ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 36 เส้นทางของตัวเอกที่ผิดเพี้ยนไป

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“เจ้าเด็กแซ่เยี่ยนี่ไม่ตายในเคราะห์ร้าย แถมความสามารถและวรยุทธ์ดูจะก้าวหน้ามากขึ้นด้วย ขนาดลูกศิษย์คนนั้นถืออาวุธกายวิเศษระดับล่างที่คุณชายให้ไว้ในมือ ก็ยังสู้กับเขาที่ใช้มือเปล่าไม่ได้เลย”

เมื่อได้ฟังเรื่องที่อาหู่เล่า เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด

ก็มีรัศมีตัวเอก เป็นบุตรแห่งสวรรค์นี่ ต่อให้ต้องเจออุปสรรคมากมาย ขอเพียงแค่ไม่ตายก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว

แต่การแสดงออกของเยี่ยจิ่ง แตกต่างกับในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้าง

‘รุนแรงกว่า ดื้อรั้นกว่า โมโหง่ายกว่า ทั้งยังใจร้อนและหงุดหงิดง่ายกว่าด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางพลางครุ่นคิด ‘ดูแล้วแหวนวงนั้นแม้จะช่วยเขาสร้างร่างกายขึ้นใหม่ แต่ก็มีผลกระทบด้านลบอยู่ด้วยเช่นกัน’

‘ถ้าหากเป็นวิชาลับที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้ที่ฝึกฝนล่ะก็ ด้วยวรยุทธ์และจิตใจของเขาในตอนนี้ ทั้งยังต้องฝึกฝนอยู่ด้วย จะยิ่งได้รับผลกระทบง่ายขึ้น’

‘ถ้ามองจากมุมนี้ การที่ร่างกายแหลกสลายหมดและถูกสร้างขึ้นใหม่ อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับเยี่ยจิ่งในตอนนี้ น่าจะรอถึงตอนที่วรยุทธ์ของเขาสูงกว่านี้ก่อน แล้วค่อยเจอกับเคราะห์ครั้งนี้ ก็อาจจะไม่มีปัญหาเหล่านี้ก็เป็นได้’

‘เหตุใดถึงรู้สึกว่าเส้นทางตัวเอกของเขาเหมือนจะผิดเพี้ยนไป กรรมตามสนองเสียจริง แต่ว่า…’ แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ เยือกเย็นขึ้น ‘เจ้ามีเหตุผลที่ทำร้ายคนอื่นได้แล้วสินะ’

เมื่อเรียกสติคืนมาได้ เยี่ยนจ้าวเกอมองไปที่อาหู่ “หลังจากทางสำนักได้รับข่าวนี้แล้ว พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง”

อาหู่เปิดปากพูดว่า “ก่อนอื่นเจ้าเด็กนี่ทำร้ายลูกศิษย์ร่วมสำนักด้วยเจตนาร้าย ต้องได้รับการลงโทษอยู่แล้ว และแน่นอนว่าต้องดำเนินการสอบสวน เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวอย่างชัดเจน จะไม่ฟังความข้างเดียวแน่นอนขอรับ”

“จากนั้น ก็จะยืนยันได้ถึงสิ่งที่ท่านตัดสินในวันนั้น ว่าเขาไม่ตายในเคราะห์ร้ายจริง และยิ่งไปกว่านั้นรอดกลับมาจากหุบเหวปราการมังกรได้สำเร็จ”

“แต่เพราะเยี่ยจิ่งแสดงความโกรธแค้นต่อคุณชายออกมารุนแรงมาก จึงยังมีคนสงสัยคำให้การของคุณชายในตอนนั้น โดยคิดว่าอาจจะยังมีสายสนกลในอื่นแฝงอยู่”

“เพราะฉะนั้นเมื่อจับตัวเยี่ยจิ่งได้แล้ว คุณชายอาจจะต้องไปทำพิธีโลหิตจิตหวนเวลาด้วยขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตอนนี้ดูจากการกระทำของเขา ข้าคิดว่าคนของท่านอาจารย์ลุงรองก็คงไม่คิดจะฆ่าเขาให้ตายเพื่อป้ายความผิดให้กับข้า แต่คงคิดว่าทำอย่างไรถึงจะล้วงเอาเส้นสนกลในที่ว่าจากปากเขาได้มากกว่า จากนั้นค่อยสร้างความลำบากให้ข้า”

อาหู่เกาหัวเบา “เมื่อก่อนดูไม่ออกเลยว่าเจ้าเด็กแซ่เยี่ยจะเป็นตัวสร้างปัญหาขนาดนี้”

“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแต่ไม่พูด

นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น

อาหู่ยิ้มอย่างจริงใจ “เจ้าเด็กนี้ ครั้งนี้ท่าจะตัดหนทางของตนเองในสำนักเสียแล้ว”

“คุณชาย ในเมื่อทางสำนักตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องสนใจเขาแล้วใช่หรือไม่ขอรับ เพื่อไม่ให้เผยจุดอ่อนให้คนอื่นจับได้ และทำให้คนอื่นคิดว่าท่านคิดจะฆ่าปิดปากเพราะทำเรื่องไม่ดีไว้”

“ในสถานการณ์เช่นนี้ หากคุณชายถูกใส่ร้ายป้ายสี เช่นนั้นคงจะไม่ดีนะขอรับ มีข้อมูลอะไรก็ส่งต่อให้คนที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ของทางสำนักดีกว่า”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดนิ่งๆ ว่า “ไม่ให้ถึงตายก็ไม่มีปัญหา”

“อย่าออมมือ พบตัวมันเมื่อไร ให้มารายงานข้าทันที ข้าจะจัดหนักกับเขาก่อนสักตั้ง แก้แค้นให้ศิษย์น้องหลานก่อนแล้วค่อยส่งต่อให้สำนัก”

“ศิษย์น้องหลานถูกเยี่ยจิ่งเล่นงานจนบาดเจ็บเพราะพูดเพื่อข้า กลับไปแล้วก็อย่าลืมดูแลเขาหน่อย”

“นอกจากยารักษาแผลและยาบำรุงแล้ว บอกเขาด้วยว่าข้ามีอาวุธวิเศษระดับกลางชิ้นหนึ่งเก็บไว้ให้เขา เมื่อไรที่เขาเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ ของก็ส่งจะให้ถึงมือเขา”

อาหู่ยิ้มอย่างจริงใจ “ขอรับ คุณชาย”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า สายตาทอดมองไปยังแนวเขาสูงชันที่ยาวต่อกันเป็นทอดๆ อีกครั้ง

เวลานี้มีชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ และนำสมุนไพรวิญญาณต้นหนึ่งมอบให้อย่างระมัดระวัง “คุณชาย หาพบแล้วขอรับ!”

ตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันทอประกาย “กล้วยไม้ทองสิบกลีบ!”

เมื่อรับสมุนไพรวิญญาณมาแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็สังเกตอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ

เดิมทีคิดว่าเป็นแค่กล้วยไม้ทองสิบกลีบที่มีอายุฃหลายร้อยปีต้นหนึ่งเท่านั้น แต่ที่ได้มากลับมีอายุที่มากกว่าพันปี จะไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกดีใจได้อย่างไร

อย่างไรเสียกล้วยไม้ทองสิบกลีบนี้ก็มีจำนวนน้อยมาก บวกกับเมื่ออายุยาไม่มากก็จะถูกคนเก็บไป กล้วยไม้ทองสิบกลีบพันปีจึงเป็นของดีไม่แพ้เชื้อไฟสัจจะอัคคีเลย

บัดนี้ได้มาต้นหนึ่งอย่างราบรื่นเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมต้องรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา

ชายชุดดำคนนั้นพูดต่อว่า “คุณชาย ตอนที่พวกเรากำลังตามหากล้วยไม้ทองสิบกลีบนี้ บังเอิญได้พบร่องน้ำประหลาดแห่งหนึ่ง”

เยี่ยนจ้าวเกอจึงถามว่า “ประหลาดอย่างไร”

“นั่นเป็นร่องธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งขอรับ!”

ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนอกสนใจ “หือ ร่องธารน้ำแข็งอยู่ที่นี่หรือ?”

เทือกเขามฤคลับตาตอนนี้มีสภาพอากาศที่ร้อนจัด แต่กลับมีธารน้ำแข็งปรากฏขึ้น จึงไม่แปลกที่จะดึงดูดความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอได้

ชายชุดดำคนนั้นตอบว่า “ไม่ผิดขอรับ เป็นร่องน้ำแข็งแน่นอน และมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ”

“เพียงแต่ว่า ตอนที่พวกเราพบ ที่นั่นเหมือนกำลังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คล้ายกับกำลังเกิดแผ่นดินไหว”

กล้วยไม้ทองสิบกลีบก็ได้มาแล้ว ไหนๆ ก็ว่างไม่มีอะไรทำ เยี่ยนจ้าวเกอจึงพูดว่า “นำทาง พวกเราไปดูกัน”

คนทั้งหมดเคลื่อนตัวไปในภูเขาที่เชื่อมต่อกัน ยิ่งเดินทางไปข้างหน้าเท่าไร อากาศก็ค่อยๆ เย็นสบายขึ้นเรื่อยๆ

นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของอากาศแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเทือกเขามฤคลับตาในช่วงเวลานี้ มักจะร้อนราวกับเตาอบเสมอ

เยี่ยนเจ้าเกอเข้าใจ กลุ่มของตนเองกำลังเข้าใกล้กับร่องธารน้ำแข็งแห่งนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

และเมื่อเดินทางมาอีกระยะหนึ่ง ถึงแม้จะมีพระอาทิตย์ร้อนระอุกำลังสาดส่องอยู่เหนือหัว แต่ก็สัมผัสถึงอากาศเย็นในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน

อาหู่เดินไปที่หน้าผาแห่งหนึ่ง แล้วมองออกไปยังที่ที่ไกลออกไป พักใหญ่จึงค่อยเปิดปากพูดว่า “คุณชาย พวกเราถึงแล้วขอรับ!”

เยี่ยนจ้าวเกอก็เดินเข้าไปใกล้หน้าผาเช่นกัน สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคือหุบเหวขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง เพียงแต่ไม่ใช่หุบเหวปกติ เพราะตลอดแนวของหุบเหวถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง!

ร่องน้ำหลายสิบลี้ที่คดโค้งไปมาเหมือนดั่งโลกของน้ำแข็งแห่งนี้ ราวกับมังกรสีขาวขนาดมหึมากำลังนอนพาดอยู่ในป่าสีเขียวชอุ่มที่อุดมสมบูรณ์

บนหน้าผาเหนือร่องธารน้ำแข็งล้วนเป็นน้ำแข็งโปร่งใสพร่างพราวทั้งหมด พระอาทิตย์สาดส่องลงมาแล้ว จึงเกิดเป็นแสงทิ่มแทงตา ที่เมื่อคนปกติจ้องมองนานๆ แล้วจะรู้สึกปวดตาเหมือนกับตาจะบอด

ด้านนอกของร่องธารน้ำแข็งยังคงเป็นป่าเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ดังเดิม มีต้นไม้โบราณสูงปกปิดท้องฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ แต่เมื่อถึงร่องธารน้ำแข็ง กลับเหมือนเปลี่ยนจากกลางฤดูร้อนเข้าสู่กลางฤดูหนาวในพริบตา ความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วจึงมีกลิ่นอายความประหลาดทั่วทุกที่

เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วตัดสินใจลงจากหน้าผา “พวกเราไปกัน”

เมื่อถึงปากเหว เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าภายในร่องธารน้ำแข็งเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โดยมีต้นกำเนิดมาจากใต้ดิน

ทุกคนเดินเข้าไปข้างใน ภาพตรงหน้าเป็นโลกของน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งโปร่งใสขนาดมหึมานี้เหมือนกับกระจกที่แวววาวบานหนึ่ง ซึ่งกำลังสะท้อนเงาของทุกคน

เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่เดินอยู่ข้างหน้าสุด เมื่อพวกเขามาถึงพื้นที่ศูนย์กลางของร่องธารน้ำแข็ง ทะเลสาบน้ำแข็งขนาดมหึมาแห่งหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา

ข้างใต้ของทะเลสาบน้ำแข็ง มีกระแสน้ำไหลที่รุนแรงกำลังกระเพื่อมซัดสาดไปมา และยังมีเสียงคำรามดังขึ้นเลือนราง

ชายหนุ่มจ้องเขม็งไปยังหน้าพื้นของทะเลสาบน้ำแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองร่องธารน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ พลางพูดพึมพำขึ้นคนเดียว “ที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ฝังกระดูกของมังกรน้ำแข็งตัวหนึ่ง ถึงได้เกิดเป็นธารน้ำแข็งที่อัศจรรย์ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดเช่นนี้ได้”

“กระดูกมังกรเกิดเป็นจิตวิญญาณ มีคนปลุกจิตของมังกรน้ำแข็งเข้า จึงทำให้พื้นที่ตรงนี้ผันผวนและเกิดความผิดปกติ”

อาหู่ที่ได้ยินดังนั้น แววตาก็เปล่งประกายทันที “จิตมังกรน้ำแข็ง? คุณชาย นี่เป็นของดีเลยนะขอรับ”

ทันทีหลังจากนั้น เขาก็ถูมือใหญ่ไปมาอย่างรู้สึกผิด “แต่ว่าคุณชาย ถ้าเป็นจิตมังกรน้ำแข็งจริง คงต้องเป็นมหาปรมาจารย์ถึงจะเก็บออกมาได้ พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ”

……………