ตอนที่ 199 คนไหนคือตัวจริง / ตอนที่ 200 เหนียนเสี่ยวมู่ คุณใจกล้ามาก!

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 199 คนไหนคือตัวจริง

 

 

แสงแดดอ่อนๆ กระทบบนใบหน้าของเขา ชุดสูทสีขาวขับให้เขาดูสง่างามอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงรอยแดงฉายใต้ตา ที่เผยความกังวลและเจ็บปวดใจของเขาออกมา

 

 

ตอนที่เขายื่นมือไปจับราวประตู เตรียมจะเปิดประตูรถนั้น โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังขึ้นมา

 

 

เป็นข้อความ

 

 

ในนั้นมีเพียงคำพูดง่ายๆ [เธอไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังพาเธอไปที่งานแล้ว ที่มาเป็นบอดีการ์ดที่คอยคุ้มครองเธอเป็นปกติ เธอไม่สงสัยอะไร]

 

 

เมื่อได้เห็นข้อความบนโทรศัพท์มือถือ มือของถังหยวนซือที่วางอยู่บนประตูรถก็ค่อยๆ หดกลับมา

 

 

จากนั้นเขาก็พิงอยู่บนเบาะรถอย่างเหนื่อยล้า ราวกับได้ใช้เรียวแรงทั้งหมดไปแล้ว

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง

 

 

งานปล่อยตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า

 

 

อวี๋เยว่หานยืนอยู่ด้านหลัง สายตาจับจ้องไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังยุ่งหัวหมุนอยู่ตลอด

 

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ท่าเดิมตั้งแต่ต้น

 

 

ดวงตาสีดำที่สงบนิ่งวูบไหวเล็กน้อย

 

 

อุณหภูมิตรงฝ่ามือลดลงแล้ว แต่ความรู้สึกตอนสัมผัวหัวของเธอเมื่อครู่กับยังคงอยู่

 

 

ผมยาวนุ่มสลวยของเธอ ดวงตาไร้เดียงสา ท่าทางจ้องเขาตาปริบๆ เหมือนลูกแมวมองคนโกยอึให้ตัวเองอย่างยิ่ง จาดก็แต่เธอไม่ได้ส่ายหางและโผเข้ามาในอ้อมกอดของเขาพร้อมดวงตาใสแจ๋ว

 

 

แต่ตอนนี้เธอดูเป็นมืออาชีพอย่างมาก

 

 

เธอเดินอยู่ท่ามกลางคนทำงาน กำลังสั่งงานทุกคนอย่างมีระเบียบแบบแผน

 

 

ทำให้เขาแทบจะแยกไม่ออก ว่าท่าทางแบบไหนคือตัวจริงของเธอกันแน่…

 

 

“คุณชาย ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์ ซ่างซินไม่เป็นไรแล้ว กำลังเดินทางมาที่งานครับ!” ผู้ช่วยถือโทรศัพท์ และเดินมาตรงหน้าอวี๋เยว่หานด้วยความตื่นเต้น

 

 

เสียงของเขาไม่ได้เบามาก คนงานด้านหลังเวทีจึงได้ยินกันหมด

 

 

ทุกคนอดถอนหายใจออกมาทันทีไม่ได้

 

 

แผนฉุกเฉิน ทำได้แค่ลดผลกระทบร้ายแรงที่เกิดจากการที่ซ่างซินไม่ม่ร่วมงาน อยากจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องให้ซ่างซินปรากฎตัวด้วยตัวเอง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินว่าซ่างซินไม่เป็นอะไร เพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ก็เห็นผู้รับผิดชอบฝ่ายในเดินมาหาเธอ

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน รายการที่ดำเนินไปก่อนได้ก็ทำไปพอประมาณแล้ว ถ้าไม่มีรายการอื่นที่เลื่อนขึ้นมาได้ เกรงว่าพวกเราจะรอซ่างซินไม่ไหวนะคะ!”

 

 

เมื่อผู้รับผิดชอบพูดตบ บรรยากาศด้านหลังเวทีที่เพิ่งผ่อนคลายก็คร่ำเคร่งขึ้นมาอีก

 

 

เหลือเวทีอีกประมาณครึ่งชั่วโมง

 

 

ให้เวลาพวกเขาอีกครึ่งชั่วโมง ขอแค่ซ่างซินมา งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ก็จะดำเนินต่อไปได้ตามปกติ

 

 

ผู้รับผิดชอบร้อนใจจนเหมือนมดบนหม้อร้อนๆ “วันนี้คุณชายของทางฝั่งบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าก็มาด้วยตัวเอง เขานั่งอยู่ตรงแขกผู้มีเกียรติ กำลังรองานเข้าสู่ช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ซ่างซินยังไม่มา…”

 

 

“ฉันแนะนำเอง!” เหนียนเสี่ยวมู่หนักใจ ราวกับตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ แล้วเงยหน้าขึ้นมาทันใด

 

 

“ฉันเป็นคนวางแผนงานในวันนี้ สมรรถนะและข้อดีของผลิตภัณธ์รุ่นใหม่นี้ฉันจำได้แม่น ฉันจะแทนซ่างซินไปชั่วคราว แนะนำผลิตภัณฑ์แทนเธอไปก่อน พอซ่างซินมาถึง ก็ค่อยให้เธอขึ้นเวทีมาเปลี่ยนกับฉัน”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางเดินไปยังเวทีงานปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่

 

 

“คุณชาย คุณก็ควรเข้างานแล้วนะครับ” ผู้ช่วยเตือนอยู่ข้างๆ

 

 

ในฐานะที่เป็นบริษัทร่วม สถานที่ที่อวี๋เยว่หานควรจะปรากฏตัว คือตรงแขกผู้มีเกียรติ

 

 

แต่เขากลับอยู่ด้านหลังเวที อยู่เป็นเพื่อนเหนียนเสี่ยวมู่ตลอด

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็เลิกคิ้วมองไปยังคนที่เดินไปตรงเวที ก่อนจะหลุบตาลง แล้วสาวเท้าเดินไปยังตรงแขกผู้มีเกียรติ

 

 

เพียงเพิ่งเข้าไปในงาน ก็ดึงดูดความสนใจจากสื่อในงานได้แล้ว

 

 

ทุกคนอยากถ่ายรูปเขา แต่ก็ถูกบอดีการ์ดในงานขวางไว้ทัน

 

 

อวี๋เยว่หานนั่งลงพร้อมสีหน้าไร้อามรมณ์ ไม่สนใจทุกอย่างรอบตัว จนกระทั่งได้ยินพิธีกรประกาศ ว่าต่อไปเป็นแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่…

 

 

 

 

ตอนที่ 200 เหนียนเสี่ยวมู่ คุณใจกล้ามาก!

 

 

ภายในงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่เงียบกริบทันที

 

 

วินาทีต่อมาก็มีแฟนคลับตะโกนชื่อของซ่างซิน

 

 

ตามแผนงานเดิมจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และควรจะให้ซ่างซินเดินแบบออกมา พร้อมทั้งถือโอกาสแนะนำสิ่งนั้นให้กับทุกคน

 

 

นี่เป็นไฮไลท์ของงานในวันนี้

 

 

เมื่อพิธีกรพูดจบ คนที่เดินออกมาจากอีกด้านหนึ่งของเวทีกลับไม่ใช่ซ่างซินที่ทุกคนชะเง้อมองหา

 

 

แต่เป็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังถือไมโครโฟน

 

 

เกิดเสียงถอนหายใจระลอกหนึ่งขึ้นภายในงานทันที

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ฝ่ามือมีเหงื่อเม็ดบางๆ ผุดออกมาด้วยความตึงเครียด

 

 

หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความกระวนกระวายในใจไว้ เธอก็เดินต่อไปยังตรงกลางเวที

 

 

ไม่นานก็มีคนพบว่า แม้บนเวทีจะไม่ใช่ซ่างซิน แต่ก็หญิงสาวก็หน้าตาสะสวยจนละสายตาไปไม่ได้เช่นกัน

 

 

เธอสวมเสื้อผ้าง่ายๆ แต่ก็กลบความโดดเด่นของเธอไว้ไม่มิด

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปถึงกลางเวทีพร้อมฝีเท้าที่มั่นคงและมั่นใจ ท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน

 

 

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็แทบจะได้ยินเสียงถอนหายใจจากข้างล่างเวทีขึ้นมาพร้อมกัน

 

 

“สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันเป็นผู้วางกำหนดการของงานในวันนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่มีรอยยิ้มมั่นใจอยู่บนใบหน้า ดวงตาสดใสของเธอกะพริบปริบๆ ราวกับจะล่อให้หลงได้ก็ไม่ปาน “คุณซ่างซินกำลังเตรียมตัวเดินแบบอันสวยสง่าให้ทุกท่านชทอยู่หลังเวที ดังนั้นจึงให้ฉันมาแนะนำผลิตภัณฑ์ในวันนี้ให้ทุกคนฟังไปก่อนค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินว่าเดี๋ยวซ่างซินจะขึ้นมาบนเวที แฟนคลับข้างล่างเวทีก็นับว่าใจเย็นลงได้แล้ว

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่จับไมโครโฟนในมือให้กระชับแน่น เพื่อข่มความตื่นเต้นในใจเอาไว้ จากนั้นก็อธิบาย พร้อมทั้งแนะนำประสิทธิภาพและข้อดีของผลิตภัณฑ์ทีละข้ออย่างใจเย็น ราวกับมีภาพฉายอยู่ในหัว

 

 

เมื่อพูดถึงจุดที่น่าชื่นชม เธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือบนเวที มาแสดงฟังก์ชันนั้นให้ทุกคนได้ดู

 

 

ทำให้ทุกคนถูกโทรศัพท์มือถือในมือของเธอดึงดูดสายตาไว้อย่างช้าๆ

 

 

ดูเหมือนจะควบคุมงานไว้ได้ แต่มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่ที่รู้ ว่าเดิมทีคำพูดแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วางเอาไว้ต้องจบลงตรงนี้แล้ว

 

 

แต่พิธีกรยังไม่ส่งสัญญาณให้เธอ นั่นหมายความว่าซ่างซินยังมาไม่ถึง

 

 

ตอนนี้ต้องคิดหาวิธีถ่วงเวลาเอาไว้…

 

 

ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี

 

 

จะให้เธอสร้างบทพูดคุยกับทุกคนอยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองแขกเหรื่อที่อยู่ด้านล่าง เมื่อทุกคนเห็นเธอไม่พูดจา ก็พากันเริ่มกระสับกระส่าย หัวใจเต้นแรงขึ้นมาแล้ว

 

 

เธอกวาดสายตามองแขกผู้มีเกียรติตรงแถวหน้าสุด ก่อนจะเหลือบไปเห็นอวี๋เยว่หานที่อยู่ตรงนั้น ทำเอาเธอตาเป็นประกายทันที!

 

 

มีวิธีแล้ว!

 

 

“งานปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ในวันนี้ เป็นการเริ่มต้นร่วมมือกันของบริษัทตระกูลอวี๋ และบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า พวกเรา โชคดีที่วันนี้พวกเราเชิญคุณชายหานมาร่วมงานเปิดตัวของพวกเราได้ ต่อจากนี้จึงอยากจะขอเชิญคุณชายหานขึ้นมาบนเวที กล่าวอะไรกับพวกเราสักหน่อยดีไหมคะ”

 

 

อวี๋เยว่หานเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองเอช เป็นเทพบุตรของสาวหลายคน

 

 

ค่าตัวของเขาสูงเกินร้อยล้าน หน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าดาราชายแนวหน้าเสียอีก มาดดุดันของเขาก็สูงส่งเหมือนเทวดาจริงๆ

 

 

อย่าว่าได้แต่ให้เขาพูดสักสองสามคำเลย ให้เขาขึ้นมายืนบนเวทีได้ ก็ทำให้สถานการณ์สงบลงได้แล้ว!

 

 

เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่พูดตบ ด้านล่างเวทีก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันใด!

 

 

“คุณชายหาน คุณชายหาน”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กะพริบตา พบว่าทุกคนค่อนข้างตื่นเต้นทีเดียว ชายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียกชื่อมีสีหน้าดำคล้ำ สงบนิ่งเหมือนก่อนที่พายุจะมาถึง ก่อนจะชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา

 

 

 คนข้างๆ เขาได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่พูดแล้ว ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

 

ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าอวี๋เยว่หานจะขึ้นไปกล่าวในงานเล็กๆ แบบนี้จริงๆ

 

 

ครั้นเห็นเขานั่งนิ่งไม่ขยับ ทุกคนก็มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความสงสัย

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ใจร้อนรนเหมือนไฟเผา พลางใช้สายตาเว้าวอนมองไปทางชายหนุ่มด้านล่างเวที ‘คุณชาย ช่วยชีวิตคนหนึ่งครั้งเท่ากับได้ขึ้นสวรรค์เลยนะ คุณจะทนมองฉันตายได้เหรอ’