บทที่ 48 ภัตตาคารหรู

สวีรุ่ยรีบจ่ายเงินและวิ่งมาที่รถของอวี้ฮ่าวหรานทันทีด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ก่อนหน้านี้หลี่หรงโทรไปลาป่วยให้กับถวนถวนและแจ้งเหตุผลกับโรงเรียนว่าถวนถวนไม่สบายเพื่อไม่ให้ทางโรงเรียนเป็นห่วงแต่สวีรุ่ยนั้นเอ็นดูถวนถวนมากเป็นพิเศษดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อาการป่วยของเด็กน้อยว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลจริง ๆ ของสวีรุ่ยซึ่งมีน้อยคนมากที่จะเป็นห่วงถวนถวน จริงๆแบบเดียวกับเขาดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเชิญเธอขึ้นรถของเขาเพื่อที่เขาจะได้แสดงน้ำใจขับรถพาเธอไปเลี้ยงข้าวและส่งเธอกลับบ้าน

“ครูสวีบังเอิญว่าผมกำลังจะไปหามื้อค่ำทานพอดีคุณขึ้นรถมาก่อนเดี๋ยวผมจะพาคุณไปเลี้ยงข้าวตอบแทนที่คุณช่วยดูแลลูกของผมที่โรงเรียนและเราจะได้คุยเรื่องของ ถวนถวนไปด้วยเลย”

สวีรุ่ยซึ่งกำลังเป็นห่วงถวนถวนอยู่แล้วแถมอวี้ฮ่าวหรานก็เป็นคนที่เธอหวั่นไหวด้วยดังนั้นเมื่อได้ยินคำเชิญแบบนี้เธอจึงตอบตกลงและขึ้นรถของเขาทันที

หลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถตรงดิ่งไปที่ภัตตาคารสุดหรูที่เขาเคยเห็นแถว ๆ นี้

เมื่อขับรถไปถึงอวี้ฮ่าวหรานก็เห็นว่ารถที่จอดในที่จอดรถของที่นี่มีแต่รถราคาแพง ๆ ทั้งนั้นซึ่งบ่งบอกได้ว่าอาหารที่นี่ราคาไม่ถูกแน่นอน

อย่างไรก็ตามอวี้ฮ่าวหรานนั้นไม่ได้สนใจเลยตอนนี้ในบัญชีของเขามีเงินอยู่สิบกว่าล้านแถมการหาเงินของเขาในตอนนี้มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ดังนั้นเขาจึงไม่ยี่หระอะไรกับการต้องกินมื้อแพง ๆ แม้แต่น้อยและยิ่งโดยเฉพาะการได้เลี้ยงข้าวคนที่เป็นห่วงเป็นใยถวนถวน ด้วยความจริงใจอย่าง สวีรุ่ย แล้วมันถือว่าเหมาะสมที่สุด

“เอ่อ…คุณอวี้…ที่นี่มันแพงเกินไปไหม?”

สวีรุ่ย รู้สึกกังวลทันทีเมื่อเห็นภัตตาคารที่ดูหรูหราเกินฐานะเธอแบบนี้

เธอเป็นแค่ครูโรงเรียนอนุบาลเท่านั้น รายได้ของเธอไม่ได้เยอะอะไรมากมายเลย ต่อให้ตอนนี้เธอจะไม่ต้องใช้หนี้แทนพ่อของเธอเธอก็ยังต้องกินอยู่อย่างประหยัด ดังนั้นภัตตาคารแบบนี้มันจึงเป็นสถานที่ ที่เธอคิดว่าเธอไม่เหมาะจะเข้าไปนั่ง

“ไม่ต้องห่วงครูสวีมื้อนี้ผมเลี้ยงเองทั้งหมด ผมขอตอบแทนที่คุณดูแลลูกสาวของผมดีมาโดยตลอด ทั้งโรงเรียนอนุบาลเท่าที่ผมเห็นก็มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ ถวนถวน เอ่ยถึงดังนั้นคุณอย่าคิดมากเลยผมอยากตอบแทนคุณจริง ๆ ”

ถึงแม้ว่าจะพูดไปแบบนี้ อวี้ฮ่าวหราน ก็ยังเห็นสีหน้าไม่สบายใจของสวีรุ่ย อยู่ดีดังนั้นเขาจึงเดินนำหน้าเข้าไปที่ประตูของภัตตาคารเพื่อเป็นการบังคับเธออ้อม ๆ ให้เดินตามมา

แต่แล้วในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังจะเดินผ่านประตูเข้าไป พนักงานเสิร์ฟของร้านที่อยู่หน้าร้าน จู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นหยุดพวกเขาไว้ “ขอโทษนะคะพวกคุณทั้งสอง ทางร้านของเราไม่มีบริการห้องน้ำฟรีสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของทางร้าน แต่ถ้าหากคุณจะทานอาหารของที่นี่พวกเรามีกฎว่าบิลขั้นต่ำแต่ละโต๊ะจะต้องไม่ต่ำกว่า 15,000 หยวน”

สาเหตุที่ พนักงานเสิร์ฟเอ่ยขึ้นแบบนี้เพราะว่าเธอเห็นเสื้อผ้าของ อวี้ฮ่าวหราน และ สวีรุ่ย มันดูเป็นของราคาถูกอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เธอคิดไปเองว่าสองคนนี้คงเป็นพวกขาจรที่มาแวะเวียนเข้ามา ซึ่งไม่รู้ว่าร้านของเธอแพงแค่ไหนและเมื่อเปิดดูเมนูที่วางอยู่หน้าร้านก็จะหนีไปทุกรายเพราะรู้ตัวว่าไม่มีปัญญาจ่ายแน่นอน ดังนั้นเธอจึงพูดไล่พวกเขาแบบอ้อม ๆ ไปทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของเธอและร้าน

น่ารำคาญจริง ๆ ทำไมคนพวกนี้ถึงมากันได้ตลอดเวลาแบบนี้กันนะ!

เห็น ๆ อยู่ว่าร้านนี้ดูหรูหรากว่าที่อื่น ๆ แต่ก็ยังพากันมาอีกทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงิน ชิ!

หลังจากทำงานมาหลายปี เธอจึงพอจะดูกลุ่มลูกค้าออกว่าพวกไหนที่มาแล้วกินส่วนพวกไหนที่มาแล้วทำให้เธอเสียเวลา

แต่ก่อนที่สาวเสิร์ฟจะทันได้พูดอะไรต่ออวี้ฮ่าวหรานถามสวนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนว่า “แปลก? นี่ร้านนี้ต้อนรับลูกค้าแบบนี้งั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตั้งแต่เขากลับมามันถึงมีแต่คนชอบดูถูกเขาแบบนี้

แม้แต่เด็กเสิร์ฟร้านอาหารก็ไม่เว้นงั้นเหรอ? นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับข้าผู้นี้ที่เคยเป็นจักรพรรดิเทพมา3หมื่นปี!

“หืม? นี่…คุณ แน่ใจเหรอ? ต..แต่ราคาบิลขั้นต่ำ…อ..เอ่อ ขออภัยด้วยค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะคุณลูกค้า!” เด็กเสิร์ฟ พูดจาตะกุกตะกักเธอไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะตั้งใจเข้ามากินอาหารในร้านของเธอจริง ๆ แบบนี้

“ใช่ฉันแน่ใจว่าจะกินที่นี่ ถ้าฉันไม่แน่ใจฉันจะมาทำไม! ฉันขอสั่งจานที่แพงที่สุดในร้านทั้งหมดมาที่โต๊ะฉัน!”

อวี้ฮ่าวหราน พูดขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิดโดยที่เขาแทบไม่มองหน้าสาวเสิร์ฟเลย

สาวเสิร์ฟรีบพาอวี้ฮ่าวหรานและสวีรุ่ยไปนั่งรอที่โต๊ะทันทีจากนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อสั่งอาหาร

“น..นี่คุณสั่งหมดเลยงั้นเหรอ?” สวีรุ่ยรู้สึกตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้าง เธอไม่คิดว่า อวี้ฮ่าวหราน จะเลี้ยงเธอมื้อใหญ่ขนาดนี้เพื่อตอบแทนเธอ

และยิ่งไปกว่านั้นเธอสงสัยอีกอย่างว่า อวี้ฮ่าวหราน ทำงานอะไรกันแน่ถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้?

หากบิลขั้นต่ำที่จะกินที่นี้ได้คือ 15,000 หยวน ถ้างั้นจานที่ถูกที่สุดมันก็ต้องมีราคาปาเข้าไปไม่ต่ำกว่าหลักพันหยวนจริงไหม?

ฉะนั้นแค่อาหารของที่นี่จานเดียวมันก็เกือบจะเท่าเงินเดือนของเธอทั้งเดือนแล้ว!

เมื่อเห็นว่าสวีรุ่ยยังคงแสดงสีหน้ากังวลอวี้ฮ่าวหรานจึงพูดปลอบเธออีกรอบ “อย่าคิดมาก ผมมีเงินจ่ายอยู่แล้วคุณเพลิดเพลินกับอาหารให้เต็มที่จะดีกว่า”

“แต่..แต่ที่นี่มันมันแพงเกินไป ฉันว่าพวกเราควรเปลี่ยนร้านกันดีกว่า…”

สวีรุ่ย ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่เคยทานอาหารในร้านหรูแบบนี้มาก่อน

ในเวลาเดียวกันสาวเสิร์ฟคนก่อนก็ออกมาจากหลังร้านพร้อมกับ ผู้จัดการร้าน ทั้งคู่เดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะอวี้ฮ่าวหราน

“ขอประทานอภัยที่รบกวน แต่ผมขอสอบถามเล็กน้อยว่าคุณลูกค้าทั้งสองมีอะไรจะติชมภัตตาคารของเราบ้างไหม?” ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาชวนคุยด้วยสีหน้าเป็นมิตร

“ฉันแค่มากินข้าวปกติ แค่เอาอาหารที่ฉันสั่งมาก็พอ” อวี้ฮ่าวหราน ตอบกลับห้วน ๆ ไม่สนใจอะไรกับฝั่งตรงข้ามมากนัก

“เอ่อ…หากคุณลูกค้าไม่พอใจพนักงานของเราคุณลูกค้าสามารถแจ้งผมมาได้เลยผมยินดีน้อมรับคำติชมเพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการในภายภาคหน้า…” ผู้จัดการร้านยังคงถามย้ำเหมือนกับว่ารู้อะไรมาก่อนแล้ว

“หึ! ผมคงจะพอใจมากกว่านี้หากพนักงานของคุณให้เกียรติลูกค้ามากกว่าเดิม!” ไม่เหมือนกับสวีรุ่ยที่นั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตากับใครอวี้ฮ่าวหราน ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

“เสี่ยวหวาง เดือนนี้ผมจะหักโบนัสคุณทั้งหมดและถ้าหากคุณยังทำผิดแบบนี้อีกซ้ำสองผมจะไล่คุณออก!”

“แต่ผู้จัดการ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่เหมือนกับพวกขาจรที่เดินเข้ามาดูราคาแล้วก็เดินหนีไป? ฉัน…”

ยังไม่ทันที่สาวเสิร์ฟจะพูดจบ ผู้จัดการร้านยกมือขึ้นปรามทันทีจากนั้นเขารีบหันมาขอโทษอวี้ฮ่าวหราน “ผมต้องขออภัยคุณลูกค้าด้วยจริง ๆ ที่พนักงานของเราหยาบคายแบบนี้ ผมให้สัญญาว่าหลังจากนี้ผมจะอบรมเธอให้ดีกว่านี้แน่นอนและเพื่อเป็นการขออภัยผมขอตัวเข้าไปลัดคิวอาหารให้กับคุณลูกค้าเดี๋ยวนี้ คุณลูกค้าอดใจรอสักครู่อีกไม่นานอาหารทั้งหมดจะเสร็จก่อนที่คุณลูกค้าจะดื่มชาหมดแน่นอน!”

เมื่อพูดจบ ผู้จัดการร้านรีบดึงตัวสาวเสิร์ฟเข้าไปหลังร้านทันที

“นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอถึงได้พูดแบบนั้นต่อหน้าลูกค้า?”

“แต่ผู้จัดการ คุณมองไม่ออกเหรอว่าคนพวกนี้น่าจะไม่มีปัญญาจ่ายเงินค่าอาหารของร้านเราหรอก และที่สำคัญพวกเขาสั่งอาหารมากมายขนาดนั้นฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นพวก 18 มงกุฎที่กินเสร็จแล้วหนีแน่นอน!”

“ต่อให้พวกเขาจะเป็นคนแบบที่พวกเราคิดพวกเราจะไปเสียมารยาทกับพวกเขาก่อนแบบนี้ไม่ได้มันจะเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของร้านเรา! วิธีการที่ถูกต้องก็คือพวกเราจะคิดเงินพวกเขาก่อนที่จะทำอาหารออกไปทั้งหมดจากนั้นถ้าพวกเขาไม่มีจ่ายพวกเราค่อยเรียกตำรวจมาจับพวกเขาออกไปไม่ใช่พูดจาหยาบคายตรง ๆ ออกไปแบบนี้ เธอนี่มันโง่จริง ๆ !”

แน่นอนว่าบทสนทนาหลังร้านทั้งหมดนี้อวี้ฮ่าวหรานได้ยินมันเต็มสองรูหูจากประสาทการรับฟังที่เหนือมนุษย์ของเขา

เป็นอีกครั้งที่อวี้ฮ่าวหรานลอบถอนหายใจ

เฮ้อ…ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนดูถูกฉันอยู่ทุกที่สิน่า!

หลังจากผ่านไปสักพัก ในระหว่างที่อาหารออกมาแค่ครึ่งเดียวจากที่สั่ง จู่ ๆ พนักงานในร้านก็นำบิลมาวางเพื่อขอคิดเงินก่อนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

อวี้ฮ่าวหราน ที่เห็นเช่นนี้ถามสวนขึ้นทันที “อาหารที่ฉันสั่งได้ครบแล้วงั้นเหรอ?”

“เอ่อ…คือ…คือต้องขอประทานอภัยด้วยจริงๆค่ะคุณลูกค้าแต่ว่าผู้จัดการร้านสั่งให้ดิฉันมาคิดเงินก่อน…ฉันจำเป็นต้องทำตามที่ผู้จัดการร้านสั่ง…” พนักงานที่มาเก็บเงินรีบโค้งตัวและขอโทษ อวี้ฮ่าวหรานอยู่หลายรอบ การคิดเงินลูกค้าก่อนที่อาหารจะมาครบแบบนี้เธอเองก็ไม่เคยทำเหมือนกัน ซึ่งเธอรู้อยู่เต็มอกว่ามันน่าเกลียดมาก ๆ แต่เธอก็ฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าเธอไม่ได้

“ถ้างั้นไปเรียกผู้จัดการของเธอมาคุยกับฉัน!” อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นเสียงดังไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจอยากทำให้พนักงานเก็บเงินคนนี้ลำบากใจเพราะเขารู้ว่าพนักงานคนนี้ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกเขาเธอก็แค่ได้รับคำสั่งมา แต่เขารู้สึกโมโหที่ผู้จัดการร้านนี้กับสาวเสิร์ฟคนแรกดูถูกเขามากเกินไป ร้านอาหารที่ไหนกันที่มันคิดเงินลูกค้าก่อนที่อาหารจะมาครบแบบนี้?