บทที่ 62 หมู่บ้านตระกูลซ่ง (6)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ลานบ้านหลักกลางวิกาล ลมพัดแรงจนใบไม้แห้งบนพื้นส่งเสียงดังแกร่กๆ

ลู่เซิ่งกวาดตามอง ไม่พบเงาคน ค่อยๆ เร่งฝีเท้าอ้อมผ่านลานบ้านไปถึงลานหลัง ห้องน้ำสร้างเดี่ยวๆ ที่ลานหลัง มีห้องน้ำสองห้องตั้งแยกกัน

ตอนที่ลู่เซิ่งเดินไปถึง กลับค้นพบเงาคนสายหนึ่งยืนอยู่นอกห้องน้ำอย่างประหลาดใจ คนผู้นี้คล้ายเห็นเขาแล้ว ร่างเกร็งขึ้นอย่างชัดเจน

“ผู้ใด?!”

ลู่เซิ่งงงงัน เข้าใกล้ค่อยเห็นชัดว่าถึงกับเป็นคุณชายหล่อเหลาที่เป็นมือดีที่ฝึกกำลังภายในคนก่อนหน้า

คนผู้นี้ถือกระบี่สั้น สองตาเปล่งประกาย เห็นได้ว่าอยู่ในสภาพระวังภัย

“พี่ชายท่านนี้ ท่านก็มาตามหาคนที่สูญหายเช่นกันหรือ” หลี่ซุ่นซีถามเสียงทุ้ม เขาจำลู่เซิ่งได้

“คนหายหรือ” ลู่เซิ่งหยีตา สังหรณ์ไม่ดี

“เป็นไร พี่ชายไม่รู้หรือ” หลี่ซุ่นซีงุนงง

“พี่น้องของข้าสองคนออกมาเข้าห้องน้ำ ผ่านไปพักหนึ่งยังไม่กลับไป ข้าไม่วางใจจึงออกมาดู” ลู่เซิ่งอธิบายเรียบง่าย

หลี่ซุ่นซีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย “เมื่อเป็นแบบนี้ก็มีคนหายไปอีกสองคนแล้ว”

“พี่ชายหมายความว่าอะไร” ลู่เซิ่งเดินเข้าไปสองสามก้าว มองเข้าไปในห้องน้ำ ประตูไม้เปิดอ้าอยู่ ด้านในเหม็นยากทนทาน ในห้องเล็กแคบว่างเปล่าไม่มีใคร

ลู่เซิ่งสีหน้าแปรเปลี่ยน

“ท่านกำลังบอกว่าคนจำนวนมากก่อนหน้านี้ สตรีกับคนคุ้มกันที่เข้ามาด้วยกันเหล่านั้น…”

“ไม่เหลือสักคน หายไปหมด” หลี่ซุ่นซีถามเสียงทุ้ม “คนตั้งมากมาย พวกเขาอาจถูกขังอยู่ในที่ใด”

“ลองหาดูเถอะ หมู่บ้านใหญ่ปานนี้ อาจเจอเบาะแสอันใด” ลู่เซิ่งเสนอ เลียริมฝีปาก ใจเกิดเพลิงโทสะขึ้นส่วนหนึ่ง เรื่องหลักยังไม่เจอ กลับเสียคนไปสองคนแล้ว

หลี่ซุ่นซีพยักหน้า ทั้งสองคนวนรอบลานหลังบ้านด้วยกัน ไม่ทันไรก็พบห้องครัวที่มุมหนึ่ง

หลี่ซุ่นซีถือกระบี่สั้นผลักประตูเข้าไปก่อน

ประตูไม้เปิดอ้าออกโดยไร้ซุ่มเสียง เผยให้เห็นห้องครัวที่มีแต่ฝุ่นจับ

หม้อใหญ่คว่ำอยู่บนพื้น ชามกระเบื้องแตกเกลื่อน หยากไย่เกาะเต็มเตาไฟ ในมุมบนพื้นยังมีอาหารขึ้นราแห้งดำส่วนหนึ่งกระจัดกระจาย

“ครัวนี้ไม่ได้ใช้มานานแล้วหรือ” หลี่ซุ่นซีขมวดคิ้ว มองลู่เซิ่ง พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวาดหวั่นนัก แสดงว่าไม่ใช่พบเจอเรื่องพิสดารแบบนี้เป็นครั้งแรก

“พี่ชายก่อนหน้านี้เคยเจอภูตผีมาเช่นกันหรือ” เขาลองถาม

ลู่เซิ่งกลับประหลาดใจอยู่บ้าง คุณชายร่ำรวยผู้นี้ถึงกับทำท่าเหมือนมีประสบการณ์

“ใช่ ก่อนหน้านี้เคยเจอเรื่องประหลาดทำนองนี้”

“มิน่า” หลี่ซุ่นซีมองลู่เซิ่ง “ตามที่ข้าเห็น คนที่หายตัวไปสมควรถูกขังไว้ชั่วคราว คนมากมายขนาดนั้นต่อให้เร็วอย่างไร ก็ไม่มีทางจัดการได้ทั้งหมดในเวลาครู่เดียว ก่อนหน้านี้ข้าตรวจสอบแล้ว ไม่พบการวางพิษใดๆ”

“พี่ชายมั่นใจหรือ” ลู่เซิ่งถามเสียงขรึม

“ก็แปดเก้าส่วนไม่ห่างสิบส่วน” หลี่ซุ่นซีกล่าวอย่างจริงจัง นั่งยองๆ เริ่มตรวจสอบรอยเท้ากับร่องรอยบนพื้นอย่างละเอียด

ลู่เซิ่งไม่เข้าใจ เคลื่อนไหวเหมือนกันกับเขา ไม่ทันไรก็มาถึงประตูชั้นใต้ดินในห้องครัว

“ข้าแซ่หลี่ หลี่ซุ่นซี พี่ชายชื่ออะไร” หลี่ซุ่นซีงัดแผ่นหินของชั้นใต้ดินโดยแรง

ฟิ้ว

กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาปะทะหน้า

“แซ่ลู่ ชื่อเซิ่ง ตัวเยว่เซิง” ลู่เซิ่งตอบสั้นๆ

ทั้งสองคนรอจนกลิ่นเหม็นจางลงส่วนหนึ่ง ค่อยมองเข้าไปในชั้นใต้ดิน

ลู่เซิ่งหยิบหินเหล็กไฟออกมาถูหลายครั้ง สะเก็ดไฟสีเหลืองกระจายออก คนทั้งสองอาศัยแสงไฟชั่วคราวมองลงไปยังเงาคนหลายคนที่นอนหงายอยู่ในชั้นใต้ดิน

“อยู่นี่จริงๆ!” หลี่ซุ่นซีถอนใจ รีบกระโดดลงไป “พี่ลู่ช่วยข้าเฝ้าประตู”

“ได้” ลู่เซิ่งเห็นคนที่นอนอยู่ด้านในก็ถอนใจเบาๆ

ต้วนเหมิ่งอันก็อยู่ด้านในด้วย นอกจากนี้ยังมีสตรีสองนางกับผู้คุ้มกันอีกสองคน ทั้งหมดคล้ายสลบไสลนอนอยู่ด้านใน

หลี่ซุ่นซีใช้หนึ่งมือยกคนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ลู่เซิ่งรับมาวางไว้บนพื้นครัว

ไม่ทันไรคนทั้งสองก็ยกวคนห้าคนที่สลบอยู่ในชั้นใต้ดินขึ้นมาได้หมด

“ต่างมีลมหายใจอยู่” หลี่ซุ่นซีอังจมูกสตรีนางหนึ่ง “ไม่ทราบพี่ชายมองออกหรือไม่ว่าพวกเขาโดนอะไร”

เขาเงยหน้ามองลู่เซิ่ง เห็นอีกฝ่ายยังมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง สายตาเคร่งขรึม ก็ทราบว่าลู่เซิ่งไม่ธรรมดาเช่นกัน

“พี่หลี่มีวิธีหรือไม่” ลู่เซิ่งถามเสียงขรึม

“ย่อมมีวิธี ดูนี่” หลี่ซุ่นซีแสดงสีหน้าได้ใจ ล้วงของที่เหมือนหนังฟอกสีดำใบหนึ่งออกมา กัดนิ้วชี้ ปาดเลือดของตัวเองใส่

จากนั้นก็ประทับสิ่งนี้บนหน้าผากคนที่สลบอยู่

ลู่เซิ่งมองเงียบๆ ไม่เคลื่อนไหว

ไม่ทันไร คนที่นอนบนพื้นค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาทีละคน

“ข้าอยู่ไหน”

“ชิงชิง ท่านไม่เป็นไรกระมัง”

“คุณหนู! บาดเจ็บหรือไม่”

“คุณชาย!” ต้วนเหมิ่งอันเดินมาถึงหน้าลู่เซิ่ง ก้มหน้างุดด้วยความละอาย

“คนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นิ่งซานเล่า” ลู่เซิ่งถามเสียงขรึม

“…” ต้วนเหมิ่งอันก้มศีรษะ ไม่กล้ามองหน้าลู่เซิ่ง

ลู่เซิ่งสีหน้าราบเรียบ แต่ดวงตาเคร่งขรึมมากขึ้น

“กลับไปค่อยว่ากัน”

“ข้าว่าตอนนี้พวกเราไม่ควรแยกกัน” หลี่ซุ่นซีกลับเสนอ

“ขอบคุณทั้งสองท่านช่วยเหลือ ข้าน้อยกงหรูชิง นี่เป็นน้องข้ากงหรูเมิ่ง ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ทั้งสองท่านช่วยเหลือ เกรงว่าจะเคราะร้ายมากกว่าเคราะห์ดี” ในสตรีที่ถูกช่วยถึงกับมีสตรีบุคลิกอ่อนโยนที่ซ่อนกระบี่ไว้ในแขนเสื้อคนก่อน

น้องสาวของนางเป็นสตรีที่น่ารักเหมือนเฉี่ยวเอ๋อร์

“ขอบคุณคุณชายทั้งสองท่านช่วยเหลือ แต่พวกเรายังมีสหายติดอยู่ที่นี่ สองท่านได้โปรดช่วยตามหาสหายที่เหลืออยู่ได้หรือไม่” กงหรูเมิ่งน้องสาวของกงหรูชิงวิงวอน “พวกเราทราบว่าคำขอนี้เลยเถิดไปบ้าง เพื่อเป็นการตอบแทน พวกเรายินดีจ่ายตั๋วเงินและทองร้อยตำลึง”

“อ้อ” หลี่ซุ่นซีเลิกคิ้วมองลู่เซิ่ง ในคนที่อยู่รอบๆ มีแต่ลู่เซิ่งที่เขามองไม่ออก ดูการแต่งกายภายนอกสมควรเป็นลูกหลานตระกูลร่ำรวย เขาเดาว่าสถานการณ์ไม่น่าแตกต่างจากตนนัก เปลือกนอกซ่อนสถานะ ความจริงกลับเป็นชนชั้นฝีมือไม่ธรรมดา

ในฐานะคุณชายบ้านรวยเหมือนกัน รายละเอียดของเสื้อผ้า พฤติกรรม ความเคยชินมากมายไม่ใช่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายนัก หลี่ซุ่นซีมีความช่างสังเกตละเอียดยิ่ง เห็นจุดที่ลู่เซิ่งต่างกับสองคนข้างกายแต่แรกแล้ว

ปกติเขาถูกกักตัวในจวน เพราะคู่แข่งมากเกินไป ต้องซ่อนความสามารถไว้เป็นไพ่ตาย จึงไม่มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอก และไม่ทราบว่าตนอยู่ในระดับใดกันแน่

ตอนนี้เจอคนรุ่นเดียวกันที่คล้ายตนเอง ทั้งเป็นคุณชายที่ซ่อนสถานะ ครอบครองยอดวิชาเก็บงำไว้เหมือนกัน

นี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเกาไม่ถูกที่คัน คิดจะแข่งกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

“พี่ลู่ว่าอย่างไร จะช่วยไหม” หลี่ซุ่นซีถามลู่เซิ่ง

ลู่เซิ่งสีหน้าอึมครึม หลี่ซุ่นซีมีความสามารถส่วนหนึ่งแน่ๆ มองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง

“ได้”

เดิมทีเขามาตรวจสอบรายละเอียดของหมู่บ้านแห่งนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่เจอรายละเอียดใด ลูกน้องตัวเองกลับหายไปคนหนึ่ง ทำให้คับข้องใจอยู่บ้าง ย่อมไม่จากไปง่ายๆ

“ตกลง ข้าเองก็ตอบรับ” หลี่ซุ่นซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปเถอะ ในเมื่อพวกท่านถูกจับจากห้องนอนมาที่ชั้นใต้ดิน ห้องนอนในตอนแรกจะต้องมีร่องรอยการลงมือแน่ พวกเราไปดูกัน แน่นอนว่าเงื่อนไขที่สำคัญทีก็คือ พวกเราต้องไปหาแม่นางน้อยผู้นั้นก่อน นางเป็นหนึ่งในเจ้าของหมู่บ้านแห่งนี้ ฟังว่ายังมีพี่ใหญ่กลั่นโอสถอีกคนหนึ่ง”

“ไม่ผิด! ต้องเป็นฝีมือเด็กน้อยนั่นแน่! ยังมีพี่ใหญ่ของนางต้องเป็นคนเลวเช่นกัน! เห็นคนจับก่อนค่อยว่ากล่าว!” ต้วนเหมิ่งอันตะโกนขึ้น

“หุบปาก!” ลู่เซิ่งถลึงตาใส่เขา

ต้วนเหมิ่งอันตัวหด ไม่กล้าพูดอีก

คนทั้งหมดเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลี่ซุ่นซี เดินไปห้องตรงกลางลานบ้านอย่างครึกโครม

ในลานมืดมิดไร้ผู้คน ทุกคนเดินตึงตังไปยังหน้าประตูห้องหลัก

ตึงตึงตึง!

เสียงทุบประตูดังมา ฝุ่นบนคานร่วงกราว ถูกลมพัดกระจาย ทำเอาคนสำลัก

“เปิดประตู!”

ตึงๆๆ ทุบอีกหลายที

แกร่ก

ประตูเปิดออกเอง

หลี่ซุ่นซีมองคนคุ้มกันสองคนที่หวาดกลัวอยู่บ้าง ยกขาก้าวเข้าไปด้านในเป็นคนแรก

ลู่เซิ่งเข้าไปเป็นคนที่สอง ที่เหลือค่อยรีบตามเข้าประตูไป

“มีคนหรือไม่” หลี่ซุ่นซีถืออะไรบางอย่างซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ตะโกนเสียงดัง

เตาโอสถขนาดใหญ่มากใบหนึ่งวางอยู่ตรงฝั่งซ้ายของห้อง ฝั่งขวาเป็นโต๊ะเก้าอี้กับเตียงที่เก่าฝุ่นเขรอะ ด้านในไร้คน มีความรู้สึกเย็นยะเยือก

กงหรูชิงกล้าเล็กน้อย เดินถึงหน้าเตียง เลิกม่านเตียงขึ้น

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นเงาดำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา

“ออกไป!” หลี่ซุ่นซียกมือขึ้นฟาดใส่เงาดำนั้นอย่างแม่นยำ

เงาดำนั้นพลันร้องโหยหวนคำหนึ่ง ส่งเสียงร้องราวทารก ตกลงบนพื้น ถึงกับเป็นค้างคาวสีดำขนาดเท่ากำปั้นตัวหนึ่ง

กงหรูชิงสะดุ้งโหยง เห็นมุมปากค้างคาวยังมีคราบเลือดสีแดงอยู่ จึงถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว

“ที่แบบนี้เหตุใดจึงมีค้างคาว”

“เป็นค้างคาวหยิน เหอะๆ สถานที่ทั่วไปเลี้ยงตัวแบบนี้ไม่ได้” หลี่ซุ่นซีแสดงสีหน้าได้ใจ มองลู่เซิ่ง

เห็นลู่เซิ่งสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ไม่ขยับหรือแสดงความประหลาดใจแม้แต่น้อย ในใจจึงผิดหวังอยู่บ้าง

“พี่ลู่มีความเห็นสูงส่งอย่างไร” เขาถาม

ลู่เซิ่งมองเขาแวบหนึ่ง ตอบเรียบๆ “ไม่มี พี่หลี่ฝีมือสูงส่ง ผู้แซ่ลู่นับถือ แต่พวกเรารีบหาคนที่หายตัวไปคนอื่นๆ จะดีกว่า เด็กสาวกับพี่ใหญ่ของนางเกรงว่าอีกเดี๋ยวจะเจอตัว”

หลี่ซุ่นซีหยีตามองลู่เซิ่ง เดาว่าอีกฝ่ายคล้ายพบอะไรแล้ว แต่เขาไม่ถาม “ไปเถอะ ในเมื่อค้างค้าวหยินออกมา คงอยู่ไม่ไกลแล้ว”

ทั้งหมดไม่เจอคนก็ออกจากห้องหลัก ไปค้นที่ห้องอื่นๆ

หลี่ซุ่นซีฆ่าค้างคาวหยินติดต่อกันอีกห้าตัว ตัวหนึ่งเร็วเกินไป กัดคอคนคุ้มกันคนหนึ่งอย่างแรงจนเกือบตาย

ถ้าไม่ใช่หลี่ซุ่นซีลงมือเร็วพอ คนคุ้มกันผู้นี้คงรักษาชีวิตไม่ได้ ครั้งนี้ทุกคนรวมถึงกงหรูชิงกับกงหรูเมิ่งต่างนับถือพึ่งพาหลี่ซุ่นซีมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญของเด็กสาวที่งดงามถึงสองคนทำให้หลี่ซุ่นซีได้ใจยิ่งกว่าเดิม

เขามองลู่เซิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า กลับเห็นอีกฝ่ายยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพียงแต่สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเพราะไม่เจอคน

………………………………………….