ตอนที่ 705 ภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“หล่อนหาวิธีแก้ไขปัญหาได้สินะ ช่างเป็นพวกขยะที่น่าสิ้นหวังจริงๆ” ซ่งซินกำลังนั่งอ่านข่าวอยู่ที่บ้าน หญิงสาวปาแก้วไวน์แดงในมือลงกับพื้นเมื่อได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น นี่คือวิธีระบายความโกรธของเธอ ทว่าซ่งซินกลับรู้สึกรำคาญยิ่งกว่าเดิมขณะที่มองของเหลวสีแดงกระจายไปทั่ว

 

 

ความตั้งใจเดิมของเธอคือหยุดยั้งการฉายภาพยนตร์ของถังหนิง ทว่าหญิงสาวต้องประหลาดใจที่ตัวเองไม่ได้ล้มเหลวเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังช่วยถังหนิงโปรโมตอย่างฟรีๆ อีกด้วย

 

 

พรุ่งนี้ ‘คนรักที่สาบสูญ’ จะทำได้ดีแค่ไหนในโรงภาพยนตร์กันนะ

 

 

ซ่งซินคิดแค่ว่าแผนของเธอนั้นล้มเหลว แต่เธอไม่รู้เลยว่าถังหนิงเล็งเป้ามาที่เธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ ถังหนิงจะสลับบทบาทและเล่นเกมกับเธอ

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘นักแกะรอย’ นั้นก็ได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กลัวว่าไห่รุ่ยจะออกตามหาเขาเพียงอย่างเดียว ชายหนุ่มยังกังวลอีกว่าพวกเขาจะบังคับให้เขาต้องหักมือของตัวเอง ดังนั้นผู้เขียนจึงหนีไปซ่อน ไม่กล้าออกมาปรากฏตัว

 

 

ทว่าการสะกดรอยตามใครสักคนนั้นไม่ใช่งานยากสำหรับไห่รุ่ย โดยเฉพาะเมื่อมีความช่วยเหลือจากสังคมออนไลน์ที่ประกอบด้วยผู้คนจากร้อยพ่อพันแม่ ดังนั้นไห่รุ่ยจึงพบตัวผู้เขียนได้ในเวลาไม่นาน

 

 

ถังหนิงไม่สนใจจะไปพบกับเดนคนนั้น แต่หญิงสาวกลับคุยกับฟังอวี้ผ่านทางโทรศัพท์นานถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่พบตัวชายคนนั้น เนื้อหาในสายสนทนานี้เป็นความลับ นอกเหนือจากฟังอวี้ โม่ถิง และตัวเธอเองแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันอีก

 

 

ไม่นานจากนั้น ผู้เขียนก็ถูกเชิญให้ไปที่ห้องประชุมของไห่รุ่ย แม้ว่าผู้เขียนจะเตรียมใจรับสิ่งที่กำลังจะมาถึงเอาไว้แล้ว เขาก็ยังอดตัวสั่นตอนที่ไปถึงตึกนั้นไม่ได้

 

 

ฟังอวี้เจียดเวลามาดูหน้าขยะผู้ไร้ยางอายคนนี้ หลักๆ อนั้นเป็นเพราะเขาและถังหนิงจะไม่อุ่นใจหากพวกเขามอบความรับผิดชอบนี้ให้คนอื่น

 

 

“ผม ฟังอวี้ เป็นรองประธานของไห่รุ่ย” ฟังอวี้กล่าวขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องประชุม ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ยื่นมือออกมาจับมือกับผู้เขียน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความนับถือใดๆ ต่อชายคนนี้เลย

 

 

“ผะ…ผมรู้ว่าต้องทำอะไรครับ” ผู้เขียนคือชายรูปร่างผอมแห้งผมเกรียนอายุราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี ดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ใครจะคาดคิดล่ะว่าชายคนนี้คือคนที่สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่หลวงให้กับวงการบันเทิงของกรุงปักกิ่ง

 

 

“รู้ก็ดีแล้วครับ ผมจะไม่ถามคุณเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เพราะตอนนี้ไห่รุ่ยเองก็กำลังทำการสอบสวนอยู่ ผมต้องการให้คุณบอกผมมาว่าใครเป็นผู้ยุยงให้เกิดเหตุการณ์นี้และเป็นคนสอนคุณว่าต้องทำอะไรบ้าง” ฟังอวี้กล่าวพลางนั่งลงบนมุมโต๊ะกาแฟก่อนจะโน้มตัวมาด้านหน้า “ผมมั่นใจว่าคุณรู้นะครับว่าถ้าโกหกแล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง การที่ไห่รุ่ยจะทำให้คุณทุกข์ทรมานนั้นง่ายเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะครับ”

 

 

ชายคนนั้นกลัวจนพูดไม่ออก เขาเอามือไพล่หลังไว้ตลอดเวลาเพราะกลัวว่าไห่รุ่ยจะจำคำสัญญาของเขาได้

 

 

“ผะ…ผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อผมมาทางอินเทอร์เน็ตแล้วจ้างผมทำเรื่องนี้ด้วยเงินจำนวนมากครับ ผมเพียงแค่ทำตามคำสั่งของเธอ ผมไม่รู้จริงๆ ครับว่าเรื่องราวทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ ขอร้องล่ะครับ อย่าหักมือผมเลย”

 

 

“หักมือคุณ” ฟังอวี้หัวเราะพลางส่ายหน้า “เราเป็นคนที่มีอารยธรรมแล้วนะครับ เราไม่ใช้ความรุนแรงอย่างนั้นหรอก คุณไม่ใช่เหรอครับที่เสนอแนะขึ้นมาเองตั้งแต่แรก”

 

 

“ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นครับ…แค่ล้อเล่น”

 

 

“ ‘งั้นจากนี้เรามาล้อเล่นกันต่ออีกหน่อยเถอะครับ” พูดจบ ฟังอวี้ก็มอบข้อมูลส่วนหนึ่งให้ชายคนนั้น ชายหนุ่มยังจำความแค้นเรื่องฮั่วจิงจิงได้อย่างแม่นยำ

 

 

หลังจากพบกับผู้เขียนเสร็จ ฟังอวี้ก็กำลังจะนำข้อมูลที่ได้ไปยังห้องทำงานของท่านประธาน ทว่าซ่งซินผู้สวมแว่นกันแดดที่มีสไตล์กลับเข้ามาหาเขาเสียก่อน

 

 

“ไห่รุ่ยวางแผนที่จะเมินเฉยฉันไปอีกนานแค่ไหนคะ” ซ่งซินเอ่ยถามขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของฟังอวี้แล้วถอดแว่นกันแดดออก “ผู้จัดการของฉันยังอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ นี่ไห่รุ่ยลืมฉันไปหมดแล้วงั้นเหรอ”

 

 

“อย่างที่คุณก็ทราบนะครับว่าผู้จัดการส่วนตัวของคุณเป็นขโมย ดังนั้นสาธารณชนจึงเชื่อมโยงคุณทั้งสองคนเข้าด้วยกัน เหตุผลที่ไห่รุ่ยทำเช่นนั้นก็เพราะพวกเขาหวังว่าสถานการณ์จะซาลงไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณเองก็คงไม่อยากให้แฟนคลับของคุณมองคุณด้วยความอคติใช่ไหมครับ” ฟังอวี้เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น

 

 

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะพูดแบบนั้น นั่นคือหตุผลที่ฉันอยากยกเลิกสัญญากับไห่รุ่ยยังไงล่ะ” ซ่งซินเอ่ยพลางเคาะโต๊ะของฟังอวี้ “ฉันจะจ่ายค่าชดเชยเอง”

 

 

“ผมคุยเรื่องนี้กับท่านประธานโม่แล้ว เขาบอกว่าอยากจะรอจนกว่าโชคชะตาของคุณกับไห่รุ่ยจะไปจนสุดทาง แต่เวลานั้นยังมาไม่ถึงอย่างแน่นอนครับ” หลังจากตอบไปเช่นนั้น ฟังอวี้ก็เอ่ยถาม “ผมกำลังจะไปห้องทำงานของท่านประธาน แล้วคุณล่ะครับ”

 

 

“นี่ไห่รุ่ยคิดจะทำแบบนี้กับฉันต่อไปอย่างนั้นเหรอ”

 

 

“อย่าห่วงเลยครับ ท่านประธานโม่พูดแล้วว่าจะจ้างผู้จัดการคนใหม่และจัดตารางงานชิ้นใหม่ๆ มาให้คุณ กลับบ้านไปรอการแจ้งเตือนเถอะครับ”

 

 

ซ่งซินจ้องหน้าฟังอวี้และส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะสวมแว่นกันแดดแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

 

 

ท่าทีของฟังอวี้เยือกเย็นลงขณะที่มองซงซินเดินจากไป เธอเป็นคนมีความสามารถแต่ชั่วร้ายและไม่คิดถึงชีวิตของคนอื่นบอกได้ยากเหลือเกินว่าหัวใจของเธอทำจากอะไร

 

 

เธอกำลังรองานเข้าเพิ่ม

 

 

เธอควรจะรอผลกรรมสนองมากกว่าเพราะนั่นจะมาถึงเร็วขึ้นอย่างแน่นอน!

 

 

 

 

แน่นอนว่าวันนี้ยังเป็นวันแรกของการฉาย ‘คนรักที่สาบสูญ’ อีกด้วย ตามสถิติแบบเรียลไทม์จากห้องขายตั๋วแล้ว พวกเขาขายได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน ทภายในเวลาสี่โมงเย็น นี่คือภาพยนตร์อาชญากรรมที่มีรายได้ทะลุหนึ่งร้อยล้านหยวนเร็วที่สุดในกรุงปักกิ่ง แน่นอนว่าต้องขอบคุณการประชาสัมพันธ์จากซ่งซิน

 

 

[พอดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วฉันถึงได้ตระหนักว่าไม่มีทางเลยที่ผู้อาวุโสอู๋จะลอกงานใคร ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ‘สไตล์ของผู้อาวุโสอู๋’ ชัดๆ]

 

 

[เราต้องขอโทษผู้อาวุโสอู๋กับถังหนิงจริงๆ ผู้อาวุโสอู๋ทุ่มเทหัวใจไปกับการเขียนบทและถังหนิงก็แสดงบทของเธอด้วยความจริงจัง พวกเขาทั้งคู่สมควรได้รับความเคารพ]

 

 

[ฉันรู้สึกตะลึงเพราะถังหนิงอีกแล้ว ภาพยนตร์สามเรื่อง ตัวละครสามแบบ และเธอก็เข้ากับทุกๆ บ ทได้อย่างไร้ที่ติโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยของการแสดงเอาไว้เลย น่าตกใจจริงๆ!]

 

 

[ดูแล้วตื่นเต้นมาก พระเจ้า นี่ฉันขนลุกแล้วนะ! ถังหนิงมีพลังที่น่าอัศจรรย์จริงๆ! ถึงตัวละครของเธอจะบังเอิญไปเจอสามีโดยที่จำเขาไม่ได้อยู่หลายครั้งก็เถอะ แต่ฉากต่อสู้น่ะดูเพลินสุดๆ]

 

 

[ยากมากเลยนะที่จะได้เห็นนักแสดงหญิงที่จริงจังแบบนี้ ฉันอยากเห็นถังหนิงถ่ายทอดตัวละครในนิยายเล่มโปรดของฉันทุกเล่มเลย ฉันมั่นใจว่าเธอจะทำได้ตามความคาดหวังแน่]

 

 

[ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรได้รับการชื่นชมและควรค่าแก่การดูซ้ำ!]

 

 

[คืนนี้ฉันจะไปดูกับแฟนอีกรอบ!]

 

 

 

 

ด้วยความที่เริ่มต้นได้ดี ‘คนรักที่สาบสูญ’ จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าประชาสัมพันธ์อีก เมื่อเสริมด้วยความรู้สึกผิดของสาธารณชน ห้องจำหน่ายตั๋วจึงลอยตัวและทิ้งให้ภาพยนตร์เรื่องอื่นจมกองฝุ่นไป…

 

 

ถังหนิงพิสูจน์ทั้งความสามารถและสถานะของเธอ

 

 

“มีตัวละครอะไรบ้างเหรอที่ถังหนิงเล่นไม่ได้”

 

 

ตอนนั้นเองที่ผู้เขียนเรื่อง ‘นักแกะรอย’ ไม่สามารถทนรับแรงกดดันได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยนอกในของการลอกเลียนแบบผลงานทั้งหมดให้สาธารณชนได้ทราบ ขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อม ซ่งซินกลับไม่ได้ตระหนักถึงภัยพิบัติที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเธอเลย…