เล่ม 1 ตอนที่ 65 ความตกตะลึงของเย่ว์หนานซี

ราชินีพลิกสวรรค์

หมัดพิฆาตขั้นหกปะทะกับหมัดสังหารขั้นเจ็ด เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีต่อสู้กับเย่ว์หนานซี ท่ามกลางพลังทำลายล้าง นางเห็นรอยยิ้มที่โหดร้ายและบ้าคลั่งบนใบหน้าชายผู้นั้น ความเคียดแค้นในแววตาของคู่ต่อสู้ราวกับจะถลกหนังของนางออกมาให้ได้

 

 

ตูมมม

 

 

สู้กันหมัดต่อหมัด คลื่นพลังทำลายล้างจู่โจมไปที่เจียงหลี

 

 

และเย่ว์หนานซีก็รับรู้ได้ถึงพลังในหมัดของเจียงหลี ราวกับกระแสน้ำ ออกหมัดอย่างต่อเนื่อง ระเบิดพลังอำนาจที่ทำให้ผู้คนอึ้งทึ่ง กลืนพลังทำลายล้างที่หมัดของเขาหายเกลี้ยงอย่างง่ายได้ แต่พลังนั้นยังไม่ลดลงเลยสักนิด โจมตีใส่เขาต่ออย่างโหดร้าย

 

 

ฟิ้ววว

 

 

ร่างกายของเย่ว์หนานซีเสียการควบคุม ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว พลังหมัดของเจียงหลี ทำให้เขาตะลึง

 

 

เขาไม่เข้าใจว่าเด็กผู้หญิงที่สามเดือนก่อนแค่เขาออกแรงบีบก็ตาย เหตุใดถึงได้มีพลังที่น่าตกใจในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้ !

 

 

“หลิงซื่อระดับห้า! นี่เป็นไปไม่ได้!” ครั้งแรกเมื่อได้สัมผัส เย่ว์หนานซีไม่อยากจะเชื่อเมื่อได้รับรู้ถึงพลังของเจียงหลี

 

 

ตอนนี้ ควันหลงของหมัดพิฆาตขั้นหกยังวนเวียนอยู่ในร่างกายของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว

 

 

แต่ต่อให้เจ็บกว่านี้ ก็ไม่อาจเทียบกับความประหลาดใจของเขาได้

 

 

“นึกไม่ถึงว่าสาวใช้ตระกูลลู่คนนี้จะเป็นหลิงซื่อระดับห้า!”

 

 

“อายุเท่านี้ ก็มีพลังเช่นนี้แล้วหรือ”

 

 

“ข้าได้ยินมาเมื่อหลายเดือนก่อน สาวใช้คนนี้เกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว ต่อมาถูกตระกูลลู่รับไป คิดไม่ถึงว่าระยะว่าแค่ไม่กี่เดือน ก็เปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้”

 

 

“ตระกูลลู่แห่งเมืองซูหนาน เป็นตระกูลที่มีอะไรแอบแฝงอยู่จริงๆ” มีคนพูดขึ้น

 

 

เจียงหลียืนอยู่ที่เดิม ยังคงอยู่ในท่าออกหมัด เห็นความตะลึงของเย่ว์หนานซี รับรู้ถึงความประหลาดใจของผู้คนรอบๆ เวทีการประลอง แต่นางก็ไม่แสดงอะไรออกทางสีหน้าเลยสักนิด

 

 

นางยังคงจ้องเย่ว์หนานซี ดวงตาที่แวววาว ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

 

 

สามเดือนก่อน ที่หน้าประตูด้านนอกของจวนลู่ เย่ว์หนานซีลงมือกับนาง อีกนิดเดียวกระดูกซี่โครงนางก็หักแล้ว แต่นางในตอนนั้นไม่มีพลังโต้กลับ

 

 

สามเดือนต่อมา ในที่สุดวันนี้นางก็สามารถแก้แค้นให้ตัวเองได้เสียที!

 

 

เย่ว์หนานซี ตระกูลเย่ว์ นางเหอซื่อ เจียงอวี๋ นางจะไม่ปล่อยไปสักคนแน่!

 

 

“เย่ว์หนานซี เจ้ามีน้ำยาแค่นี้หรือ” น้ำเสียงของเจียงหลีมีความทะนงขึ้นมา หัวเราะเยาะเย้ยเย่ว์หนานซี

 

 

เย่ว์หนานซีสีหน้าเปลี่ยน สายตาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

 

 

มองบนเวทีจากที่ไกลๆ หนานอู๋เฮิ่นสายตายิ้มไม่หยุดแล้วพูดว่า “หมัดพิฆาตขั้นหก พลังทำลายล้างแข็งแกร่งมากทั้งยังรุนแรงมาก พลังระดับนี้ มีไม่กี่คนที่ฝึกได้สำเร็จ แต่สาวน้อยคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถฝึกฝนพลังจนได้พลังหมัดพิฆาตขั้นหก ช่างน่าทึ่งจริงๆ”

 

 

“หมัดพิฆาตขั้นหกของตระกูลลู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสามัญ แต่ขึ้นชื่อว่าฝึกยาก นางเพิ่งจะเบิกเนตรญาณได้ไม่กี่เดือนเอง ก็สามารถฝึกสำเร็จแล้วหรือ” เฮ่อเหลียนเฟิงคอยปกป้องเมืองซูหนานมายาวนาน รู้เรื่องของตระกูลลู่อยู่ไม่น้อย พอได้ยินหนานอู๋เฮิ่นพูด เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

 

 

“บางที ตระกูลลู่อาจใช้วิธีอะไรช่วยนางเพิ่มพลัง” มู่หว่านโหรวพูดน้อยมาตลอด ก็พูดขึ้นมาในทันที นางไม่เชื่อว่าพรสวรรค์ของสาวใช้จะเก่งกาจได้ถึงระดับนี้ “ตระกูลลู่สืบทอดมานับร้อยปี จะมีวิธีอะไรพิเศษก็ไม่แปลก”

 

 

ในคำพูดของนาง เหมือนเป็นเพราะว่าเจียงหลีมาในนามของตระกูลลู่ ดังนั้นถึงได้มีอคติมาตั้งแต่แรก

 

 

“เหอะๆ องค์หญิงพูดมีเหตุผล” อู๋เชียนเห็นด้วย

 

 

หนานอู๋เฮิ่นก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ยิ้มเล็กน้อยแล้วดูการประลองบนเวทีต่อ

 

 

บนเวที คำพูดนั้นของเจียงหลีทำให้บรรยากาศตึงเครียด

 

 

สายตาเดิมที่หยิ่งยโสของเย่ว์หนานซีแปรเปลี่ยน อยากสังหารนางที่อยู่ต่อหน้า

 

 

แม้นจิตสังหารจะพุ่งไปที่เจียงหลี นางยังคงยิ้มอ่อน ไม่สนใจเลยสักนิด พลังขั้นหกแล้วอย่างไร คนอย่างเจียหลีไม่มีทางถอย เพียงเพราะว่าคู่ต่อสู้เก่งกว่านาง

 

 

วันนี้นางไม่เพียงแต่ต้องชนะ แต่ต้องชนะอย่างงดงาม!

 

 

“ท่านแม่ เจียงหลีเป็นหลิงซื่อระดับห้า ท่านพี่หนานซีจะพ่ายแพ้หรือไม่” เจียงอวี๋พูดอย่างเป็นกังวลอยู่ข้างล่างเวที นางให้ทุกอย่างกับเย่ว์หนานซีไปแล้ว เย่ว์หนานซีห้ามแพ้เด็ดขาด!

 

 

นางเหอซื่อก็ตะลึงในการเปลี่ยนแปลงของเจียงหลี แต่ก็ยังพูดปลอบว่า “วางใจเถอะ หนานซีเป็นหลิงซื่อระดับหก สูงกว่าเจียงหลี อีกทั้งหนานซีฝึกฝนมาตั้งหลายปี เจียงหลีเพิ่งจะฝึกฝนได้นานเท่าไหร่กันเชียว ทักษะการต่อสู้นั้นคงสู้เขาไม่ได้หรอก”

 

 

เมื่อได้ยินที่แม่ของนางพูดปลอบ เจียงอวี๋ก็สงบลง

 

 

หลังจากนั้นนางเหอซื่อรำพึงอยู่ในใจ เจียงหลีโชคดีอะไรขนาดนี้ถึงได้ฝึกพลัง ไม่ได้! จะให้นางเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องหาโอกาสกำจัดนาง!

 

 

ในที่ไกลๆ ท่ามกลางผู้คนตระกูลเย่ว์ มีคนถามเย่ว์ชิงหลิวอย่างไม่สบายใจ “นายท่าน เมื่อสามเดือนก่อนเจียงหลียังฝึกฝนไม่ได้อยู่เลย”

 

 

เย่ว์ชิงหลิวพูด “หึ ตระกูลลู่ต้องใช้วิธีอะไรอย่างแน่นอนที่ช่วยเพิ่มพลังให้นางได้มากขนาดนี้ วางใจเถอะ ผู้ที่ใช้วิธีการแบบนี้ ประคองพลังไว้ได้ไม่นานหรอก อีกไม่นานลูกชายข้าก็จะทำให้นางได้รู้ว่าพลังที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร!”

 

 

คนตระกูลเย่ว์คิดว่ามีเหตุมีผล จึงพากันพยักหน้า ก่อนหน้านี้เพราะพลังของเจียงหลีทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่แล้วความไม่สบายใจก็สลายไปเหมือนเมฆ

 

 

ด้านล่างเวที ร้อยคนร้อยความคิด มีเพียงหม่าหยวนจย่าที่ยินดีกับเจียงหลี ตื่นเต้นกับความสำเร็จของนางในวันนี้ ได้ยินผู้คนรอบๆ พูดคุยกัน เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจและคิดในใจ คนธรรมดาทั่วไปอย่างพวกเจ้าจะไปรู้อะไร พรสวรรค์คุณหนูของข้าไม่มีใครเทียบได้

 

 

“ดูแล้ว ข้าต้องเอาจริงเสียแล้ว” บนเวที เย่ว์หนานซีมองเจียงหลีแล้วพูด

 

 

ประโยคนี้ทำให้ผู้คนด้านล่างเวทีรู้ในทันที อ้อ ที่จริงเมื่อกี้นี้นายน้อยเย่ว์แค่หยั่งเชิง ยังไม่ได้เอาจริง

 

 

เจียงหลียิ้มอย่างเหยียดหยาม นางก็ขี้เกียจเปิดโปงเรื่องที่เย่ว์หนานซีจัดฉากขึ้นมา

 

 

หากเพียงโต้แย้งแล้วสามารถรู้แพ้ชนะได้ เช่นนั้นจะขึ้นเวทีมาประลองทำไม

 

 

บนเวที เย่ว์หนานซีเข้าจู่โจมอีกครั้ง ครั้งนี้เขายังคงใช้หมัดสังหารขั้นเจ็ด ผสานเข้ากับเทคนิคการต่อสู้ของวิถีร่างกาย

 

 

เจียงหลีใช้พลังหมัดพิฆาตขั้นหกในการต่อสู้ และใช้กระบวนท่าหนึ่งย่องพันก้าวหลบเลี่ยงและปิดทางหนีของเย่ว์หนานซีด้วย ทำให้เขาตกอยู่ในวิถีโจมตีของนาง

 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นเพราะการเรียนรู้ของนางเองจากการต่อสู้ในเทือกเขาปู้กุย

 

 

คนข้างๆ อาจจะไม่เข้าใจ แต่ว่าด้วยสายตาของหนานอู๋เฮิ่น กลับสามารถมองแวบเดียวก็รู้ว่าตอนนี้เจียงหลีใช้พลังฝ่ามือ ไม่ใช่พลังกาย

 

 

“เอ๊ะ” หนานอู๋เฮิ่นส่งเสียงสงสัยเบาๆ ดวงตาแวววาว เหมือนกับค้นพบสิ่งของมีค่าที่หายาก

 

 

เขาเหลือบตาไปมองอู๋เชียนที่อยู่ด้านหลัง เห็นเขากำลังยุ่งกับการคุยกับเจ้าเมืองอยู่ ไม่เคยสนใจจุดนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงยิ้ม

 

 

จู่โจมด้วยหมัดและเท้า เย่ว์หนานซียิ่งสู้ยิ่งโมโห เขาถูกหมัดของเจียงหลีโจมตีไม่หยุด ไม่มีทางให้หนีเด็ขาด

 

 

อ้ากกก

 

 

ทันใดนั้น ตรงหน้าเวทีก็มีพลังที่แข็งแกร่งเป็นแสงสีทองระเบิดออกมา

 

 

เจียงหลีถอยอย่างรวดเร็ว มองเย่ว์หนานซีผู้ที่ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ด้วยสายตาเยือกเย็น

 

 

เมื่อเห็นวิญญาณยุทธ์ของเย่ว์หนานซีแล้ว เจียงหลียิ้ม นางพูดกับเย่ว์หนานซีว่า “เจ้าคิดว่าการปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์จะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องจริงที่เจ้าจะต้องพ่ายแพ้ได้งั้นหรือ”

 

 

พูดจบ ร่างกายขออนางก็ปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งที่ไม่มีใครสู้ได้

 

 

พลังนี้ทำให้ทั้งสามคนที่ดูการประลองนี้อยู่ต้องตะลึง

 

 

แสงสีทองปรากฏขึ้น ภาพมายาปรากฏขึ้นด้านหลังของเจียงหลี ผู้คนยังไม่ทันเห็นชัดเจนว่าคือพลังอะไร เจียงหลีก็เปิดฉากโจมตี

 

 

ร่างกายนางเหมือนเสือวิ่งเร็ว พุ่งเข้าหาเย่ว์หนานซีอย่างรวดเร็ว

 

 

ยกมือขึ้นสะบัด มือของนางทับซ้อนด้วยกรงเล็บที่แหลมคมของพลังเลี่ยเทียนซื่อ แล้วตะปบไปที่หน้าอกของเย่ว์หนานซี