บทที่ 72 คนเจ้าชู้เสเพล

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

คิดดูแล้วนางอายุปูนนี้ ยังต้องถูกหนุ่มน้อยหน้าเหม็นกินเต้าหู้

ทันใดนั้นชิงหลันไม่รอคำสั่งจากหลินชิงเวย มันเลื้อยออกมาอย่างทนไม่ไหว ส่วนเซียวอี้นั้นป้องกันตัวแต่แรก ไม่รอให้ชิงหลันกัดเขา เขากลับพลิกฝ่ามือมาจับหัวของชิงหลัน ราวกับใช้แรงเพียงเล็กน้อยแต่กลับบิดร่างของชิงหลันเป็นสองส่วน

หลินชิงเวยแววตาเย็นเยียบ เซียวอี้กลับยังคงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “งูน้อยตัวนี้หากนำมาทำให้คนตกใจยังพอใช้ได้ แต่ข้าไม่มีทางถูกทำให้ตกใจเป็นครั้งที่สองแน่ เจ้าว่าข้าควรจะจัดการกับมันอย่างไรดี นำกลับไปตุ๋น หรือบิดมันให้ตาย หรือให้ทางรอดกับมันสักทาง?”

ชิงหลันดิ้นรนต่อสู้อยู่ในมือของเซียวอี้ หลินชิงเวยกล่าว “หากท่านกล้าทำร้ายมัน ข้ารับรองว่าท่านจะมีจุดจบไม่ดีเช่นกัน”

เซียวอี้เบ้ปาก จากนั้นสะบัดมือโยนชิงหลันไปบนต้นไม้แห้งๆ ด้านหลัง ชิงหลันตกลงบนพื้นแล้วขดร่างเป็นวงกลม เซียวอี้กล่าว “เจ้าใกล้ชิดกับงูเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดีอันใด ต่อไปจะทำให้เจ้าหาบุรุษไม่ได้”

หลินชิงเวยพูดเสียงเย็น “หาบุรษไม่ได้? เช่นนั้นก็ไม่ถึงกับหิวโหยกระทั่งไม่กินไม่เลือกเช่นเซี่ยนอ๋อง! เซี่ยนอ๋องมีรูปโฉมราวกับปีศาจ หากหื่นกระหายจนทนไม่ได้ก็ไปหาคนอื่น เหมือนจู๋กุ้ยเหรินคราที่แล้ว เซี่ยกุ้ยเหรินในวัง หลี่กุ้ยเหริน หวังกุ้ยเหริน เป็นต้น มีมากมายยิ่งนัก ท่านมาตามติดข้ามิใช่เป็นเพราะข้าไปพบเห็นเรื่องดีงามของท่านหรอกหรือไร ท่านเพียงคิดจะลากข้าลงน้ำไปด้วย แต่ข้าไม่มีความรู้สึกใดต่อท่านทั้งสิ้นดังนั้นท่านหลีกไปจะดีที่สุด!”

ปลายนิ้วของเซียวอี้ลูบไล้ลงบนกลีบปากของหลินชิงเวย ท้องนิ้วของเขาแตะถูกชาดบนริมฝีปากเล็กน้อย “เจ้าดูปากเล็กๆ ของเจ้า พูดไม่หยุดปาก ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าไม่รู้สึกอะไรต่อข้า แต่ข้ารู้สึกต่อเจ้านี่นา”

พูดแล้ว เซียวจี้ก็จุมพิตลงมา หลินชิงเวยตื่นตระหนก เห็นกับตาว่าเขากำลังจะจุมพิตนางแล้วจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ช้าก่อน”

“รออะไรเล่า?”

นางพูดแล้วพลันนึกขึ้นได้ว่าบรรดาศักดิ์ของเซี่ยนอ๋องฟังคุ้นหูอยู่บ้าง เวลานี้พลันนึกออกแล้วว่าดูเหมือนเมื่อแรกที่นางถูกหลินเสวี่ยหรงทำร้ายร้ายได้เอ่ยถึงเซี่ยนอ๋อง

เมื่อคิดถึงความเคียดแค้นชิงชังของหลินเสวี่ยหรงในยามนั้น จึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าเมื่อก่อนร่างนี้ของตนคงมีความเกี่ยวข้องกับเซี่ยนอ๋องอยู่บ้าง เพียงแต่ต่อมาภายหลังถูกหลินเสวี่ยหรงใช้แผนการร้าย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินชิงเวยพลันสงบลง นางกล่าวว่า “คิดดูแล้วท่านคงจะรู้เรื่องของข้าและชายชู้ คนทั้งตำหนักในต่างรู้เรื่องนี้”

เซียวจี้กล่าวอย่างไม่ยี่หระ “เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า ข้าไม่รังเกียจที่จะลักลอบกับเจ้าอีกครั้ง”

หลินชิงเวยกลับเอ่ยขึ้นว่า “วันแต่งงานวันนั้น เดิมทีที่ควรจะแต่งเข้ามาเป็นน้องสาวของข้า หลินเสวี่ยหรง” ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา หลินชิงเวยเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของเซียวอี้จริงๆ หลินชิงเวยกล่าวอีกว่า “น้องสาวลูกผู้น้องคนนั้นของข้ามีเล่ห์เหลี่ยมดียิ่งนัก ถึงกับวางยาเพื่อให้ข้าติดกับ คิดดูแล้วท่านอ๋องย่อมรู้เรื่องเหล่านี้อยู่ก่อนแล้วกระมัง?”

เซียวอี้ไม่เอ่ยวาจา

“หากข้าไม่ได้จำผิดแล้วละก็ข้าและท่านอ๋องควรจะมีความรักต่อกัน เพียงแต่ช่วยไม่ได้ที่บิดาของข้าต้องใจอาสะใภ้ของข้า มีความคิดจะแต่งอาสะใภ้ของข้ามาเป็นภรรยาเอก ยามนั้นน้องสาวของข้า หลินเสวี่ยหรง ก็จะเป็นบุตรสาวสายตรงของจวนมหาเสนาบดี นางได้รับความรักและเอ็นดูจากบิดากว่าข้าเล็กน้อย ดังนั้นท่านจึงคิดว่าดีกับนางย่อมมีประโยชน์มากกว่าดีกับข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าถูกแต่งออกมาเพื่อเป็นการแต่งแทนนาง ท่านก็ไม่มีวันจะพูดอะไร ถูกต้องหรือไม่?”

ภายใต้หน้ากากปีศาจของเซียวเยี่ยน ปรากฏความรู้สึกย่ำแย่เมื่อหลินชิงเวยเปิดโปงความจริงที่แอบซ่อนเอาไว้ หลินชิงเวยรู้ว่าตนเองเดาถูกแล้ว เดาถูกทั้งหมด

ช่างเป็นการกระทำชั่วช้า

รอยยิ้มบนริมฝีปากของเซียวอี้กดลึกขึ้น “เหตุใดเมื่อก่อนไม่เห็นว่าเจ้าจะมองอะไรทะลุปรุโปร่งเช่นนี้” รอยยิ้มนั้นไม่รู้ว่าดีหรือร้ายเช่นกัน

หลินชิงเวยกล่าวอีกว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าต้องมีความผิดโทษฐานทำผิดกฎเกณฑ์ของตำหนักใน นั่นเป็นเพราะหลินเสวี่ยหรงวางยาข้า คิดดูแล้วพวกท่านทั้งสองต่างก็แอบคบหากันลับหลังข้ามานานแล้ว หลินเสวี่ยหรงยังโอ้อวดประกาศศักดากับข้า บอกว่าช้าเร็วท่านก็ต้องแต่งนางเป็นภรรยา เพียงแต่อย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าบุรุษที่นางยื้อแย่งไปประดุจสิ่งของล้ำค่ากลับเป็นเพียงแค่บุรุษที่ใช้อวัยวะต่ำกว่าเอวมาคิดพิจารณาสิ่งที่กินเข้าไปเท่านั้น นางต้องตาท่าน นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องตาท่านเช่นกัน อย่างไรชื่อเสียงของข้าก็ไม่เหลือดีแล้ว สุดท้ายแล้วเป็นท่านที่ลากข้าลงน้ำหรือไม่หรือข้าลากท่านลงน้ำกันแน่ ท่านควรจะไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน”

ปลายนิ้วของเซียวอี้ลูบไล้ลงบนลำคอของหลินชิงเวยอีกครั้ง ลูบคลำลงไปเบาๆ บนรอยนิ้วมือที่เซียวเยี่ยนทิ้งเอาไว้ ราวกับกุมลำคอของนางไว้ในอุ้งมือของเขาอีกครั้ง “เจ้าพูดมามากมายเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเปิ่นหวางจะสังหารเจ้าหรือ อยู่ในสถานที่เช่นนี้ เจ้าตายแล้วเปิ่นหวางฝังเจ้าลงใต้ต้นไห่ถังย่อมไม่มีใครรู้เห็น?” พูดแล้วเขาค่อยๆ บีบมือให้แน่นขึ้น

หลินชิงเวยเงยคอขึ้นหัวเราะ

ดอกไห่ถังปลิวมากับสายลม ตกลงมาบนหว่างคิ้วของนาง ตกลงบนเส้นผมของนางและร่วงลงสู่พื้นงดงามยิ่งนัก

นางกล่าวว่า “ ท่านคิดว่าข้าไม่ได้ป้องกันตัวแม้แต่น้อยหรือ? เรื่องของท่านและจู๋กุ้ยเหริน หากข้าไม่ปรากฏตัวสามวัน จะมีคนนำเรื่องนี้ไปโพนทะนาออกไป ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเวลานั้นต่อให้เป็นถ้ำก็ยังได้ข่าวนี้ ข้าดูรูปร่างหน้าตาของจู๋กุ้ยเหรินนางนั้นผิดแผกไปจากคนส่วนใหญ่ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นสตรีจากต่างเผ่า เป็นสตรีต่างเผ่าแต่สามารถเข้าวังมาอยู่ในตำแหน่งกุ้ยเหริน คิดดูแล้วครอบครัวเผ่าฝ่ายมารดาน่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง เซี่ยนอ๋องลักลอบมีความสัมพันธ์กับสตรีเช่นนี้ ท่านว่าฝ่าบาทหรือเซ่อเจิ้งอ๋องจะเชื่อจริงๆ หรือว่าท่านบริสุทธิ์ใจ?”

เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมา สีหน้าของเซียวอี้ไม่ปรากฏแววขี้เล่นอีกต่อไป กลับกลายเป็นแววตาสุขุมนิ่งลึก

สตรีนางนี้ ไม่อาจดูเบาโดยเด็ดขาด

ดวงตาของเซียวเยี่ยนยังคงทอประกาย “เวยเวย ไม่พบกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน เจ้าเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ข้าพลันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ให้เจ้าแต่งเข้ามาในวังแทนนาง”

นาทีถัดมา หลินชิงเวยถลึงดวงตาทั้งคู่

คนผู้นี้…กลับไม่ใส่ใจต่อคำเตือนของนาง ยังคงแนบชิดเข้ามา ฝ่ามือหนึ่งโอบลำคอของนาง อีกมือหนึ่งประคองศีรษะด้านหลังของนาง ริมฝีปากทั้งคู่แนบชิด จุมพิตนาง!

หลินชิงเวยไม่อาจเคลื่อนไหวแขนและขาได้ ทั้งยังมิอาจต่อต้านขัดขืน!

จุมพิตนี้เร่าร้อนราวกับเปลวไฟ ปลายลิ้นนั้นแนบติดชิดไปกับแนวฟันของนาง คิดจะสอดเข้าไปในโพรงปากของนาง แต่นางกัดฟันเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย

เพียงแค่คิดถึงภาพเหตุการณ์ในคืนวันนั้น หลินชิงเวยก็รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาเป็นระลอก แล้วย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในลานประหารเมื่อเที่ยงวัน กระเพาะของนางพลันบีบรัดตัวขึ้นมาทันที

หลินชิงเวยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย นางอ้าปาก ขณะที่เซียวเยี่ยนเข้าใจว่าเขาได้เปรียบอย่างยินดี นางร้องเสียง “แหวะ”  ครั้งหนึ่ง อาเจียนใส่ปากเขาเต็มๆ…

เซียวอี้กลายเป็นหินทันที ต่อมาเขาอาเจียนน้ำเปรี้ยวๆ ออกจากปากของตน และอาเจียนแห้งๆ ตามไปด้วย

เซียวอี้อาเจียนกระทั่งนัยน์ตาแดงก่ำ เขาช้อนตาขึ้นมองหน้าหลินชิงเวย ราวกับถูกทำให้เกิดโทสะ ราวกับเป็นสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งที่จะเริ่มการจู่โจม ส่วนหลินชิงเวยก็คือเหยื่อของเขา!

เซียวอี้หยิบผ้าเช็ดหน้าไหมออกมาผืนหนึ่งเช็ดปากของตน จากนั้นโยนลงพื้นอย่างไม่แยแส เขามองหลินชิงเวยด้วยแววตาชั่วร้าย “เมื่อเจ้าแสดงตัวเป็นคนอ่อนแอ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะทำตัวอ่อนน้อมและวิงวอน ไม่ใช่ทำให้ข้าเกิดโทสะในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าใยต้องถนอมพฤกษาอาลัยหยกกับเจ้าด้วย”

ต่อมาเซียวอี้จึงแนบชิดเข้ามาอีกครั้ง ทาบทับลงบนร่างอันอ่อนยวบของหลินชิงเวย มือของเขาเลิกกระโปรงของหลินชิงเวยขึ้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว พร้อมกับชื่นชมสีหน้าท่าทางของนาง

หลินชิงเวยด่าทอออกมาทันที “คนชั่วช้า! เหตุใดต้องทำตัวเลวทรามกว่าคนชั้นต่ำ หากข้าเอาจริงกับท่านก็คือข้าแพ้แล้ว ท่านลองแตะต้องข้าดู”