิดมากได้แล้ว เดี๋ยวพอหลินเฟยเฟยออกมาแล้วฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านเลย วันนี้คงไม่ต้องไปบริษัทแล้วล่ะ ป่านนี้พวกนักข่าวคงไปออกันอยู่เต็มหน้าประตูบริษัทหมดแล้ว”

 

 

แม้ซูเหิงจะพูดแบบนั้นแต่นัยน์ของเขาตากลับฉาบไปด้วยความเคร่งขรึม

 

 

“อ้อ คุณย่าให้คนติดต่อฉันมา”

 

 

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะรู้สึกถึงใบหน้าของเธอได้ถูกประคองขึ้น

 

 

ซูเหิงแตะเบาๆ ตรงซีกหน้าที่ช้ำแดงด้วยสายตาเป็นห่วง

 

 

“ทำให้เธอน้อยใจซะแล้ว เจ็บหรือเปล่า”

 

 

“…ไม่เจ็บ” เธอกัดฟันพูดราวกับกำลังข่มความน้อยใจของตัวเองเอาไว้ ทว่าน้ำตากลับยังคงไหลรินออกมา

 

 

“เด็กโง่ เจ็บก็บอกสิอยู่ต่อหน้าฉันยังจะอวดดีอีกเหรอ”

 

 

เธอพยักหน้าแล้วซุกศีรษะลงไปในอ้อมกอดของเขา

 

 

“ฉันไม่เจ็บหรอก มีพี่คอยเป็นห่วงฉัน รักฉันแบบนี้ ต่อให้เจ็บเจียนตายยังไงก็ไม่เจ็บ ตอนนี้หัวใจฉันเหมือนถูกโรยด้วยน้ำตาล สักนิดก็ไม่เจ็บ…”

 

 

ซูเหิงยื่นมือไปโอบเอวเธอเอาไว้แล้วก้มลงจูบบนเส้นผมเธออย่างรักใคร่เอ็นดู

 

 

“อีกเดี๋ยวฉันจะไปส่งนะ”

 

 

“อื้ม”

 

 

 

 

เฉินฝานซิงพาหญิงชรามาส่งจนถึงบ้าน ด้วยอายุอานามที่ไม่ใช่น้อยๆ หลังจากถึงบ้านแล้วเธอก็แข็งใจคุยกับเฉินฝานซิงอยู่สักพัก ก่อนที่จะฝืนต่อไปไม่ไหวจนต้องขอตัวไปพักสักหน่อย

 

 

“หนูฝานซิง เหนื่อยมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว หนูเองก็ไปอาบน้ำสักหน่อยสิ! ที่ชั้นสองห้องขวาสุด…”

 

 

เฉินฝานซิงยิ้มอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย “…ไม่ละค่ะคุณย่า ย่าไปพักเถอะค่ะ หนู…เดินเล่นที่สวนสักหน่อยก็พอแล้ว…”

 

 

ชั้นสองห้องขวาสุด เธอแจ่มแจ้งแล้วว่าห้องนั้นคือห้องของป๋อจิ่งชวน!

 

 

เรื่องครั้งก่อนก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกพอแล้ว เธอจะเข้าไปอีกทำไม

 

 

หญิงชราผิดหวังเล็กน้อย “เอางั้นก็ได้ หนูฝานซิงก็คิดซะว่าที่เป็นบ้านของตัวเองนะจ๊ะ เที่ยวเล่นได้ตามสบายเลย!”

 

 

“ได้ค่ะ คุณย่ารีบไปพักผ่อนเถอะนะคะ”

 

 

“จ้า!”

 

 

ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้ รออีกไม่นานก็จวนจะได้เวลามื้อค่ำแล้ว

 

 

ครั้งที่แล้วได้มองดอกไม้ใบหญ้าในสวนนี้เพียงผ่านๆ ตา ตอนนี้เมื่อได้มองอย่างละเอียดแล้วมันช่างสวยงามจริงๆ

 

 

กิ่งก้านของดอกไม้ถูกจัดตกแต่งได้อย่างสวยงามรูปทรงแปลกตา ดอกไม้ในฤดูกาลนี้มักจะมีบางดอกที่ตูมรอคอยการผลิบานออกอย่างเหนียมอายเป็นที่น่าชื่นชม

 

 

พืชพรรณเขียวชอุ่ม กลิ่นดอกไม้หอมรัญจวนทำเอากลิ่นเครื่องหอมนานาชนิดผุดขึ้นในหัวของนักปรุงน้ำหอมอย่างเฉินฝานซิง

 

 

ดอกไม้บางดอกที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปทำความรู้จักกับกลิ่นของมัน เพียงแต่ว่าแค่โน้มตัวลงไปความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านขึ้นมาที่ช่วงเอว…