บทที่ 18.4 สุดยอดขาขวา (4)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะแอบบ่นอยู่ในใจเล็กน้อย แม้เขาจะรู้ว่านั่นคือการวิวัฒนาการของร่างกาย *แต่อย่างน้อยก็ควรให้ข้าพัฒนาขาทั้งสองข้างไปพร้อมๆ กันไม่ใช่หรือไงฟะ! จะพัฒนาขาเดียวทำพระแสงอะไรล่ะโว้ย!*ดูเหมือนว่าควบคุมแรงที่ขาขวาเพียงข้างเดียวจะไม่ง่ายเลย…

ในช่วงเวลาอาหารเย็น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เคยบอกเขาว่าเธอจำเป็นต้องไปที่กองบัญชาการใหญ่เพื่อรายงานผลการรับสมัครทหารใหม่ และยังต้องจัดการกับรถขนส่งเมล็ดข้าว และอาหารสัตว์จำนวนมากที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว กรมทหารที่ 5 กำลังจะกลับไปพร้อมกำลังทหารประมาณ 2 กองพัน เป้าหมายครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การรับสมัครทหารใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขนส่งเสบียงไปยังแนวหน้าด้วย เนื่องจากวันพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องย้ายออกไปแต่เช้าตรู่ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อนวันพรุ่งนี้จะมาถึงในฐานะผู้บังคับบัญชา

กลับไปฝึกปราณหรือ? โจวเหว่ยชิงรำพึงรำพันถึงสิ่งที่ต้องทำ จากนั้นจึงคิดบางอย่างได้ เขาตัดสินใจที่จะไปพบท่านพี่หรูเซ่อเสียก่อน

สำหรับนายทหารระดับผู้บัญชาการกองร้อย พวกเขามีกระโจมส่วนตัวอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้หลังจากทุกคนกลับมาถึงค่ายแล้ว เซียวหรูเซ่อก็บอกเขาว่ากระโจมของเธออยู่ที่ไหน ในเวลานี้ เนื่องจากโจวเหว่ยชิงไม่มีงานให้ทำ เขาจึงเดินเตร็ดเตร่ไปจนถึงกระโจมของเซียวหรูเซ่อ และเมื่องยืนมองจากภายนอก เด็กหนุ่มก็เห็นว่ามีแสงส่องสว่างรำไรอยู่ภายในกระโจม

ถ้าเป็นพลทหารธรรมดาคนอื่นๆ หรือว่าพวกเจ้าหน้าที่ทหารชั้นสูง แน่นอนว่าตามธรรมเนียมพวกเขาก็จะต้องกล่าวขออนุญาติจากภายนอกก่อนจะเข้าไปในกระโจม แต่โจวเหว่ยชิงไม่ได้สนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนั้น เด็กหนุ่มพลันเลิกผ้ากระโจมขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปทันที

ทันทีที่เข้ามาในกระโจม เขาก็ต้องตกใจอย่างมากเพราะสิ่งแรกที่เห็นคือผมสีดำขลับนุ่มลื่นที่ยาวสยายไปถึงเอวและเกือบจะปกคลุมทั่วแผ่นหลังของเธอ เจ้าของเรือนผมสีดำได้ยินเสียงเปิดกระโจมเธอจึงหันไปรอบๆ และแน่นอนว่าคนผู้นั้นย่อมเป็นเซียวหรูเซ่อ

เมื่อเธอหันหน้ากลับไป โจวเหว่ยชิงก็เห็นทันทีว่าเธอได้แกะผ้าคาดอกสีขาวที่มีความกว้างประมาณ 1 ฟุตออก หลังจากนั้นก็ม้วนเอาแถบผ้าที่พันอยู่รอบๆ ตัวเธอออกทีละชั้นทีละชั้น แม้ว่าตำแหน่งสำคัญๆ ของเธอจะยังคงถูกปกปิดไว้อยู่ แต่หัวไหล่กลมมน ท่อนแขนและเอวขอดของเธอล้วนแต่เปิดเผยสู่สายตาของเขาอย่างสมบูรณ์

เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์องอาจ และสง่างามของเธอตอนสวมใส่เสื้อผ้าผู้ชายแล้ว ตอนนี้เซียวหรูเซ่อนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนที่แตกต่างออกไป ตอนนี้เธออายุ 20 ปีแล้ว และการเติบโตทางกายภาพของเธอย่อมดีกว่าเมื่อเทียบกับซ่าง กวนปิงเอ๋อร์ที่ยังเด็กอยู่ ขณะนี้เธอสวมกางเกงขายาวเพียงตัวเดียว จากเอวขอดของเธอลากลงไปจนถึงส่วนโค้งเว้าที่น่าอัศจรรย์ นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ขณะที่เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างแทบไม่กระพริบ

ในตอนแรก เซียวหรูเซ่อตกใจมากที่รับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา แต่เมื่อเธอหันกลับไปดูและพบว่าเป็นโจวเหว่ยชิง เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและรู้สึกเขินอายขึ้นมาด้วยเช่นกัน เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ “ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าก่อนเข้ามา! นั่งตรงนั้น อย่าเสียงดัง!”

“ เอ่อ…ท่านพี่ ท่านไม่อึดอัดหรือที่ต้องพันตัวเองแบบนี้ทุกวัน? มันจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของท่านนะ!” โจวเหว่ยชิงกล่าวและพยายามวางท่าอย่างเหมาะสม

“ ฮึ! เด็กอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร? เจ้าคิดว่าข้าอยากจะทำแบบนี้หรือ? ผู้หญิงนั้นยากจะเป็นใหญ่ในกองทัพ นั่นคือเหตุผลที่ข้าแต่งตัวเป็นผู้ชาย หันหลังไป! หากเจ้ายังขืนจ้องข้าอยู่อีก คอยดูเถอะ ข้าจะโดดทับเจ้าให้ตาย!” เมื่อเทียบกับเวลาที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เขินแล้วชอบข่มขู่ทำร้ายร่างกายเขา เซียวหรูเซ่อนั้นดูเหมือนจะเขินได้น่ารักมากกว่า

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและก้าวไปข้างหน้าอีก 2-3 ก้าว ราวกับว่านั่นจะทำให้เขามองเห็นเธอได้ชัดขึ้น “ท่านพี่ ถ้าท่านกระโดดทับข้า ข้าจะมีความสุขมาก!”

กลายเป็นเซียวหรูเซ่อที่ออกอาการสับสนเล็กน้อย เธอคว้าเสื้อผ้าข้างๆ โยนใส่โจวเหว่ยชิง “เจ้ากล้าเย้าแหย่พี่สาวของเจ้าด้วยคำพูดเช่นนี้ เจ้าไม่ต้องการปิงเอ๋อร์ของเจ้าแล้วหรือ? ระวังคำพูดของเจ้าด้วย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน หันไปเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นวันพรุ่งนี้ข้าจะไปบอกลุงโจวว่าเจ้าหนีออกจากบ้านเพื่อมาตามจีบผู้หญิง! อืม ถึงแม้ว่าเจ้าจะเอาเปรียบนางไปแล้วก็เถอะ ข้าจะคอยดูว่าลุงโจวจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”

โจวเหว่ยชิงสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว แน่นอนว่าคนที่เด็กหนุ่มกลัวที่สุดย่อมเป็นบิดาของเขา! เมื่อนึกได้ดังนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าเห็นฝ่ามือขนาดมหึมาของบิดากำลังลอยกวัดแกว่งเข้ามาหา ดังนั้นโจวเหว่ยชิงจึงไม่กล้าล้อเล่นอีกต่อไป และรีบหันหลังให้เธออย่างรวดเร็ว

เมื่อมองเห็นท่าทีหวาดกลัวของเขา เซียวหรูเซ่อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอดึงแถบผ้าที่พันอยู่กับร่างกายส่วนบนของเธอออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกปลดปล่อยออกมาสัมผัสอากาศภายนอก และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกเบาโหวง และสบายตัวจนเธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างมีความสุข นั่นทำให้ผู้ฟังอย่างโจวเหว่ยชิงที่กำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่รู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ

“เอาล่ะ หันมาได้แล้ว” เซียวหรูเซ่อพูดพลางหัวเราะ

เมื่อโจวเหว่ยชิงหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าเธอได้เปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายแล้ว หน้าอกแบนราบก่อนหน้านี้กลายเป็นเทือกเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทันใดนั้นเขาก็ได้แต่รำพึงในใจใหญ่มาก! ปะ เป็นไปได้ยังไง! หรือว่าข้างในจะกลวง!? จากการประมาณของข้า อย่างน้อยนี่ควรจะเป็นขนาด 36D…ไม่! มันควรจะใหญ่กว่านี้ น่าจะสักขนาดคัพ E…

เซียวหรูเซ่อเห็นว่าดวงตาของโจวเหว่ยชิงกำลังจ้องอยู่ที่หน้าอกของเธอ เธอพูดอย่างหงุดหงิด “ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนี่! นี่เจ้าได้ไปเรียนรู้อะไรผิดๆ มาเยอะสินะ หยุดจ้องข้าแบบนั้นได้แล้ว! เรามาคุยเปิดอกกันแบบพี่น้องเถอะ เราไม่ได้พบกันนานหลายปีแล้วสินะ ในอนาคตต่อจากนี้เจ้ามีแผนจะทำอะไรบ้างล่ะ?”

เมื่อโจวเหว่ยชิงฟื้นคืนสติกลับมาจากบริเวณหน้าอกของเธอ เขาก็พูดอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าข้าจะเข้าสู่สนามรบและฆ่าศัตรูของเราเพื่อสร้างอาชีพและชื่อเสียงให้กับตัวเอง!”

เซียวหรูเซ่อขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดว่า “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ลุงโจวจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ถ้าเจ้าทำอะไรแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้…”

โจวเหว่ยชิงรู้สึกประหลาดใจ เขาถามว่า “ทำไมหรือ?”

เซียวหรูเซ่อกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ในความเป็นจริง สถานการณ์ของอาณาจักรเราในตอนนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เหว่ยน้อย เจ้าต้องจำไว้ว่าสิ่งที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดนั้นถูกต้อง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องมั่นใจว่าเจ้าไม่ได้เปิดเผยมณีสวรรค์ของเจ้าให้ผู้อื่นเห็น ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ในแนวหน้าเลวร้ายลงมากขึ้น อาณาจักรของเรามีอาณาเขตติดกับอาณาจักรเฟยหลี่ทางทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นเราจึงโชคดีที่ไม่ต้องส่งกองกำลังทหารไปป้องกันพรม แดนที่ติดกับอาณาจักรเฟยหลี่ทั้งสองฝั่งนั้น เพราะฉะนั้น ศัตรูหลักของเราจึงมาจากอาณาจักรคาลิเซที่อยู่ทางใต้ แต่ทว่าถัดออกไปทางใต้ของอาณาจักรคาลิเซก็ยังมีอาณาจักรป่ายต้าที่น่าเกรงขามคอยหนุนหลังอยู่อีก”

“หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างอาณาจักรคาลิเซ และอาณาจักรของเราแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอาณาจักรคาลิเซเลย เนื่องจากอาณาจักรของเรามีพื้นที่อาณาเขตใหญ่กว่าพวกเขา แต่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กองทัพของอาณาจักรคาลิเซเติบโตขึ้นอย่างมากทั้งในด้านปริมาณ และคุณภาพ พวกเขาค่อยๆ เริ่มแซงหน้าเราไปเรื่อยๆ หากเดาไม่ผิด ข้าคาดว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรป่ายต้าเป็นอย่างมาก”

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง และการทหารของประเทศต่างๆ ให้โจวเหว่ยชิงฟัง เขาจึงฟังอย่างตั้งใจก่อนจะถามอย่างสงสัย “ถ้าอย่างนั้น นี่หมายความว่าเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรเฟยหลี่งั้น  หรือ?”

เซียวหรูเซ่อส่ายหัวของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “อาณาจักรเฟยหลี่ และอาณาจักรป่ายต้าเป็นอาณาจักรใหญ่ที่คล้าย คลึงกันในแง่ของความแข็งแกร่งโดยรวม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันทำให้นโยบายระดับประเทศของพวกเขาแตกต่างกันมาก อาณาจักรป่ายต้ามีพื้นที่กว้างมาก และตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีป เช่นนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญกับภัยคุกคามใดๆ จากชายแดนทิศตะวันตก และทิศใต้ของพวกเขาเนื่องฝั่งพวกนั้นอยู่ติดกับทะเล ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ทางทิศตะวันออก และทิศเหนือก็ยังล้อมรอบไปด้วยอาณาจักรเล็กๆ ไม่กี่อาณาจักรที่ไม่มีกำลังพอจะคุกคามพวกเขา อย่างไรก็ตาม สำหรับอาณาจักรเฟยหลี่นั้นแตกต่างออกไปมาก ทางตอนเหนือของอาณาจักรเฟยหลี่นั้นมีอาณาจักรที่น่าเกรงขามอาณาจักรหนึ่งชื่อว่าอาณาจักรวั่นโซ่ว ทุกคนสามารถจินตนาการได้ว่าอาณาจักรของพวกเขาจะถูกบีบคั้นแค่ไหน ดังนั้นกำลังทหารส่วนใหญ่ของอาณาจักรเฟยหลี่จึงประจำอยู่ที่ชายแดนทางตอนเหนือเพื่อป้องกันอาณาจักรวั่นโซ่ว แม้ว่าอาณาจักรของเราจะติดอยู่กับอาณาจักรเฟยหลี่ แต่การสนับสนุนที่เราได้รับจากพวกเขานั้นก็มีจำกัดมาก”

ในหัวของโจวเหว่ยชิงสว่างวาบขึ้นมาทันที เขาพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว นั่นหมายความว่าอาณาจักรป่ายต้าให้การสนับสนุนอาณาจักรกคาลิเซอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้กองทัพของคาลิเซแข็งแกร่งขึ้นจนเอาชนะพวกเราได้? นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสถานการณ์ปัจจุบันของกองทัพเราจึงไม่สู้ดีสินะ”

เซียวหรูเซ่อพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง อาณาจักรวั่นโซ่วครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือและอาณาเขตทั้งหมดของพวกเขาเกือบจะเท่าอาณาเขตของทั้งอาณาจักรป่ายต้า และอาณาจักรเฟยหลี่รวมกัน หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอาณาจักรวั่นโซ่วนั้นประกอบไปด้วยชนเผ่าใหญ่ๆ หลายชนเผ่า และพวกเขาก็ไม่ได้รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ประกอบกับภัยคุกคามจากชายแดนฝั่งอื่นๆ ไม่อย่างนั้นบางทีอาณาจักรเฟยหลี่ก็อาจจะพ่ายแพ้ให้กับพวกเขาไปแล้วก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสที่จะปกป้องอาณาจักรของพวกเราไว้ก็เริ่มริบหรี่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่เรามีนักรบเช่นลุงโจวคอยต่อสู้ขัดขวางอาณาจักรคาลิเซ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้เป็นระยะเวลานานๆ สถานการณ์ของอาณาจักรของเราก็จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ”

……………………………………………………………