บทที่ 115 มีเรื่องเกิดขึ้นกับหยางเล่อเล่อ + บทที่ 116 ไม่ใช่การปล้น

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 115 มีเรื่องเกิดขึ้นกับหยางเล่อเล่อ + บทที่ 116 ไม่ใช่การปล้น Ink Stone_Romance

บทที่ 115 มีเรื่องเกิดขึ้นกับหยางเล่อเล่อ

“คุณหนู ขึ้นเขาสนุกไหมขอรับ” เจี่ยงเฉวียนมองหนิงเมิ่งเหยาพลางถามพร้อมรอยยิ้ม

หนิงเมิ่งเหยาหยุดเดิน ก่อนมองไปยังข้ารับใช้ของตน นางหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วบอกว่า “ลุงเจี่ยง ข้าจะไม่ขึ้นไปบนนั้นอีกแล้ว”

“ดีอย่างยิ่งเจ้าค่ะ คุณหนู ดีแล้วที่ท่านรู้เสียทีว่าที่นั่นมันอันตราย” ท่านยายฉินมีท่าทางพออกพอใจเมื่อนางได้ยินคุณหนูกล่าวเช่นนั้น

ถ้าหากไม่ได้เฉียวเทียนช่างคอยปกป้องนางเอาไว้  ป่านนี้คุณหนูผู้นี้คงจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่ นางนั้นยังขาดความตระหนักรู้ในหลายอย่างเกินไป เหตุใดนางจึงเอาแต่จะทำในสิ่งที่ตนรู้สึกอยากทำหนอ?

“นายท่านเจ้าคะ คราวหน้า อย่าเอาแต่ทำตามที่คุณหนูขอนะเจ้าคะ” ท่านยายฉินมองเฉียวเทียนช่างด้วยสายตาจริงจัง

ถึงแม้ว่าเขาจะดีกับหนิงเมิ่งเหยา และพวกนางเองก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือนาง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกนางจะเห็นดีเห็นงามกับทุกสิ่งที่นางร้องขอเสมอ

ถ้าหากคุณหนูบาดเจ็บขึ้นมาเล่า?

หนิงเมิ่งเหยา และเฉียวเทียนช่างมองท่านยายฉินพร้อมกัน เฉียวเทียนช่างยิ้มกว้างในขณะที่หนิงเมิ่งเหยาตัวแข็งค้าง นายท่าน? เขาไปเป็นนายท่านตั้งแต่เมื่อใดกัน?

“ท่านยายฉิน ท่านอยู่ข้างใครกันแน่? แล้วเขาไปเป็นนายท่านของท่านได้อย่างไร?” หนิงเมิ่งเหยาจ้องท่านยายฉินเขม็ง รู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนั้น

ท่านยายฉินหรี่ตามองหนิงเมิ่งเหยา “คุณหนู ท่านนั้นเอาแต่ใจนัก นายท่านดูแลท่านดีถึงเพียงนี้ มีอะไรที่ท่านยังไม่พอใจอีกหรือเจ้าคะ?”

“….” หนิงเมิ่งเหยาพูดอะไรไม่ออกเมื่อประจันหน้ากับท่านยายฉิน นางเหลียวมองเฉียวเทียนช่าง ต้องเป็นเพราะหมอนี่แน่ๆ ไม่เช่นนั้นท่านยายฉินจะเมินนางเช่นนี้ได้อย่างไร?

เฉียวเทียนช่างเดินมายืนข้างกายหนิงเมิ่งเหยา และกระซิบที่หูนางว่า “เจ้าแต่งตั้งข้าให้เป็นสามีจนเป็นที่รู้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดหรือ?”

หนิงเมิ่งเหยายื่นมือมาผลักศีรษะของเขาออก นางถลึงตาใส่เขาแล้วเดินจากไป

หลังจากกลับไปถึงห้อง หนิงเมิ่งเหยาก็ยกมือแนบแก้มทั้งสองข้างของตน ใบหน้านางขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตาทั้งสองข้างของนางเองก็มีร่องรอยความเคอะเขินปรากฏอยู่ภายใน

สมัยนางอยู่กับหลิงหลัวก่อนจะมาที่นี่นั้น ผู้อื่นก็มักจะแกล้งหยอกล้อนางเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน แต่นางไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน บัดนี้นางกลับรู้สึกเขินอายยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเทียนช่าง แล้วนางก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมองหน้าเขาติดได้อย่างไร…

ระหว่างที่หนิงเมิ่งเหยากำลังลังเลว่าควรจะออกไปดีหรือไม่ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นข้างนอก

คิ้วของนางขมวดมุ่น นางลุกขึ้นจากเตียง จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่และเดินออกไป นางเห็นหยางอี้ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “พี่หยาง เกิดอะไรขึ้น?”

หยางอี้สำลัก “มีเรื่องเกิดขึ้นกับเล่อเล่อ”

“เกิดอะไรขึ้นกับนาง?”

“ข้าไม่รู้ เล่อเล่อควรจะกลับมาวันนี้ พ่อแม่ข้าก็เลยเตรียมอาหารมากมายไว้รอนาง แต่กลับมีชายผู้หนึ่งโผล่มาพร้อมกับอุ้มเล่อเล่อมาด้วย ตามเนื้อตัวของชายผู้นั้นมีบาดแผลอยู่บ้าง แต่เล่อเล่อมีมากกว่านัก ชายผู้นั้นเล่าตอนที่เขาพบเล่อเล่อให้ฟัง เหมือนว่าตอนนั้นนางจะโดนโจรปล้นเอา” หยางอี้กล่าว และกุมมือตัวเองเข้าด้วยกัน

หากชายผู้นั้นไม่ได้บังเอิญเจอน้องสาวของเขา หยางอี้ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง

“ไปกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาสาวเท้าออกไปสองสามก้าว แต่แล้วก็เดินกลับเข้ามา “ชิงซวง เอากล่องยามา”

“เจ้าค่ะ คุณหนู” ชิงซวงเข้าไปในห้องก่อนกลับมาพร้อมกล่องยาอย่างรวดเร็ว

เฉียวเทียนช่างไตร่ตรองเรื่องที่เกิดขึ้น และตัดสินใจที่จะตามไปด้วย

เมื่อทั้งสี่มาถึง นางหยางนั้นกำลังเป็นห่วงอาการของหยางเล่อเล่ออยู่

เมื่อเขาเห็นบุรุษที่นั่งอยู่ในห้องโถง เฉียวเทียนช่างก็ขมวดคิ้ว “เหลยอัน เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

“นายท่าน ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องบางอย่างต้องบอกท่าน แต่ข้าบังเอิญพบหญิงผู้นี้บนถนน ดังนั้นข้าจึงช่วยนาง และพานางกลับมาที่นี่ด้วย แต่ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่เช่นกัน” เหลยอันตอบด้วยท่าทางเคร่งเครียด

เฉียวเทียนช่างมองเหลยอันก่อนหันไปหาหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเอ๋อร์ ข้าจะออกไปคุยกับเหลยอัน เจ้าดูเล่อเล่อเถอะ ถ้านางเข้ามา ข้ามีบางอย่างอยากจะสอบถามนางด้วย”

“ตกลงตามนั้น เจ้าไปเถอะ”

หลังจากเฉียวเทียนช่างพาเหลยอันออกไป ใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง “ท่านป้าหยาง ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษ”

“เจ้าจะโทษตัวเองได้เช่นไร? ไม่เป็นไรหรอก” เล่อเล่อเริ่มเดินทางไปนอกเมืองได้สองถึงสามเดือนแล้ว แต่ทุกเดือนนางก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเสมอ เล่อเล่อถึงกับพูดเสียด้วยซ้ำว่ามีคนคอยปกป้องนางอยู่ เหลยอันผู้ช่วยชีวิตนางไว้เล่าว่าหากไม่ได้คนผู้นั้นต่อสู้ปกป้องหยางเล่อเล่ออย่างสุดกำลังแล้วล่ะก็ นางอาจจะไม่รอดก็ได้

เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมา นางหยางก็รู้สึกถึงความกลัวอันไม่อาจทานทนได้ แต่นางจะกล่าวโทษหนิงเมิ่งเหยาได้อย่างไร?

“ชิงซวง อาการนางเป็นอย่างไรบ้าง?” หนิงเมิ่งเหยาถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนู โปรดวางใจเถอะเจ้าค่ะ บาดแผลส่วนมากมีแค่ภายนอก แต่มีเพียงแค่สองจุดเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง” ชิงซวงจัดการรักษาแผลของหยางเล่อเล่อ พลางอธิบายไปด้วย บาดแผลพวกนี้นั้นไม่ถึงแก่ชีวิต

บทที่ 116 ไม่ใช่การปล้น

เมื่อได้รับการรับรองจากชิงซวง หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย “ข้าดีใจที่นางไม่เป็นไร ว่าแต่มันจะทิ้งรอยแผลเป็นหรือไม่?”

อย่างไรเสีย ในสายตาของพ่อและแม่นั้นนางก็ยังคงเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอยู่ดี และคนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นคงรับไม่ได้หากลูกสาวของตนจะต้องมามีรอยแผลเป็นเช่นนี้ เพราะหากหญิงสาวใดมีแผลเป็นบนร่างของตน นางก็จะต้องถูกตระกูลฝั่งสามีในอนาคตหัวเราะเยาะใส่อย่างแน่นอน

ชิงซวงยิ้มและส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ เพียงแค่หมั่นทายาแล้วนางก็จะดีขึ้น”

“เช่นนั้นข้าก็โล่งใจ” หนิงเมิ่งเหยาถอนหายใจ หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกนาง นางหยางซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เองก็โล่งอกเช่นกัน

ในใจของนางคิดว่า ขอแค่ลูกสาวของนางนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว เมื่อได้รู้ว่าจะไม่เหลือร่องรอยแผลเป็นไว้อีก นางก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ

ตอนที่ชิงซวงรักษาแผลของหยางเล่อเล่อ หยางเล่อเล่อนั้นเกร็งตัวเล็กน้อยด้วยความเจ็บ แต่นางก็ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้น

“คุณหนู อาการทรงตัวแล้วเจ้าค่ะ หลังจากผ่านไปสักครึ่งเดือน บาดแผลพวกนี้ก็คงหายดีเจ้าค่ะ” เมื่อผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ชิงซวงก็เช็ดเหงื่อบนใบหน้าของตนก่อนยิ้มให้หนิงเมิ่งเหยา

“เจ้ากลับไปเตรียมยาให้เล่อเล่อเถอะ” ที่บ้านของนางมีห้องเก็บของเล็กๆ อยู่ห้องหนึ่ง ในนั้นมียาสามัญประจำบ้านทุกประเภทถูกเก็บเอาไว้ เพื่อประหยัดเวลา และแก้ปัญหาให้ไม่ต้องเข้าไปซื้อถึงในเมือง

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

หลังจากชิงซวงกลับไป หนิงเมิ่งเหยาก็เห็นสีหน้าเป็นกังวลของนางหยางระหว่างที่นางนั่งอยู่ข้างๆ “ป้าหยาง ท่านอย่ากังวลไปเลย เล่อเล่อจะต้องไม่เป็นอะไร”

นางหยางฝืนยิ้ม “ข้ารู้ เจ้าอยู่นี่แล้ว เหตุใดข้าจะต้องเป็นกังวลเล่า?” บัดนี้นางสังเกตเห็นแล้วว่าเด็กสาวชื่อชิงซวงนั้นเป็นหมอฝีมือดี เมื่อพวกนางอยู่ที่นี่ นางยังจะต้องกังวลเรื่องอะไรอีก?

นางรักลูกสาวของตนอย่างสุดหัวใจ เมื่อเห็นลูกเจ็บ นางก็ปาดน้ำตา “ครั้งนี้คงต้องขอบใจพ่อหนุ่มผู้นั้นแล้ว”

“อืม”

เฉียวเทียนช่างพาเหลยอันมายังตีนเขาซึ่งไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ และมองเขาด้วยสายตาอันเคร่งเครียดระหว่างเอ่ยถาม “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองหลวงขอรับ มีคนผู้หนึ่งบอกให้ข้ามาหาท่าน” เหลยอันตอบด้วยประโยคที่ยากจะเข้าใจ

เฉียวเทียนช่างหน้านิ่วคิ้วขมวด เมื่อเห็นความเย็นชาในดวงตาของเหลยอัน เขาก็กล่าวต่อ “บอกข้ามาว่ามีอะไร?”

“เรื่องตระกูลเฉียวขอรับ ก่อนหน้านี้คนจากตระกูลสาขาลำดับที่สองทำงานผิดพลาดจึงโดนกล่าวโทษ และด้วยเหตุนั้น ท่านแม่ทัพเฉียวจึงต้องการเรียกตัวท่านกลับไปเพื่อปกป้องพวกเขาขอรับ” เหลยอันเล่าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

คนพวกนั้นช่างกล้าลองของนักถึงได้กระทำการเช่นนั้นลงไป

พวกนั้นคิดจะใช้ข้าหรือ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?

ประกายความเข้าใจแล่นผ่านดวงตาของเฉียวเทียนช่าง แล้วเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น ทั้งที่มันผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ปล่อยเขาไปอีก ช่างน่าเหลือเชื่อนักที่พวกเขายังจำเขาได้อยู่

“นอกจากเรื่องนั้น มีอะไรอีกหรือไม่?” เฉียวเทียนช่างมองเหลยอันแล้วถามต่อ “แล้วพวกโจรที่มาปล้นล่ะ?”

เมื่อมาถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเหลยอันก็น่ากลัวขึ้นมาก “นายท่าน ข้าพบสิ่งนี้อยู่กับโจรพวกนั้น”

เมื่อเห็นแผ่นป้ายในมือของเหลยอัน ขนาดคนใจเย็นอย่างเฉียวเทียนช่างก็ยังต้องถลึงตามองอย่างอดไม่อยู่

นี่… นี่มัน…

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าพบสิ่งนี้จากตัวพวกมัน?” เฉียวเทียนช่างมองเหลยอันด้วยสีหน้าเครียดจัด

เหลยอันพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นขอรับ ข้าโกหกผู้อื่นได้ แต่ข้าเคยโกหกเรื่องใดกับท่านด้วยหรือ?”

“เจ้าพวกนั้นช่างหาเรื่องนัก” เฉียวเทียนช่างกล่าวเป็นเชิงดูถูก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอันใดกับตัวเขาเลยแม้เพียงเสี้ยว แต่หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย คงจะไม่เป็นการดีกับตระกูลเฉียวเท่าใดนัก แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ?

“เมื่อเจ้ากลับไป ให้รายงานเรื่องนี้ให้พวกระดับสูงฟัง แล้วให้พวกเขาส่งคนมาสืบสวนเสีย” เจ้าพวกคนที่กล้าสมรู้ร่วมคิดกับโจรพวกนี้ ดูเหมือนว่าพวกมันคงอยากตายกันมากจริงๆ

“นายท่าน…”

“ประชาชนล้วนอยู่ใต้กฏหมาย อีกอย่าง เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ?” เฉียวเทียนช่างเหน็บแนมและกล่าวเยาะกับเหลยอัน

เหลยอันเองก็คิดในสิ่งเดียวกัน ผู้คนที่เมืองหลวงรู้กันมานานนมว่านายท่านตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเฉียวเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าตระกูลเฉียวจะก่อปัญหาใดๆ ก็จะไม่มีผลกระทบอะไรกับนายท่านมากนัก อย่างมากสุดก็คงเป็นการที่ผู้อื่นอาจจะกล่าวโทษเขาได้ แต่ถ้าตัดสินจากความเชื่อใจที่ตระกูลเฉียวมีต่อนายท่านแล้ว เรื่องการกล่าวโทษนี้ก็คงไม่กระทบอะไรกับนายท่านเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เฉียวเทียนช่างนั้นไม่ใช่แม้แต่ขุนนางด้วยแล้ว

“ทราบแล้วขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เหลยอันผงกศีรษะอย่างเอาจริงเอาจัง

หากเพียงแต่พวกเขาเลือกปล้นเฉพาะผู้ที่ทำความผิด เช่นนั้นมันก็อาจจะยังมีหนทางช่วยได้อยู่ แต่คนพวกนี้กลับไม่เลือกเป้าหมายและพุ่งเป้าไปที่คนธรรมดาแทน