ฟางเชากำลังขออดีตภรรยาของเย่เฉินแต่งงานต่อหน้าเขา!

ฉินหงเหยียนเห็นฟางเชาไม่นับถือเย่เฉินแบบนี้ ก็อยากจะตบหน้าฟางเชาสักฉาดเหมือนคราวก่อนแต่หล่อนก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

“ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาแต่งงานกับฟางเชาเร็วๆ ฉันกับเย่เฉินก็จะได้มีโอกาสมากกว่าเดิม…”

ผู้หญิงที่เคยคลุกคลีอยู่ในวงธุรกิจก็ต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตัวเอง

ฟางเชาแต่งงานกับหวังเจียเหยา ซึ่งสำหรับฉินหงเหยียนแล้วมีแต่คุณประโยชน์ไม่มีโทษ

แต่เย่เฉินเองก็ไม่ได้ขัดขวาง

ก่อนนี้เย่เฉินขัดขวางฟางเชาไม่ให้จัดการขอแต่งงานแถมยังแย่งไมโครโฟน แล้วยังห้ามไม่ให้เอาลูกโป่งเข้าไปในร้านและเพราะพฤติกรรมเหล่านี้ของฟางเชาส่งผลต่อลูกค้าและสภาพแวดล้อมในร้านอาหาร

ส่วนตอนนี้แขกทั่วไปคนหนึ่งขอแขกอีกคนแต่งงานก็ไม่ได้ผิดกฎอะไร

แถมที่สำคัญก็คือเย่เฉินเองก็อยากจะรู้ว่าหวังเจียเหยาจะตอบรับหรือไม่!

คนทั้งสองเป็นสามีภรรยากันมาสามปีเพิ่งจะหย่ากันไม่กี่วัน หวังเจียเหยาจะไปแต่งงานกับคนอื่นหรือไม่!

เย่เฉินมองหวังเจียเหยา!

สีหน้าหวังเจียเหยาตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก หล่อนไม่ได้เตรียมใจเอาไว้แม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าในแผนการของหล่อนและซ่งหงเย่ ขั้นต่อไปคือหล่อนจะแต่งงานกับฟางเชาแต่หวังเจียเหยายังไม่อยากจะตกปากรับคำเร็วขนาดนี้

หวังเจียเหยากล่าว “ฟางเชา เอ่อ…เรื่องนี้ให้เวลาฉันคิดหน่อยได้ไหมคะ?”

หล่อนไม่ได้ปฏิเสธไปเสียทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้รับปากอีกฝ่ายในทันที

ฟางเชาพยักหน้า เดิมทีเขาก็ตั้งใจจะขอแต่งงานหลายๆ ครั้ง อย่างไรเสียอีกฝ่ายเป็นถึงหญิงงามลำดับหนึ่งในอวิ๋นโจวไหนเลยเขาจะประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่ครั้งแรกกัน

“ครับผมไม่รีบร้อน คุณค่อยๆ คิดแต่เก็บแหวนนี้ไว้ก่อนแล้วกัน”

ฟางเชาชันตัวลุกขึ้นแล้ววางกล่องทิฟฟานี่ลงในมือหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาถือกล่องเอาไว้แล้วมองแหวนเพชรที่ส่องประกายระยิบระยับอย่างดีใจ

แต่จู่ๆ ก็มีสีหน้าเศร้าสร้อย

หล่อนเดินมาหาเย่เฉินด้วยใบหน้าดำคล้ำ “นายชอบบอกว่าตัวเองมีเงินเยอะแยะ แถมยังเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้วยังเป็นประธานบริษัทอีก ถ้านายมีเงินเยอะขนาดนี้จริงๆ ทำไมแค่แหวนวงเดียวก็ให้ฉันไม่ได้? ”

“ตอนนั้นนายไม่ขอฉันแต่งงานด้วยซ้ำไปหอบกระเป๋าเข้ามาอาศัยที่บ้านของเรา แหวนหมั้น แหวนแต่งงานอะไรก็ไม่เคยซื้อ!”

พอพูดถึงเรื่องนี้เย่เฉินไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนจริง ๆ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็หวังว่าจะมีแหวนเพชร แหวนแต่งงานรวมไปถึงจะได้มีงานแต่งงานสักครั้ง

แต่เย่เฉินแต่งงานเข้าตระกูลหวังจึงไม่อาจให้สิ่งเหล่านี้กับเจ้าหล่อนได้

เย่เฉินกล่าวว่า “ถ้าหากคุณไม่ทรยศผม ตอนนี้ผมคงจะชดใช้ให้คุณด้วยแหวนเพชรยี่สิบเอ็ดกะรัตสักวง”

จู่ๆ หวังเจียเหยาก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่องที่ตนเองไปดูในโรงภาพยนตร์กับกับเย่เฉินเมื่อปีก่อน ภาพยนตร์เรื่องนั้นชื่อ ‘ยี่สิบเอ็ดกะรัต’

วันนั้นหลังจากดูภาพยนตร์จบ หวังเจียเหยาก็โอดครวญว่าเย่เฉินไม่เคยให้แหวนตนเองเลย

วันนั้นเย่เฉินรับปากหล่อนว่าหนึ่งปีหลังจากนี้จะต้องให้แหวนเพชรยี่สิบเอ็ดกะรัตกับหล่อนเป็นการชดเชย

แต่ตอนนั้นหวังเจียเหยาเพียงแต่เหยียดยิ้มอย่างเหยียดหยาม ไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าเย่เฉินจะทำได้

เย่เฉินก็ไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่ต่อ เขาเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสามกับฉินหงเหยียน

เพิ่งจะถึงห้องฉินหงเหยียนก็กล่าวขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าวันนี้หวังเจียเหยาจะยังไม่ได้รับปากจะแต่งงานกับฟางเชาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา ฉันเดาว่าฟางเชาคงจะขอแต่งงานอีกสองสามครั้ง หล่อนน่าจะตกลง”

ใบหน้าเย่เฉินเรียบเฉยแล้วจิบชาปี้หลัวชุน[1]

ฉินหงเหยียนอยากจะรู้ว่าเย่เฉินคิดอย่างไรกับหวังเจียเหยาและฟางเชากันแน่ แต่ตอนนี้เย่เฉินกำลังเอาคืนจงเหว่ยนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เลือกจะล้างแค้นคนที่ทำร้ายเขา

หวังเจียเหยาและฟางเชาต่างก็ทำผิดต่อเขา ฉินหงเหยียนไม่เชื่อว่าเย่เฉินจะมองดูพวกเขาสองคนมีความสุขแบบนี้แน่!

เซ้นส์บอกฉินหงเหยียนว่าเย่เฉินจะต้องทำอะไรกับสองคนนั้นอย่างแน่นอน!

[1] ‘ชาปี้หลัวชุน’ มีถิ่นกำเนิดบริเวณภูเขาต้งถิง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน มีอายุยาวนานกว่า 1,000 ปี เคยถูกใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการแด่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907)