บทที่ 78 ผลซุยหยวนกั๋ว

ราชาซากศพ

บทที่ 78
ผลซุยหยวนกั๋ว

ความสามารถพิเศษในร่างของสัตว์อสูรนั้นสามารถพบได้น้อยมาก มีสัตว์อสูรจำนวนมากที่ถูกสังหารโดยหลินเว่ย แต่กลับไม่พบสัตว์อสูรที่เหนือกว่ากิ้งก่าเพลิง

ในวันนี้หลินเว่ยไม่ได้เรียกสัตว์โครงกระดูกเพื่อเดินตามหาเป้าหมายเพื่อที่จะสังหารสัตว์อสูร แต่หลินเว่ยนั้นนอนอยู่บนต้นไม้ โดยมีดวงตาเหม่อลอย เสี่ยวไป๋นอนอยู่บนไหล่ซ้ายของหลินเว่ย โดยไม่พูดอะไรสักคำ และสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินเว่ย
มีสงครามการต่อสู้ขนาดย่อม ๆ กำลังเกิดขึ้น ในทิศทางที่พวกเขาสนใจอยู่เบื้องหน้า ตามปกติแล้วหลินเว่ยจะไม่เสียเวลารออยู่ที่นี่ ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ระหว่างนักรบและสัตว์อสูรนั้นเป็นเรื่องปกติ เหมือนการกินและดื่มน้ำ
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลินเว่ยอย่างแท้จริงคือ เถาวัลย์ที่งอกบนกำแพงหิน ด้านหลังทั้งสองด้านของการต่อสู้ มีผลไม้สีฟ้าอ่อน ห้อยอยู่บนเถาวัลย์ ซึ่งมีขนาดเท่าไข่นกธรรมดา พวกมันส่งกลิ่นหอมออกมา ซึ่งน่าดึงดูดใจมาก
แม้แต่ตำแหน่งของหลินเว่ย ก็ยังสามารถได้กลิ่นที่คลุมเครือ ซึ่งทำให้ปากของหลินเว่ยเต็มไปด้วยน้ำลาย และกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ผลไม้เหล่านี้นั้น ย่อมเป็นของดีสำหรับคนที่รู้จักประโยชน์ของมัน

แม้ว่า หลินเว่ยจะไม่รู้ที่มาของผลไม้ชนิดนั้น แต่เขาเชื่อว่าเสี่ยวไป๋นั้นต้องรู้จัก เพราะเขาเห็นดวงตาที่ส่องแสงของเสี่ยวไป๋ จ้องมองที่ผลไม้และกลืนน้ำลายเช่นเดียวกับเขา
หลินเว่ยจึงถามว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้ารู้ที่มาของผลไม้เหล่านี้หรือไม่?”
“อืม! ผลไม้เหล่านี้เป็นสมบัติของสมุนไพรล้ำค่าหกชนิด ผลซุยหยวนกั๋ว” เสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวตรง ๆ

“ผลซุยหยวนกั๋ว!” เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋ ดวงตาทั้งคู่ของหลินเว่ยแทบจะถลนออกมา และมีท่าทางเดียวกับเสี่ยวไป๋
เหตุผลก็คือหลินเว่ยได้ศึกษาคร่าวๆ เกี่ยวกับซุยหยวนกั๋วในตำรา แต่มันไม่ลงรายละเอียดมากนัก
ราคาของยาหลิวปินล้ำค่านั้นหายากและราคาของมันเริ่มต้นอย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญ และยังไม่มีขายตามปกติ โดยเฉพาะผลซุยหยวนกั๋ว กล่าวกันว่ามียามหัศจรรย์หลายชนิดในเมืองเฮยสุ่ยและแต่ละชนิดขายในราคาสูง
เนื่องจากซุยหยวนกั๋วนั้นแตกต่างจากยาอายุวัฒนะ อื่น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องนำไปกลั่นเป็นเม็ดยา แต่สามารถรับประทานได้โดยตรง และผลข้างเคียงไม่รุนแรง แม้แต่คนธรรมดา ๆ ก็สามารถรับประทานได้โดยตรง
หลินเว่ยรู้เพียงข้อดีไม่กี่ข้อของซุยหยวนกั๋ว และไม่รู้เรื่องอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ทั้งสามข้อ นี้ทำให้ผู้คนจิตใจเต็มไปด้วยไฟลุกโชน อยากได้มาครอบครอง

หน้าที่แรกคือฟื้นฟูร่างกาย อาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี จากการต่อสู้หรือการฝึกฝนนั้น ถูกทิ้งไว้ภายใน และไม่สามารถมองเห็นได้จนกว่าจะเกิดอาการ อย่างไรก็ตามเมื่อร่างกายเจริญเติบโตไปเรื่อย ก็จะมีการสะสมของอาการบาดเจ็บไปตามช่วงอายุ
และเกิดผลเสียคือ ขัดขวางการฝึกฝน
แม้ว่าเหตุผลแรกนั้นจะดีแล้ว แต่เจ้าสิ่งนี้น่าอัศจรรย์ใจ แรงดึงดูดที่แท้จริงคือเหตุผลที่สอง เมื่อรับกินยาไปพร้อม ๆ กับผลซุยหยวนกั๋ว สามารถปรับปรุงคุณสมบัติของยาได้ ผลข้างเคียงคือ ยิ่งระดับของยาสูงขึ้น คุณภาพที่ดีจะค่อยๆเพิ่มขึ้น
เหตุผลข้อที่สาม ก็ทำให้จิตใจของผู้คนไขว้เขว แต่เมื่อเทียบกับข้อที่สองมันด้อยกว่า นั่นคือการเพิ่มอายุขัย ขึ้นอยู่กับระดับและคุณสมบัติของผู้ใช้ แต่ละคนสามารถเพิ่มอายุขัยได้สิบปี จากหลังจากผ่านไปสิบปีประสิทธิภาพของมันจะลดลง

แม้ว่าทุกครั้งที่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จะเลื่อนขั้น ก็จะสามารถเพิ่มอายุขัยได้ อย่างไรก็ตามเมื่อระดับขั้นพลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความยากในเลื่อนระดับก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ เช่นกัน อาจจะได้เวลาหลายสิบปีในการทะลวงด่าน หรือบางคนอาจจะมากกว่านั้น
ดังนั้นยาอายุวัฒนะที่สามารถเพิ่มอายุขัยหรือคุณภาพของยาเม็ดจึงล้ำค่ามาก โดยเฉพาะซุยหยวนกั๋วซึ่งสามารถรับประทานได้เรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นไม่มากในแต่ละครั้ง แต่ประโยชน์สะสมก็มีมากเช่นกัน ซุยหยวนกั๋วสามารถถือได้ว่าเป็นยาศักดิ์สิทธิ์
“เจ้ากินมันคนเดียวไม่ได้ มันสามารถฟื้นฟูและเลื่อนระดับพลังได้มาก ข้าไม่ต้องการมากมาย ขอเพียงห้าผล!” เมื่อเห็นการแสดงออกของหลินเว่ย เสี่ยวไป๋พูดอย่างรีบร้อน เขารู้ดีว่าถ้าไม่พูดเรื่องนี้ หลินเว่ยต้องกินมันคนเดียวแน่นอน
“อย่างไรนะ….ผลซุยหยวนกั๋ว สามารถใช้ในการเพิ่มระดับการฝึกฝนได้ด้วยงั้นหรือ” หลินเว่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไม่…! ซุยหยวนกั๋ว มีความสำคัญต่อสัตว์อสูร มันไม่เพียงแค่ล้างสิ่งสกปรกในร่างกายได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเข้มข้นของพลังโลหิต และปลุกพลังโลหิตที่ซ่อนอยู่ในร่างกายได้ แน่นอนว่าพลังโลหิตของข้าไม่จำเป็นต้องถูกปลุก
ข้าแค่ต้องการใช้ซุยหยวนกั๋ว เพื่อลดระยะความห่างชั้นระหว่างร่างกายนี้กับพลังโลหิตเดิมของข้า “เสี่ยวไป๋เกรงว่า หลินเว่ยจะปฏฺิเสธ เสี่ยวไป๋รีบร้อนอธิบาย การใช้ซุยหยวนกั๋วโดยละเอียด

“แค่ห้าผลเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เจ้านั้นมองโลกในแง่ดีเกินไป ผลซุยหยวนกั๋วยังไม่ตกอยู่ในมือของเรา! ไม่เห็นคนที่อยู่เบื้องหน้า ล้วนเป็นขั้นสูงทั้งสิ้น” เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋ หลินเว่ยก็เงยศีรษะของเขา
และมองไปที่เถาองุ่น แม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด แต่เขาก็รู้ด้วยว่ามีซุยหยวนกั๋วจำนวนมากอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ขั้นสูงอะไรกัน ผายลมทั้งสิ้น มีเพียงไม่กี่คนขั้นสี่หรือห้าเท่านั้น ในสมัยก่อนข้าสามารถบดขยี้พวกมันได้ด้วยนิ้วเดียว” ปากเล็กสีขาวดูเหยียดหยาม กล่าวพร้อมกับร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจในดวงตา
“ไม่ต้องพูดถึงปีนั้นหรอกน่า….สิ่งที่ข้ากำลังพูดถึงคือ ตอนนี้ นอกจากเจ้าเล่ห์คุยโวแล้ว เจ้ายังมีความสามารถในการสร้างหลุมพราง” หลินเว่ยมองไปที่เสี่ยวไป๋อย่างดูถูกเหยียดหยาม
จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

“อา” เสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างเชื่องช้า เขาพูดอะไรไม่ออก เขาทำอะไรไม่ได้ เอาชนะหลินเว่ยไม่ได้ และต่อมาเขาคาดหวังให้ หลินเว่ยแบ่งปันผลไม้ให้เขา ดังนั้นเขาจึงต้องค่อย ๆ ประนีประนอม
ตำแหน่งของหลินเว่ยอยู่ห่างจากสนามรบเบื้องหน้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร แต่เขานั้นหลบซ่อนอย่างดี โดยไม่เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายค้นพบ สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือรออย่างเงียบ ๆ เช่น ตั๊กแตนตำข้าวจับจักจั่นและนกนางแอ่นสีเหลืองรออยู่ข้างหลังเขาเพื่อเก็บผลประโยชน์

การต่อสู้ข้างหน้ากลายเป็นร้อนแรงขึ้น ด้านข้างของสัตว์อสูรมีกลุ่มอสูรวานรหางแดงกลุ่มเล็ก ๆ จำนวนน่าจะประมาณสองพันตน แต่ตอนนี้ยังเหลืออยู่ประมาณเจ็ดร้อยตน ลักษณะของอสูรวานรหางแดง ไม่แตกต่างจากวานรทั่วไปมากนัก
มันมีขนสีเทาอมดำและหางสีแดงด้านหลังยาวเจ็ดฟุตไม่มีขน แต่มีเกล็ดหนาห่อหุ้มผิวหนังที่หนาแน่น