บทที่ 78 เข้าใจผิด

ท่านหมอเมิ่งกินข้าวที่บ้านจาง ซึ่งข้าวมื้อนี้ทั้งเจ้าบ้านทั้งแขกล้วนกินกันอย่างมีความสุขถ้วนหน้า

แต่เขาไม่ได้รีบร้อนกลับไป กลับตรงขึ้นไปบนเขา แม่ม่ายหลิวจึงไม่เจอตัว

ท่านหมอเมิ่งขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมา ตอนลงเขาจึงแวะมาที่บ้านจางซิ่วเอ๋อ หากไม่จำเป็นจริง ๆ ท่านหมอเมิ่งคงไม่มาที่บ้านจางซิ่วเอ๋อง่าย ๆ แต่ครั้งนี้เขารับปากจางซิ่วเอ๋อว่าจะให้ตัวอย่างสมุนไพรบางต้นไว้ ให้สองพี่น้องหัดหาสมุนไพร อีกหน่อยจะได้หาตัวยาขายเป็นทางเลือกอีกหนึ่ง

จางซิ่วเอ๋อทำเพื่อจางซานหยาด้วย อย่างไรเสียเด็กนี่ต้องอยู่บนเขาทั้งวัน จะได้หาค่าขนมไปในตัว

ท่านหมอเมิ่งบอกทั้งชื่อ สรรพคุณ ราคาที่โรงขายยารับซื้อของสมุนไพรเหล่านี้กับจางซิ่วเอ๋อจนหมด และทิ้งตัวอย่างให้ชนิดละต้น ถึงเดินออกไปทางป่า

กล่าวถึงแม่ม่ายหลิวที่รออยู่นานมาก จนตะวันจะลาลับและฟ้าเริ่มมืด นางก็ยังไม่เห็นท่านหมอเมิ่ง

นางโมโหขึ้นมาในใจ นังแม่หลินเดนตายบังอาจหลอกนาง เห็นชัด ๆ เลยว่าจะใช้นางเป็นเครื่องมือจัดการจางซิ่วเอ๋อ!

นางไม่ชอบหน้าจางซิ่วเอ๋อก็จริง แต่ก็จะปล่อยให้แม่หลินมาปั่นจนหัวหมุนไม่ได้!

ในขณะที่แม่ม่ายหลิวออกจากโพรงหญ้าอย่างไม่สบอารมณ์และกำลังจะไปคิดบัญชีกับแม่หลิน ก็เห็นท่านหมอเมิ่งเดินออกมาจากป่าพอดี แม่ม่ายหลิวผงะ นี่ท่านหมอเมิ่งอยู่บ้านจางซิ่วเอ๋อตลอดทั้งบ่ายเลยหรือ?

ผู้ชายแบบนี้อยู่บ้านแม่ม่ายตลอดทั้งบ่ายจะทำอะไร?

คิดมาถึงตรงนี้ แม่ม่ายหลิวก็หน้าแดงขึ้นมา ไม่ใช่ด้วยความเขินอายเพราะคิดถึงเรื่องแบบนั้น คนแบบนางมียางอายเสียที่ไหน แต่แดงเพราะโมโหต่างหาก

ท่านหมอเมิ่งเห็นแม่ม่ายหลิวในตอนนี้เอง

ในสายตาท่านหมอเมิ่ง แม่ม่ายหลิวในตอนนี้มีเศษหญ้าติดเต็มศีรษะ หน้าแดงเล็กน้อย กำลังมองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง

ท่านหมอเมิ่งกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาทันที นึกว่าตัวเองมาเจอเรื่องพรรค์นั้นของแม่ม่ายหลิวและคนอื่น ไม่อย่างนั้นคนดี ๆ จะออกมาจากโพรงหญ้าได้อย่างไรกัน

ปกติเขาหลบหน้าแม่ม่ายหลิวราวกับนางเป็นอสรพิษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลานี้เขายิ่งเร่งฝีเท้าจากไป ทำเหมือนตัวเองไม่เห็นแม่ม่ายหลิว

ท่านหมอเมิ่งไม่เหมือนพวกหญิงปากมาก เห็นอะไรก็อยากสอดไปทั่ว ตอนนี้เขารู้สึกเพียงกระอักกระอ่วนและไม่สบายใจ

แต่พอท่านหมอเมิ่งไป แม่ม่ายหลิวยิ่งรู้สึกว่าเขามีพิรุธ

“นังจางซิ่วเอ๋อ ดูไม่ออกเลยนะว่าเจ้าเป็นนังปีศาจจอมยั่วยวน!” แม่ม่ายหลิวมองทางบ้านผีสิงอย่างโกรธแค้น นางหมายตาท่านหมอเมิ่งผู้แสนดีมานานแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้กินเลย

นางคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับท่านหมอเมิ่งจริง ๆ หรือต่อให้ไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยตลอดรอดฝั่งได้ แต่ถ้าได้เสพสุขด้วยกันสักครั้งก็ยังดี

แต่คำขอสองข้อนี้ของแม่ม่ายหลิวไม่มีข้อไหนเป็นจริง พอตอนนี้ได้เห็นจางซิ่วเอ๋อจับหมอเมิ่งอยู่หมัดได้ง่ายดายเพียงนี้ แม่ม่ายหลิวจะรู้สึกดีได้อย่างไร? นางเกิดความแค้นต่อจางซิ่วเอ๋อขึ้นมา

วันต่อ ๆ มา จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ออกไปไหน อยู่บ้านทำเครื่องเทศของตัวเอง และไปลงแหครอบสองหน จับปลาได้นิดหน่อย เอาไว้รอเวลาไปขายในตัวเมืองทีเดียว

วันหนึ่งก่อนมื้ออาหารเย็น จางซิ่วเอ๋อก็เตรียมของที่จะเอาเข้าเมืองเสร็จหมดแล้ว

นางเลือกปลาขนาดใหญ่หน่อยจากปลาทั้งหมด ปลาสองตัวนี้มีน้ำหนักรวมกันได้ 4 ชั่ง

นางนำปลาไปใส่ตะกร้าไว้อย่างดี และหิ้วตะกร้าไปที่บ้านจวี๋ฮวา

ครั้งก่อนที่ไปเอาถั่วฝักยาวจากบ้านจวี๋ฮวายังไม่ได้ตอบแทนเลย

แม่สามีและสามีของจวี๋ฮวาไปทำไร่ยังไม่กลับมา ตอนพลบค่ำแดดไม่แรง ฟ้ายังไม่มืด คนที่ชอบความร่มเย็นต่างชอบออกมาทำงานกันเวลานี้

จวี๋ฮวาเห็นจางซิ่วเอ๋อมาก็ส่งรอยยิ้มสนิทสนม คราวนี้เรียกจางซิ่วเอ๋อเข้ามาถึงในตัวบ้าน

จวี๋ฮวาเอ่ย “ถั่วฝักยาวบ้านข้ากินกันไม่หมดหรอก เดี๋ยวตอนเจ้าไปเด็ดไปเพิ่มได้เลยนะ”

จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ไม่ต้องหรอก ที่ข้ามาครั้งนี้ข้าเอาของมาให้เจ้า จะกล้าเอาของไปอีกได้อย่างไร”

พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็เลิกผ้าบนตะกร้าตัวเองออก และพูดยิ้ม ๆ “ปลานี่ยังไม่ตาย เจ้ารีบเอากะละมังมาใส่เร็ว”

จวี๋ฮวามองปลาตัวใหญ่สองตัวด้วยความทึ่ง “ซิ่วเอ๋อ เจ้าเอาปลามาจากไหน”

จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “ข้าจับมาจากในแม่น้ำ”

ใคร ๆ ก็รู้เรื่องที่ในแม่น้ำมีปลา แต่การจับปลาไม่ใช่เรื่องง่าย ในน้ำมีตะไคร่ไม่น้อย การหว่านแหก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

และการทำแหสักปากก็ไม่ถูก จึงเห็นคนจับปลามากินได้ไม่บ่อยนัก

ปลาที่ทุกคนกิน ส่วนใหญ่ซื้อมาจากในเมือง นางไม่ค่อยเชื่อว่าจางซิ่วเอ๋อจะจับปลานี่มาจากแม่น้ำ แต่ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่จับปลามาจากแม่น้ำแล้วจะไปเอาปลามาจากไหนอีก?

วันนี้นางไม่ได้ยินว่าจางซิ่วเอ๋อเข้าเมืองแต่อย่างใด

อีกอย่างถ้าพวกชาวบ้านไม่มีเรื่องใหญ่จริง ๆ ใครจะซื้อปลากิน? ปลาพวกนี้นอกจากราคาไม่ถูกแล้ว เนื้อสัมผัสก็ยังไม่อร่อยเท่าเนื้อหมู ถ้าบ้านไหนกล้าใช้เงินกับของกิน ต้องซื้อเนื้อหมูอยู่แล้ว

ท้ายที่สุดนางจึงเชื่อว่าจางซิ่วเอ๋อจับปลามาเอง

“ซิ่วเอ๋อ เจ้านี่เก่งจริง ๆ ปลานี่จับไม่ง่ายเลยนะ” จวี๋ฮวาพูดชม

จางซิ่วเอ๋อบอกปัด “ปกติก็ไม่ได้โชคดีแบบนี้หรอก วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร โชคเข้าข้างเสียอย่างนั้น”

“ข้าต้องกลับไปทำกับข้าวอีก ปลานี่เจ้าเก็บไว้กินนะ” จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ

จวี๋ฮวารีบบอก “ของมีมูลค่าแบบนี้ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”

จางซิ่วเอ๋อกะพริบตา “เพื่อนบ้านไปมาหาสู่กันก็สมควรแล้ว ถ้าเจ้าไม่รับปลาของข้า ครั้งหน้าบ้านข้าผักหมดข้าไม่กล้ามาเด็ดที่บ้านเจ้าแล้วนะ”

จวี๋ฮวาได้ยินก็จับมือจางซิ่วเอ๋อไว้และตีมือเบา ๆ “ข้าล่ะกลัวเจ้าจริง ๆ ตอนเจ้ายังอยู่ในเรือนข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าเจ้าพูดเก่งขนาดนี้”

จวี๋ฮวาเอากะละมังมาใส่ปลา ในใจนางนั้นชื่นมื่นอยู่ คิดไปว่าวันนี้พวกผู้ชายในบ้านและแม่สามีทำงานมาทั้งวัน ถ้านางทำกับข้าวที่มีเนื้อด้วยก็คงดี

ปลาตัวใหญ่สองตัว แล้วก็ถั่วฝักยาว พอให้ทุกคนกินจนอิ่ม

จวี๋ฮวามองปลาสองตัวนั้น และยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นคนจริงใจ นางก็แค่ให้ถั่วฝักยาวจางซิ่วเอ๋อนิดหน่อยเท่านั้น แต่จางซิ่วเอ๋อกลับตอบแทนด้วยของมีมูลค่าขนาดนี้

พอเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อจะไปแล้ว จวี๋ฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปริปาก “ซิ่วเอ๋อ เจ้าอย่าเพิ่งรีบไป ข้าขอคุยอะไรด้วยหน่อย”

จางซิ่วเอ๋อมองจวี๋ฮวาอย่างแปลกใจ “เรื่องอะไรเหรอ? ทำไมต้องทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย?”

จวี๋ฮวาอึกอัก “ซิ่วเอ๋อ ช่วงนี้เจ้าได้ยินเรื่องที่คนบางกลุ่มในหมู่บ้านพูดกันไหม?”

จางซิ่วเอ๋อส่ายหัว “ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยได้มาที่หมู่บ้านเลย”

ซานหยามาหานางทุกวัน แต่นางก็ไม่เห็นซานหยาพูดอะไรแปลก ๆ นะ

จวี๋ฮวาเงยหน้า มองจางซิ่วเอ๋ออย่างพิจารณาและถาม “ซิ่วเอ๋อ เจ้ามีความสัมพันธ์กับคนพวกนั้นจริง ๆ เหรอ?”

……………………………………………