แก๊ง! ฟางเจิ้งไม่กะพริบตา แต่กระสุนกลับกระเด็น สะเก็ตไฟกระจายไปรอบๆ!
“ไอ้ห่า!” หานเซี่ยวกั๋วร้องราวกับเห็นผี ด้วยความกลัวจึงลั่นไกอย่างบ้าคลั่ง!
‘แก๊งๆๆ!’ กระสุนกระเด็นกระดอน สะเก็ตไฟแตกกระจายมั่วไปหมด
ฟางเจิ้งเลิกคิ้ว พุ่งเข้าไปราวกับลูกดอก คว้ามือเข้าไป กึก!
“กะ…แกจะทำอะไร? ปล่อย?” ชั่วขณะที่หานเซี่ยวกั๋วร้อง เขาชักมีดแทงไปที่ท้องน้อยฟางเจิ้ง!
‘ฉันว่าแล้วในทีวีโกหก! คงต้องใช้วิธีของฉันแล้ว!’ ฟางเจิ้งพึมพำในใจ ใช้มือฉุดดึง หานเซี่ยวกั๋วรู้สึกแค่ว่ามีแรงมหาศาลไหลผ่านไปที่มือไร้อิสระ ปืนหลุดไปอยู่ในมือฟางเจิ้ง พร้อมกันนั้นฟางเจิ้งตบเข้าไปทีหนึ่ง!
ปุง! ฟางเจิ้งตบเข้าที่ข้อมือหานเซี่ยวกั๋ว มีดในมือสั่นก่อนปักลงพื้น
หานเซี่ยวกั๋วซวนเซถอยไป ลูบมือซ้ายที่บวมแดง มองฟางเจิ้งอย่างตื่นกลัว “แกเป็นคนหรือผีกันแน่?”
ฟางเจิ้งอยู่ตรงหน้าเขา ออกแรงบีบ ปืนในมือส่งเสียงดังกึกๆๆ ต่อเนื่องกัน ปืนบิดรูป แตกออก!
หานเซี่ยวกั๋วมองฟางเจิ้งด้วยแววตาหวาดกลัวกว่าเดิม
ฟางเจิ้งเดินมาตรงจุดที่มีดปักอยู่ หยิบมีดขึ้นมาเคาะ ปัก! มีดหัก! จากนั้นส่ายหน้า “คุณภาพแย่จริงๆ”
อึก!
หานเซี่ยวกั๋วอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ มีดนั่นเป็นมีดสงครามmad dog ATAKที่ได้มาจากนอกประเทศ มันหายากมาก เป็นของสะสมที่หน่วยมอบให้เขาหลังจากที่เขาสร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ดันหักในมือหลวงจีนนี่ เขาสงสัยว่าหน่วยให้ของปลอมรึเปล่า! หรือไม่ก็หลวงจีนนี่ไม่ใช่คน!
ฟางเจิ้งแก้ปัญหาเรื่องมีดปืนได้แล้วก็หัวเราะเหอะๆ มองหานเซี่ยวกั๋ว “ตอนนี้พวกเรามาคุยกันดีๆ ได้รึยัง?”
“ไต้ซือ ก่อนหน้านี้จะให้ฉันลงเขาไม่ใช่เรอะ? ฉันจะลงเขาแล้ว ลาก่อน” หานเซี่ยวกั๋ววิ่งหนีไป!
หมาป่าเดียวดายเงยหน้ามองฟางเจิ้ง ฟางเจิ้งกล่าว “ให้เขาไปเถอะ เป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ ลงเขาไปก็ฝนตกอีก เมฆก็มาวันเว้นวัน เป็นแบบนี้อีกแล้ว แรงกดอากาศต่ำขนาดนี้น่าจะตกเขา ฝนครั้งสุดท้ายก่อนเข้าฤดูหนาวก็แบบนี้แหละน้า…”
พูดจบฟางเจิ้งก็พาหมาป่าเดียวดายปิดประตูวัด เข้าไปในห้อง
ฟางเจิ้งไม่ได้ทำอะไร แต่หยิบมือถือออกมาดู พบว่ามีข้อความฝากไว้เป็นพรวน
เปิดอ่านดูเป็นของจ้าวต้าถงทั้งหมด
“ไต้ซือ ท่านอยู่ไหม?”
“ไต้ซือ?”
“ไต้ซือ ช่วยด้วย! ท่านอธิบายให้ชัดเจนที รับเชื้ออสุจิหมายความว่ายังไง? พวกเราเป็นผู้ชายนะ?”
“ไต้ซือ ชื่อเสียงผมล่ำลือไปทั่วแล้ว…ฮือๆๆ…”
……….
ฟางเจิ้งมองแวบแรกก็งงเล็กน้อย รับเชื้ออสุจิ? รับเชื้ออสุจิอะไร? จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเขียนผิด! จึงรีบเลื่อนขึ้นไปข้างบน คำว่ารับเชื้ออสุจิเด่นตาเป็นพิเศษ!
ฟางเจิ้งรีบตอบกลับทันที “ไม่ใช่รับเชื้ออสุจิ แต่ให้ตั้งมั่นสมาธิต่างหาก อมิตพุทธ อาตมาเขียนผิด โยมอย่าถือโทษเลยนะ”
ตอนนี้เอง จ้าวต้าถงกำลังนั่งตาแดงอยู่บนเตียงด้วยความคับอกคับใจ…กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม…มือถือพลันสั่น พอก้มหน้ามอง จ้าวต้าถงก็ร้องไห้โฮ ดึงหูหานเข้ามาตะโกนใส่ “แกดู! ดู! ตั้งมั่นสมาธิ ไม่ใช่รับเชื้ออสุจิ! ไอ้ห่า!”
จากนั้นเจ้านี่ก็วิ่งออกไป ตะโกนเสียงดัง
ทำเอาทุกคนมีสีหน้างุนงง…
หลังบ้าไปพักหนึ่งจ้าวต้าถงก็พบว่าแม้เรื่องรับเชื้ออสุจิจะคึกคักไปช่วงหนึ่ง แต่พอผ่านไปนานเข้ากลับกลายเป็นอดีตไป…ทุกคนเริ่มคุยกันถึงเรื่องอื่นแล้ว
นี่คือชีวิตนักศึกษา เป็นสังคม ไม่มีอะไรคึกคักตลอดไป มีแค่ตัวเองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กน้อยมากเกินไป ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทรมานตัวเอง ฟ้าใหญ่ดินใหญ่ จิตใจตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้นถึงเมินเฉยต่อแรงกดดันทุกอย่างจากภายนอกได้อย่างแท้จริง!
จ้าวต้าถงพลันเข้าใจอะไรบางอย่าง เมื่อกลับหอพักแล้วก็ส่งข้อความหาฟางเจิ้งเงียบๆ “ไต้ซือ ผมเข้าใจถึงความหมายแท้จริงของชีวิตคนแล้ว ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะครับ”
ฟางเจิ้งงง เขาชี้แนะอะไร? แค่เขียนผิดเท่านั้นเอง…พิลึกจริงๆ!
ฟางเจิ้งส่งข้อความให้จ้าวต้าถงอีกหลายประโยค ก็พบว่าจ้าวต้าถงปกติทุกอย่าง ฟางเจิ้งถึงวางใจ
ตอนนี้เองมีเสียงฟ้าผ่าดังมาจากนอกหน้าต่าง สายฟ้าผ่าไม่หยุด ส่งเสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่น ระเบิดบนยอดเขาทำให้ดังจนน่าตกใจเป็นพิเศษ
ฟางเจิ้งปิดหน้าต่างอุโบสถดีแล้วก็ตรวจสอบข้าวของข้างนอกถึงกลับกุฏิ รออย่างเงียบๆ
หลังเสียงฟ้าผ่าดังติดต่อกันหลายครั้งถึงเกิดพายุขึ้น ฝนกระหน่ำลงมา นี่คือฝนของภาคเหนือ มาเร็วมาก ตกเร็วมาก น้ำฝนประหนึ่งเทอ่างลงมา ตกลงบนชายคาดังซ่า…
ขณะเดียวกันมีคนกำลังจะบ้า
หานเซี่ยวกั๋ววิ่งไปยังเส้นทางลงเขาก่อน แต่ก็พบว่าทางลงเขามีเต็นท์ มีตำรวจทำงานอยู่ เขาเลยได้แต่แอบวิ่งกลับไป หากมีปืนเขายังสู้ไหว ตอนนี้มือเปล่าจะสู้ตำรวจที่มีอาวุธได้ยังไง? เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น…
เขาเดินอ้อมในป่าข้างหลัง แม้จะมีอาหารป่า แต่ก็มืดแล้ว สัตว์ต่างๆ หายไปหมด เขาไม่กล้าจุดไฟด้วย กลัวจะเรียกตำรวจมา
ภายใต้ความหิว ฝนตกกระหน่ำลงบนต้นไม้ราวกับผีร้ายกำลังปรบมือ ตกลงบนตัวเขาหนาวเยือกเข้ากระดูก! ต่อให้เขาเป็นชายร่างกำยำแบบนี้ก็ยังทนไม่ไหวอยู่บ้าง
บนเขาไม่มีถ้ำ และก็สร้างที่หลบไม่ทันแล้ว ด้วยความจำใจ หานเซี่ยวกั๋วจึงกัดฟัน…
ปึงปึงปึง…
เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องกัน
ฟางเจิ้งแคะหู พูดพึมพำ “แปลก เสียงฟ้าผ่าถี่ไปรึเปล่า”
หานเซี่ยวกั๋วนอกประตูแทบจะร้องไห้ ฝนก่อนเข้าหน้าหนาวหนาวมาก ซ้ำยังเป็นกลางคืน อุณหภูมิลดต่ำลงเร็วมาก หนาวจนฟันกระทบกันดังกึกๆ เขากระโดดไปมาอยู่กับที่ กำแพงวัดไม่สูง ปีนข้ามไปได้ง่ายๆ แต่พอนึกถึงความน่ากลัวของหลวงจีนนั่นแล้วกลับไม่กล้าฝ่าฝืนกฏ ได้แต่เคาะประตูต่อไป…
ปึงปึงปึง…
“มีเสียงฟ้าผ่าแต่ทำไมไม่เห็นฟ้าแลบล่ะ?” ฟางเจิ้งยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง มองฟ้าพลางพึมพำ
“โฮ่งๆๆ…” หมาป่าเดียวดายข้างๆ ทนมองต่อไปไม่ได้จึงเห่า
“หา? อะไรนะ? มีคนเคาะประตูอย่างนั้นเหรอ? บ่ะ…ปลาตัวใหญ่กลับมาแล้ว เกือบลืมเขาไปแล้วเชียว” ฟางเจิ้งรีบออกไป พอออกมาก็หัวเราะ! เดิมทีคิดว่าต้องเปียกแน่ๆ แต่ไม่นึกเลยว่าจีวรขาวจันทร์จะไม่ได้แค่กันอาวุธ แต่ยังกันฝนได้ด้วย!
เพิ่งหัวเราะได้สองที ก็รู้สึกหนาวที่ขาจึงก้มหน้ามอง รองเท้าเปียก…
“ระบบ ชุดนายมีจุดด่างพร้อย” ฟางเจิ้งพูดเบาๆ
“นายสวมรองเท้าอื่น จีวรขาวจันทร์ไม่คลุมถึงเท้านาย นายถอดรองเท้าลองดูก็ได้”
…………………..