ตอนที่ 703 สับสนขึ้นเรื่อยๆ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“หลักฐานเหรอ” ซ่งซินจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบอยู่ที่บ้าน “ฉันอยากจะเห็นจังว่าไห่รุ่ยจะสร้างหลักฐานอะไรมา”

 

 

หญิงสาวสันนิษฐานว่าแผนการของเธอนั้นสมบูรณ์แบบ อย่างน้อยที่สุดก็สำหรับคนนอกวงการ เธอไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะเห็นจุดบกพร่องใดๆ

 

 

โชคไม่ดีที่คนที่เธอกำลังต่อกรคือถังหนิงกับโม่ถิง

 

 

ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ รู้สึกสำนึกผิดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงโทรขอความช่วยเหลือจากซ่งซิน ทว่าซ่งซินบอกชายคนนั้นอย่างนิ่งๆ ว่า “อย่าห่วงไปเลย ไห่รุ่ยสร้างหลักฐานอะไรขึ้นมาไม่ได้หรอก ตราบใดที่คุณยังหนักแน่น ไห่รุ่ยก็ทำอะไรเราไม่ได้”

 

 

“แต่…เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับมือของผมเลยนะ…”

 

 

“ไม่มีคำว่าแต่”

 

 

ซ่งซินทึกทักเอาว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องที่เธอเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงได้วิตกกันนักล่ะ นี่คือจุดที่ซ่งซินฉลาด เธอรู้จักการอยู่นอกจุดสนใจหลักของศึกนี้ แม้ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา เธอก็รู้ว่าเธอจะเดินหนีไปอย่างไร้รอยขีดข่วนโดยที่ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องกลับมาหาเธอ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงแผนประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ย เพราะถึงอย่างไรไห่รุ่ยก็มักจะรับมือกับปัญหาเช่นนี้

 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนนั้นวิตกกว่าซ่งซินมาก เขาพนันเกมนี้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง หากไห่รุ่ยมีหลักฐานจริง เขาจะทำอย่างไร

 

 

สาธารณชนให้ความสนใจกับความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาอยากรู้ว่าไห่รุ่ยจะหาหลักฐานมาได้หรือไม่ สัญญาของนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ก็ถือว่าเป็นหลักฐานที่เป็นข้อสรุปแล้วไม่ใช่หรือ พวกเขามีบางอย่างที่เด็ดขาดยิ่งกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ

 

 

ตลกสิ้นดี!

 

 

เป็นไปไม่ได้หรอก!

 

 

ทุกคนต่างเฝ้ารอให้เวลาหนึ่งทุ่มตรงมาถึง โดยเฉพาะเหล่านักเขียนบทและเหล่านักเขียนหนังสือที่รวมตัวกันคว่ำบาตร ‘คนรักที่สาบสูญ’ พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลอย่างชอบธรรมและพร้อมที่จะกลืนกินผู้อาวุโสอู๋ทั้งเป็น แต่ถ้าไห่รุ่ยมีหลักฐานขึ้นมาจริงๆ …

 

 

…จะเกิดอะไรขึ้นกับความภาคภูมิใจของพวกเขากันนะ

 

 

 

 

เวลาผ่านไปทีละหนึ่งวินาที รู้สึกเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยนั้นก็มาถึง

 

 

ในระหว่างนี้ ไม่มีข่าวอะไรจะน่าดึงดูดใจไปกว่าการประกาศว่าจะแสดงหลักฐานของไห่รุ่ย

 

 

[หยุดถ่วงเวลาแล้วละไห่รุ่ย! รีบแสดงให้พวกเราเห็นได้แล้วว่าพวกแกมีหลักฐานอะไร!]

 

 

[ไห่รุ่ย หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของพวกเราสักที นี่มันเลยหนึ่งทุ่มมาหนึ่งนาทีแล้วนะ]

 

 

[ไหนล่ะหลักฐาน เป็นแค่เรื่องโกหกทั้งเพใช่ไหม]

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น เว็บไซต์ของไห่รุ่ยก็ปล่อยคำแถลงการณ์ประชาสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการค้นพบของพวกเขา มันประกอบด้วยหลักฐานอันชัดเจนที่มีความยาวถึงเก้าหน้า

 

 

ในคำแถลงการณ์นั้น ไห่รุ่ยอ้างถึงทุกส่วนที่ไม่สอดคล้องกันที่อยู่ในนวนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ และอธิบายว่า [สไตล์การเขียนของนักเขียนนั้นควรจะเป็นเหมือนเดิม คำศัพท์ วลี เครื่องหมายวรรคตอนและโทนที่ใช้ในการเล่าเรื่องควรจะสอดคล้องกัน แต่ดูนิยายความยาวห้าแสนสี่หมื่นคำนี้สิ ในเรื่อง ‘นักแกะรอย’ นี้มีสไตล์การเขียนที่แตกต่างกันอยู่จำนวนหนึ่ง หรือบางทีผู้เขียนอาจจะเป็นผู้ป่วยจิตเภทก็ได้

 

 

[ผมมั่นใจว่าผู้ที่ชื่นชอบการอ่านนวนิยายนั้นจะสามารถชี้ความแตกต่างได้ในทันที หากผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้ป่วยจิตเภท เขาจะสร้างงานแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร]

 

 

ณ จุดนี้ ไห่รุ่ยใช้อีกแปดหน้าที่เหลือชี้ให้เห็นความไม่สอดคล้องและจุดบกพร่องอื่นๆ ที่อยู่ในนวนิยายดังกล่าว

 

 

ไห่รุ่ยให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่พวกเขาค้นพบก่อนเพื่อที่พวกเขาจะได้อธิบายมันออกมาในแบบของตัวเอง พวกเขาอยากให้สาธารณชนเชื่อว่าไห่รุ่ยกำลังแสดงหลักฐานของจริงและไม่ได้กำลังกล่าวหาใครส่งเดช

 

 

พวกเขาถามหาหลักฐานไม่ใช่หรือ

 

 

ไห่รุ่ยก็กำลังมอบมันให้พวกเขา!

 

 

เนื่องจากไห่รุ่ยไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน เหล่าคนที่ให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้จึงรีบเข้าไปดูหลักฐานบนเว็บนิยายออนไลน์อย่างรวดเร็ว

 

 

ก่อนจะเข้าไปดู พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรเลย ทว่าทันทีที่ได้ดู พวกเขาก็สงสัยว่าทำไมนิยายเรื่องเดียวถึงได้มีสไตล์การเขียนมากถึงห้าหกแบบ

 

 

โอ้พระเจ้า!

 

 

[เดิมทีฉันคิดว่าไห่รุ่ยพยายามจะเล่นไม่ซื่อ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะละเอียดถึงขนาดที่เอาภาพถ่ายหน้าจอมาเป็นหลักฐาน]

 

 

[ผู้เขียนปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ ไห่รุ่ยถ่ายภาพหน้าจอพวกนี้มาจากเว็บอ่านนิยาย มันแสดงที่อยู่เว็บไซต์และวันที่อย่างชัดเจน ไม่มีทางเป็นของปลอมหรอก]

 

 

[โว้ว ช่างเป็นการพลิกสถานการณ์ที่น่าตกใจอะไรอย่างนี้! ผู้เขียนต้องเป็นบ้าแน่ๆ นี่มันถูกเขียนขึ้นโดยคนตั้งห้าหกคนเลยนะ]

 

 

[ผู้เขียนคนนี้ป่วยทางจิตหรือเปล่า]

 

 

[ก่อนที่ผู้เขียนจะอ้างว่าคนอื่นลอกงานตัวเอง เขาควรออกมาอธิบายก่อนนะว่าทำไมนิยายของเขาถึงมีคนเขียนด้วยตั้งห้าหกคน]

 

 

[ดูเหมือนไห่รุ่ยจะจริงจังกับการหาหลักฐานมากจริงๆ พวกเขาถึงกับค้นพบบางอย่างที่ละเอียดขนาดนี้เลยนะ]

 

 

[หลักฐานจากไห่รุ่ยโคตรเจ๋งเลย! มันเหมือนกับพวกเขาปูทางมาเพื่อตบหน้าอีกฝ่าย!]

 

 

 

 

นี่คือความฉลาดของไห่รุ่ย พวกเขาไม่เปิดไพ่ตายของตัวเองในทันทีแต่กลับสร้างภาพลวงว่าไห่รุ่ยสามารถสร้างหลักฐานอะไรขึ้นมาก็ได้ พวกเขาแค่เหลือความภาคภูมิใจเอาไว้ให้เหล่าผู้สนับสนุนของผู้เขียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

[เวลาสองทุ่มตรง ทางเราจะตอบคำถามของทุกคนและอธิบายว่าทำไมนวนิยายเรื่องนี้ถึงมีผู้เขียนมากถึงห้าหกคน] ไห่รุ่ยทิ้งให้ทุกคนคอย

 

 

ความจริงนั้นดูใกล้เข้ามาทุกที และด้วยเหตุนี้ ความคิดเห็นของผู้คนจึงเริ่มไขว้เขว

 

 

ผู้ที่มั่นใจว่าผู้อาวุโสอู๋คัดลอกผลงาน ผู้ที่ด่าทอเขาอย่างโกรธเกรี้ยวและกดดันเขาให้จบชีวิตของตัวเองนั้นไม่มั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว หากตัวผู้เขียนไม่ได้ผิดปกติอะไร เขาก็คงไม่หานักเขียนอีกห้าหกคนมาช่วยเขาเขียนนิยายของตัวเอง

 

 

อีกอย่าง ไม่เคยมีใครเคยได้ยินชื่อนิยายของเขามาก่อน มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหานักเขียนมาหลายคนเช่นนั้นกันล่ะ

 

 

ข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่ามีความลับอีกมากที่ยังไม่ถูกเปิดเผย

 

 

 

 

[เรื่องราวทั้งหมดนี่มันน่าสับสนขึ้นเรื่อยแล้วนะ!]

 

 

[หลักฐานของผู้เขียนไม่ได้ดูเหมือนของปลอมนะ แต่หลักฐานของไห่รุ่ยก็เป็นของจริงเหมือนกัน ฉันไปอ่าน ‘นักแกะรอย’ มาแล้วก็เห็นว่าเนื้อหาของนิยายเรื่องนี้เหมือนกับภาพถ่ายจากหน้าจอของไห่รุ่ยเปี๊ยบเลย มีหลายๆ ส่วนที่ไม่ต่อเนื่องกันอย่างแรง เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนหลายคนเขียนมันขึ้นมา]

 

 

[ฉันอยากรู้ความจริงมากเลย ทั้งหมดนี่มันอะไรกัน]

 

 

 

 

เมื่อได้เผชิญหน้ากับปฏิกิริยาของสาธารณชน ผู้เขียนก็เปลี่ยนจากรู้สึกวิตกเป็นรู้สึกผิด

 

 

เขารู้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ได้ทำให้เขาต้องอับอายเพียงอย่างเดียว แต่เขากำลังจะต้องเสียมือทั้งสองข้างไปเพราะมัน!

 

 

ทว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงสนับสนุนเขาอย่างดื้อรั้น

 

 

[ถึงผู้เขียนจะไม่ปกติ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อาวุโสอู๋ไม่ได้คัดลอกผลงานสักหน่อย]

 

 

[ใช่แล้ว อย่างมากหลักฐานพวกนี้ก็แค่พิสูจน์ว่าผู้เขียนไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนกันเท่านั้น ทุกวงการมีความอยุติธรรมอยู่ มันเป็นเรื่องปกติ!]

 

 

[ช้าก่อน ไห่รุ่ยบอกว่าพวกเขาจะเปิดเผยทุกอย่างตอนสองทุ่ม ทุกคนต้องใช้เวลาไล่ดูหลักฐานอีกสักหน่อย หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าและทุกอย่างที่หล่อนคิดมันถูกหมดหรือไง]

 

 

 

 

ทันใดนั้น โลกอินเตอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน แต่มันชัดเจนว่าก้าวแรกของไห่รุ่ยนั้นประสบความสำเร็จ ถึงอย่างไร ถังหนิงนั้นไม่ได้มีเจตนาแค่จะลงโทษนักเขียนเพียงอย่างเดียว เธอยังต้องการฉีกผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดออกเป็นชิ้นๆ ด้วย

 

 

ทว่าซ่งซินไม่ได้ปรากฏตัวเลยตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาจะพิสูจน์การมีส่วนเกี่ยวข้องของเธอได้อย่างไร

 

 

ถังหนิงจะไม่ปล่อยให้ซ่งซินโชคดีอยู่อย่างนี้

 

 

เธอจะหาโอกาสจับซ่งซินให้ได้คาหนังคาเขา!