มีผู้หญิงหลายคนเริ่มร้องไห้แล้ว ลำบากเหลือเกิน พวกเขาช่างลำบากมาก 

 

 

ดูสิ แม้แต่ปาดน้ำตาก็ต้องเอามือล้วงเข้าไปในที่คลุมหัวเพื่อเช็ด 

 

 

อากาศร้อนขนาดนี้ แต่ละคนแต่งตัวมิดชิดจนเหงื่อออก แต่ก็ไม่กล้าถอดเสื้อและไม่กล้าถอดที่คลุมหัว ต้องคอยหลบยุงไม่ให้มากัดจึงต้องปกปิดมิดชิด 

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งตะโกนพูดต่อจากคำพูดของซ่งฝูเซิง “ใช่สิ ก็รู้แต่จะสร้างปัญหา มองเห็นความยากลำบากตลอดระยะทางที่เดินผ่านมาไหม พวกเราเห็นความน่าสลดหดหู่น้อยไปหรือ? หากเดินทางไปครอบครัวเดียว เจ้าเห็นหลายคนที่ล้มลงบนทางเดิน โดนแย่งอาหารก็ต้องสู้ แต่เมื่อตกเป็นเป้าหมายในการแย่งชิงแล้ว นั่นก็เป็นหนทางอดตาย โดนตีตาย กลุ่มของพวกเราคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เกิดเรื่องอะไร ยังไม่พอใจอีกหรือ!” 

 

 

พอใจแล้วๆ อย่าได้ด่าอีกเลย พวกเขาพอใจแล้ว 

 

 

ยิ่งเห็นเรื่องอนาถมาเยอะก็เริ่มพอใจ เริ่มกลัวการสลายขบวนมากกว่า พวกผู้หญิงต่างพากันร้องไห้กันใหญ่ 

 

 

คำพูดนี้ของซ่งหลี่เจิ้ง เหมือนกับล้างสมองคนซื่อพวกนี้ไม่น้อย 

 

 

ซ่งฝูเซิงหันไปสบตากับเฉียนเพ่ยอิงที่อยู่ในกลุ่มคน ใจก็คิด ตาแก่นี่ ฉลาดนัก เขาพูดคำพวกนั้น ไม่เพียงแค่ให้เขาฟัง ยังให้เขาครุ่นคิดด้วยว่าครอบครัวตนเองเดินทางไปครอบครัวเดียวจะลำบากขนาดไหน 

 

 

ซ่งฝูเซิงเพิ่งจะนินทาซ่งหลี่เจิ้งว่าตาเฒ่าเล่ห์เหลี่ยมอยู่ในใจเสร็จ ไม่คิดว่าซ่งหลี่เจิ้งจะรีบทำเรื่องที่มีประโยชน์เรื่องหนึ่ง 

 

 

เขาเห็นซ่งหลี่เจิ้งกวักมือเรียกลูกชายคนโต “เจ้าไปนำห่อผ้าสัมภาระสีฟ้ามาให้ข้าที” 

 

 

“ท่านพ่อ” ลูกชายคนโตของหลี่เจิ้งถลึงตา 

 

 

“ให้เอามา เจ้าก็ไปเอามาเถอะ นอกเหนือจากนี้ก็สั่งให้ภรรยาเจ้าต้มน้ำพอให้คนละปริมาณขนาดก้นถ้วย” 

 

 

ซ่งฝูเซิงได้ยินก็หันไปมองซ่งหลี่เจิ้ง ซ่งหลี่เจิ้งก็กำลังมองเขา 

 

 

“ฝูเซิง เมื่อก่อนลุงค่อนข้างเห็นแก่ตัว แต่ตอนนี้พวกเราลำบากขนาดนี้แล้ว ไม่เห็นแก่ตัวแล้ว… 

 

 

…ข้าอายุมากแล้ว ก็ไม่มีความสามารถอื่นใดที่สามารถช่วยทุกคนได้ มีเพียงผงยาพวกนี้… 

 

 

…คนน่ะ อายุเยอะก็ได้ยินมามาก… 

 

 

…ตามที่บรรพบุรุษได้บอกไว้ มีพืชชนิดหนึ่งที่สามารถป้องกันโรค ป้องกันการเป็นไข้ได้ ถือว่าเป็นสูตรลับที่ถ่ายทอดกันมา… 

 

 

…พูดแล้วก็น่าอาย หมี่โซ่วไข้ขึ้นสูงตอนนั้น เฮ้อ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ตอนนั้นข้าอยากจะเก็บไว้ให้เด็กครอบครัวของข้าป้องกันโรค… 

 

 

…ตอนนี้ข้านำออกมาให้ทุกคนได้ดื่มกันหน่อย ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ได้ผล อย่างน้อยก็ทำให้สบายใจ” 

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งกำลังพูดก็เอื้อมมือไปรับห่อผ้าสัมภาระ เขาเปิดห่อผ้าให้ซ่งฝูเซิงดู “พืชชนิดนี้หายาก พวกเราไม่ค่อยได้พบเห็น นี่เป็นของที่ข้าค่อยๆ เก็บสะสมมานานหลายปีแล้วและนำมันมาบดทำเป็นผง เพียงพอให้ทุกคนได้ดื่มหลายมื้อ” 

 

 

จำนวนของผงยา มองจากสายตาของซ่งฝูเซิงมองแล้วดูเหมือนมีเยอะ เพียงพอให้ครอบครัวหลี่เจิ้งทั้งหมดดื่มได้ถึงครึ่งเดือน แต่เมื่อนำออกมาเพื่อให้สองร้อยกว่าคนดื่ม มันก็อาจจะไม่พอ 

 

 

ก่อนหน้านั้นซ่งฝูเซิงยังจดจำได้ดีว่า วันนี้ตอนเย็นจะอาศัยช่วงค่ำ เข้าไปในพื้นที่พิเศษ นำเอาป่านหลานเกิน ออกมาหลายถุง นอกจากครอบครัวพวกเขาทั้งสามคนนี้ ยังรวมหมี่โซ่วด้วยหนึ่งคน สี่คนต่างแอบกิน หลายวันมานี้สภาพอากาศร้อนต้องดื่มสิ่งนี้เพื่อป้องกันไว้ แม้แต่แม่ของเขา ยังไม่ได้คิดรวมเข้าไปด้วยซ้ำ 

 

 

ไม่ใช่ว่าขาดป่านหลานเกินของแม่ไปถุงหนึ่ง เป็นเพราะใจของแม่ยังกังวลเป็นห่วงหลานชาย หลานสาว ถ้าตอนนั้นรู้ก็คงมาขอเอากับเขา เขาจะทำอย่างไรดี 

 

 

ในช่วงพริบตาเดียว ซ่งฝูเซิงก็มองยาที่อยู่ในมือของซ่งหลี่เจิ้ง รู้สึกเหมือนกับมีอะไรมาสะกิดใจเขา มันบอกความรู้สึกไม่ถูก 

 

 

ซ่งฝูเซิงยังทำแบบนี้ รู้สึกว่าถ้าเป็นตนเองคงทำไม่ได้ แทบไม่ต้องพูดว่าทุกคนฟังแล้วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร 

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งโบกมืออย่างรังเกียจ 

 

 

“แต่ละคนต่างร้องไห้เช็ดน้ำตา พูดเรื่องนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ มีเรี่ยวแรงมากก็มาช่วยฝูเซิงคิดสถานการณ์ข้างหน้าว่าจะทำอย่างไร คิดไม่เก่ง สมองไม่แล่นก็ช่วยออกแรงแทน… 

 

 

…คำพูดของข้ายังคงเป็นประโยคนั้น พวกเราคนที่อยู่ในที่นี้ ใครหิว ใครกระหาย ล้มลงต่อหน้าพวกเรา พวกเรายังมีชีวิตอยู่มองเห็นก็ไม่สบายใจ… 

 

 

…แต่พวกเราเดินทางกันมาจนถึงตรงนี้ ล้มลงก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอคนที่ไม่รู้จัก ดังนั้นต้องสามัคคีกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน พวกเราเผชิญหน้าไปด้วยกัน ฟังได้ยินแล้วหรือไม่?” 

 

 

ทุกคนต่างตะโกนพร้อมเพรียงกัน “ได้ยินแล้ว!” 

 

 

และยังมีคนที่ฟังจบก็โบกมือตะโกน “สามัคคี!” 

 

 

“ใช่ สามัคคี!” 

 

 

มีผู้ชายกำลังด่าภรรยา “ถ้าทะเลาะกับพี่สะใภ้อีก คอยดูข้าจะจัดการเจ้า” 

 

 

คนที่เป็นภรรยารีบพยักหน้ารับ ส่วนคนที่เป็นพี่สะใภ้ก็เข้ามาห้ามปราม “นี่น้องชาย ข้าก็ทำไม่ถูกเช่นกัน ข้าขี้เหนียวจนเกินไป แต่พวกเราประหยัดน้ำไว้หน่อยก็ดีแล้ว” 

 

 

ลูกสะใภ้ที่ทะเลาะกับป้าใหญ่ก็มาพูดกับนาง “ท่านป้า อย่าทำแบบเดียวกับข้าเลย บ้านข้าไม่ต้มข้าวต้มแล้ว ข้าก็จะนึ่งปัวปัวเหมือนกัน” 

 

 

ป้าใหญ่ก็รู้สึกกระดากอาย นางก็ถูกลุงใหญ่ถลึงตาใส่ ลูกชายก็มองนางด้วยสายตาที่ไม่เห็นด้วย นางจึงพูดไปว่า “ไม่ได้ห้ามให้เจ้าต้มข้าวต้ม เพียงแค่ให้รอหน่อย ตอนนี้สิ้นเปลืองอาหารหน่อยก็ไม่เป็นไร รอพวกเราหาแหล่งน้ำจนเจอก่อน เจ้าอยากจะประหยัดอาหาร อยากดื่มน้ำข้าวต้มก็ดื่มเถอะ ไม่มีใครห้ามเจ้า” 

 

 

ตอนนี้น้ำในหม้อใหญ่เดือดปุดๆ ขึ้นมาแล้ว ซ่งหลี่เจิ้งเทผงยาลงไปในหม้อ 

 

 

บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นมา ซ่งฝูเซิงก็พูดออกมา “ทุกคนดื่มยาไปด้วย และคิดเรื่องที่จะฆ่าล่อ ควาย ไปด้วยนะ เอาไว้ไม่ได้แล้ว” 

 

 

“พู!” ท่านย่าหม่าสำลักยาน้ำ