เซียวเหลียงรีบนำตราชั่งมาชั่งน้ำหนัก แม่เจ้า กระต่ายตัวนี้อ้วนเสียจริง หนักห้าจินครึ่ง!
“ข้ารับซื้อกระต่ายของคนอื่นจินละสิบสองอิแปะ ขายที่ภัตตาคารในตัวเมืองได้สิบห้าอิแปะ ข้าจะได้กำไรส่วนต่างจินละสามอิแปะ แต่กระต่ายของเจ้า ข้าจะไม่เอากำไรส่วนต่าง ให้เจ้าจินละสิบห้าอิแปะ ตัวนี้หนักห้าจินครึ่ง ทั้งหมดแปดสิบสองอิแปะ บวกกับขนบนตัวนี่ ปกติหนังกระต่ายหนึ่งตัวขายได้สิบอิแปะ แต่ตัวนี้ของเจ้า ได้อย่างน้อยก็สามสิบอิแปะ! ” เซียวเหลียงกล่าวพลางชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว “ทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบสองอิแปะ เจ้ารอก่อน ข้าจะไปเอาเงินมาให้เจ้า! ”
เซียวจื่อเซวียนรีบกล่าว “ท่านอาเซียวเหลียง ท่านให้ข้าหนึ่งร้อยอิแปะก็พอแล้ว”
ปกติเซียวเหลียงรับซื้อของล้วนต้องได้กำไรส่วนต่างบ้าง ครั้งนี้ไม่เก็บส่วนต่างจากเขา เซียวจื่อเซวียนรู้สึกไม่สบายใจ
เดิมทีเซียวเหลียงคิดจะปฏิเสธ แต่เห็นเด็กคนนี้แสดงสีหน้าแน่วแน่ ก็รู้ว่าหากตัวเองไม่รับ จะทำให้เด็กคนนี้เสียใจ จึงกล่าว “ก็ได้ เช่นนั้นก็ให้เจ้าหนึ่งร้อยอิแปะ”
กล่าวจบ จึงนับเงินหนึ่งร้อยอิแปะให้เซียวจื่อเซวียน
เซียวจื่อเซวียนหอบเงินเหล่านั้น ภายในใจสั่นไหวเล็กน้อย
ในที่สุดที่บ้านก็มีเงินอีกครั้ง
เซียวจื่อเซวียนกล่าวขอบคุณเซียวเหลียง ก่อนจะวิ่งกลับบ้านไป
ในมือเซียวเหลียงยังถือขนมไว้หลายชิ้น วิ่งตามไปถึงหน้าประตู แต่เด็กคนนั้นวิ่งเร็วมาก ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่เห็นคนแล้ว เซียวเหลียงส่ายหน้าพร้อมยิ้มขม
ในจังหวะนี้เอง ท่านปู่เซียวที่ไปเยี่ยมเพื่อนบ้านระแวกนี้กลับมาพอดี เห็นเซียวเหลียงกำลังจับกระต่ายตัวหนึ่งที่มีขนสีขาวหิมะทั้งตัวจึงมองดูอย่างพินิจ “มีชาวบ้านมาขายสัตว์ป่าอีกแล้วงั้นหรือ? ”
เซียวเหลียงขานตอบ “จื่อเซวียนนำมาขาย!”
“จื่อเซวียนนำมา? ” ท่านปู่เซียวรู้สึกประหลาดใจ “เด็กคนนั้นจับสัตว์ป่าเป็นด้วย? ”
“เห็นเขาบอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาเป็นคนจับ! ท่านพ่อ ท่านดูสิ กระต่ายตัวนี้ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลย น่าประหลาดนัก ภรรยาอายวี่จับมันมาได้อย่างไรกัน! ”
คนปกติจับกระต่าย ถ้าไม่ใช่วางกับดักลวดหนามคล้องขากระต่ายไว้ ก็ใช้ธนูยิงกระต่ายจนตาย อย่างไรก็ต้องมีร่องรอยบาดเจ็บ แต่กระต่ายตัวนี้กลับอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทั้งตัว ไม่มีตำแหน่งที่บาดเจ็บเลย
แม้แต่เซียวเหลียงที่เคยเป็นนายพราน ยังรู้สึกประหลาดใจ เซี่ยยวี่หลัวจับกระต่ายมาได้อย่างไรกัน
เมื่อท่านปู่เซียวได้ยินว่าภรรยาอายวี่เป็นคนจับ จากที่ปกติโมโหที่สตรีผู้นี้ไม่รู้จักใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เวลานี้สีหน้าจึงดีขึ้นบ้าง “ถือว่านางฉลาดอยู่บ้าง อายวี่ไปสอบ นางก็ควรจะเพลาๆ ลงบ้าง ไม่อย่างนั้นรอให้อายวี่สอบติด ดูซิว่าจะกลับมาจัดการนางอย่างไร! ”
เซียวเหลียงหัวเราะพลางนำกระต่ายไปใส่ไว้ในตะกร้า
นี่เป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยา เขาจะกล่าวอะไรก็ไม่ได้ แต่ก่อนจะไปก็ยังกล่าวกับท่านปู่เซียว “ท่านพ่อ ข้ากลับรู้สึกว่าภรรยาเซียวยวี่เป็นคนดีแล้ว ครั้งหน้าหากนางมา ท่านก็อย่าชักสีหน้าใส่นางเลย! ไม่อย่างนั้นหากนางไม่พอใจ ถึงเวลาจะหาเรื่องเด็กสองคนอีก! “
ท่านปู่เซียวถลึงดวงตาขุ่นมัว “นางกล้ารึ! ”
เซียวเหลียงยิ้มขม “ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน ท่านยิ้มให้นางบ้าง ภายในใจนางจะได้รู้สึกดี”
ท่านปู่เซียวบ่นพึมพำ “หากแม่หนูนั่นกลายเป็นคนดี พระอาทิตย์คงต้องขึ้นทางทิศตะวันตก! ”
เขาเคยได้ยินความร้ายกาจของแม่หนูนี่มานานแล้ว ทั้งเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ เซียวยวี่แต่งกับนาง ถือว่าโชคร้ายเสียยิ่งกว่าอะไร
ที่นางดีขึ้น ก็แค่เห็นว่าอายวี่ไปสอบอีกครั้ง อาจสอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉกลับมาก็เท่านั้น หากครั้งนี้อายวี่สอบติด บางทีแม่หนูนั่นอาจเพลาลงบ้าง แต่หากสอบไม่ติด…
ท่านปู่เซียวแทบจะนึกสภาพบ้านสกุลเซียวที่อยู่อย่างไม่สงบสุขได้เลย
“เฮ้อ…” เซียวเหลียงยังคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ท่านปู่เซียวไพล่มือคู่ไว้ด้านหลัง ก้มตัวเล็กน้อยเดินเข้าไปแล้ว
เซียวเหลียงมองกระต่ายบนรถม้าที่เขาเก็บไว้อย่างดีแวบหนึ่ง ง้างแส้ขึ้น ออกเดินทางแล้วเช่นกัน
เซียวจื่อเซวียนวิ่งเหยาะๆ กลับบ้านไป เมื่อกลับถึงก็ลงกลอนประตู
เซี่ยยวี่หลัวกำลังทำโพรงให้กระต่าย เซียวจื่อเซวียนวิ่งมาด้วยความยินดี นำผ้าที่ห่อเหรียญอิแปะไว้ออกมาจากอกเสื้อ
“พี่สะใภ้ใหญ่ เงินที่ขายกระต่ายได้…”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่ง เช็ดมือก่อนรับมา เมื่อลองมองดู คาดเดาว่ามีกว่าร้อยเหรียญ!
“ขายกระต่ายได้เงินมากถึงเพียงนี้เชียว? “
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอย่างรู้สึกผิดคาด
“อืม ท่านอาเซียวเหลียงบอกว่าเขารับซื้อเนื้อกระต่ายจากคนอื่นจินละสิบสองอิแปะ ขายให้ภัตตาคารได้สิบห้าอิแปะ เขาไม่เอากำไรส่วนต่างจากเรา กระต่ายหนักห้าจินครึ่ง หนังและขนกระต่ายเขาบอกว่าเดิมที่ได้สิบอิแปะ แต่เขาบอกว่ากระต่ายตัวที่เราจับได้ไม่มีขนสีอื่นปนแม้แต่น้อย และไม่มีร่องรอยเสียหาย จึงให้สามสิบอิแปะ เดิมทีรวมทั้งหมดได้หนึ่งร้อยสิบสองอิแปะ ข้าไม่ได้เอามากขนาดนั้น เพียงรับมาหนึ่งร้อยอิแปะ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว
เซี่ยยวี่หลัวชูนิ้วโป้ง กล่าวชื่นชม “ทำได้ดี! “
ทำการค้าก็เป็นเช่นนี้ ต้องมีน้ำใจแก่กัน เมื่อมีน้ำใจก็จะทำการค้าได้เรื่อยๆ! ค้าขายอย่างสุจริต ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ แบบนี้ถึงจะทำการค้าได้อย่างยั่งยืน
“หากครั้งหน้าจะขายอีก เจ้าก็บอกท่านอาเซียวเหลียงว่า เขารับซื้อจากคนอื่นเท่าไหร่ ก็รับซื้อของเราเท่ากัน เขาดูแลพวกเรา พวกเราก็จะเอาเปรียบท่านอาเซียวเหลียงไม่ได้ เข้าใจหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความสัตย์จริง
นี่ก็เหมือนกับหลักการในการใช้ชีวิต
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่! “
ทั้งสามคนลงมือพร้อมกัน ไม่นานก็ใช้แผ่นไม้และหญ้าแห้งสร้างโพรงกระต่ายเสร็จ
โพรงกระต่ายกว้างมาก ทั้งยังสามารถยกเข้ายกออกได้ ปกติก็ยกออกมา ให้กระต่ายน้อยสี่ตัวรับแสงแดด เมื่อถึงตอนกลางคืนจึงยกกลับเข้าไป ไม่อย่างนั้นพวกมันอยู่ข้างนอกอาจหนาวจนป่วย
ในตอนแรกกระต่ายน้อยยังไม่คุ้นชินกับโพรงใหม่ของพวกมัน ทั้งยังกลัวพวกเซียวจื่อเมิ่ง ไม่กล้ากินอาหาร หลังจากอยู่จนคุ้นชินแล้ว เห็นว่าไม่มีอันตรายอะไร จึงผ่อนคลายลง ขมุบขมิบปากสามกลีบกินหญ้าสดที่เตรียมไว้ให้พวกมันโดยเฉพาะ ดูมีความสุขมาก
เซียวจื่อเมิ่งเล่นกับกระต่ายน้อยอยู่ตลอด เซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเซวียนเข้าห้องไป
ตั้งแต่ภายในบ้านไม่เหลือเงินแม้แต่อิแปะเดียว เซี่ยยวี่หลัวก็แทบไม่ได้ใส่กุญแจที่ตู้แล้ว อย่างไรเสียในนั้นก็มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ไม่มีของล้ำค่าอะไร นางก็คร้านจะใส่กุญแจ
นางเปิดตู้ ในตู้มีลิ้นชักเล็ก ในลิ้นชักมีกุญแจ เซี่ยยวี่หลัวเปิดลิ้นชักแล้วนำกล่องไม้ข้างในออกมา นับเงินไว้สี่สิบอิแปะ ใส่ที่เหลืออีกหกสิบอิแปะไว้ในกล่องไม้ จากนั้นจึงใส่กุญแจที่กล่องไม้ ก่อนจะใส่กุญแจที่ลิ้นชักอีกชั้นหนึ่ง แบบนี้ก็ไม่ต้องใส่กุญแจที่ตู้แล้ว
นางยื่นส่งลูกกุญแจลิ้นชักให้เซียวจื่อเซวียน
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้รับ มองดูเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางงุนงง “พี่สะใภ้ใหญ่…”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “เงินนี่เราหามาด้วยกัน ต่อไปเราเก็บรักษาร่วมกัน จะใช้มันอย่างไรเราก็จะปรึกษาหารือกัน ตู้นี้อยู่ในห้องข้า ลูกกุญแจลิ้นชักนี่ให้เจ้า เจ้าเก็บมันไว้ ต่อไปนอกจากเรื่องค่าอาหาร การใช้เงินด้านอื่น พี่สะใภ้ใหญ่จะปรึกษากับเจ้า! “
ทำเช่นนี้เพื่อให้เซียวจื่อเซวียนสบายใจ!
บอกกล่าวอย่างชัดเจนว่านอกจากค่าใช้จ่ายด้านอาหารการกิน นางจะไม่ใช้จ่ายเงินโดยใช่เหตุ จะคิดทบทวนเพื่อทุกคนในครอบครัว
แต่แล้ว เซียวจื่อเซวียนกลับเหมือนตื่นตกใจ ลุกขึ้นอย่าฉับพลัน “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่เชื่อใจจื่อเซวียนงั้นหรือ? “
เขาเอ่ยวาจาด้วยอารมณ์รุนแรง เหมือนได้รับความอัปยศอย่างใหญ่หลวง