ให้ตายสิ

รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง หนีดีกว่า

กำลังจะหนีนั้น น้ำเสียงเย็นของเย่จิ่งหาน ทำให้นางหลบไปไหนไม่ได้

“คุณหนูสาม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม”

ได้ยินแบบนี้แล้ว กู้ชูหน่วนก็ขนลุกซู่ทั้งตัว

เจ้าหมอนี่

คงไม่ได้จำนางได้หรือนะ?

นึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน นางข่มขื่นเขา

ครั้งที่สองที่เจอกัน นางกระโจนใส่เขา ลวนลามตัวเขาอีก ถ้าเขาจำได้จริงๆ นางคงได้ถูกฆ่าหั่นศพแน่

ร่างกายของนางนอกจากจะไหวพริบดีแล้ว ก็ไม่มีกำลังภายในเลยสักนิดเดียว

และชายผู้นี้ อย่าว่าแต่ลูกน้องที่เก่งกาจเลย แค่เขาคนเดียวก็มีกำลังภายในที่ลึกลับจนน่ากลัวแล้ว

ถ้าแข็งกระทบกับแข็ง นางเสียเปรียบแน่นอน

ครุ่นคิดได้แล้ว กู้ชูหน่วนก็ตั้งใจตัวสั่นเทา ตกใจจนกัดฟันหงึกๆ จนพูดออกมาไม่ชัดเจน

“ท่าน……ท่านก็คือเทพสงครามท่าน……ท่านอ๋องหาน……ข้า……พวกเราเคยเจอกันด้วยเหรอ?”

คนในจวนเฉิงเซี่ยงแทบจะกระอักเลือด

กู้ชูหน่วนรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ?

เมื่อกี้ยังทำท่าหยิ่งผยองจองหอง ตอนนี้พอเทพสงครามมาแล้ว กลับตกใจจนสีหน้าซีดเซียว ตัวสั่นเทาจนคุกเข่าก็ไม่ได้ ยืนก็ไม่ไหว

น่ารังเกียจยิ่งนัก

น่ารังเกียจจริงๆ

เย่จิ่งหานสวมชุดขนสัตว์หรูหราที่เป็นสีม่วงอ่อน ตรงเอวสวมเข็มขัดหยก แสดงหุ่นอันงดงามของเขาออกมาทั้งหมด

สายตาเรียวยาวดั่งหงส์ของเขา มองกู้ชูหน่วนด้วยรอยยิ้มอ่อนๆโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“คุณหนูสามถ้านึกไม่ออกแล้ว ข้าก็ไม่ว่าถ้าคุณหนูสามจะคิดไปเรื่อยๆช้าๆ ข้ารอได้อยู่แล้ว”

เขากำลังหัวเราะ แต่รอยยิ้มนี้กลับไม่มีไออุ่นเลย แถมยังปะปนไปด้วยน้ำเสียงข่มขู่

รวมไปถึง……กัดฟันกรอดอย่างแค้นเคือง……

กู้ชูหน่วนด่าเขาในใจเป็นพันครั้ง

คิดช้าๆงั้นเหรอ?

ให้นางบอกกับทุกคนเหรอว่านางข่มขื่นเขายังไง?

“ท่านอ๋องก็ว่าไป หม่อมฉันไร้อำนาจไร้บารมี เป็นแค่หญิงสาวต่ำต้อย จะมีบุญรู้จักกับท่านอ๋องได้อย่างไร”

“ต่ำต้อยงั้นเหรอ? เหอะ ทำไมข้าถึงได้ยินมาว่า มีคนปฏิเสธการแต่งงานกับข้าล่ะ”

กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นขาอ่อน ทรุดลงไปกับพื้น นานมากก็ยังไม่ลุกขึ้น เป็นเหมือนกระต่ายน้อยที่ตกใจ กะพริบตาอย่างน่าสงสาร แล้วพูดเสียงสะอื้นว่า

“ท่านอ๋อง เรื่องนี้อย่าเข้าใจผิดเลยนะเจ้าคะ หม่อมฉันหน้าตาน่าเกลียด แต่งกาพย์กลอนก็ไม่ได้เรื่อง ดนตรีการวาดภาพก็ไม่เก่งสักอย่าง ถ้าแต่งงานกับท่าน คงจะทำท่านอ๋องขายหน้าเอาได้ ถึงได้ปฏิเสธคำสั่งอภิเษกที่ฝ่าบาททรงประทานให้อย่างขาดใจ ถึงแม้หม่อมฉันจะใจกล้ามาก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธท่านอ๋องหรอกเพคะ”

“คุณหนูสามปากจัด……เหมือนเดิมเลยนะ”

เย่จิ่งหานแสยะยิ้ม

แม้หญิงตรงหน้าจะคุกเข่าลงพื้นอย่างต่ำต้อย ร่างกายสั่นเทา แถมยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองด้วย

แต่เขารู้ว่า ในที่ที่เขามองไม่เห็น สายตาของหญิงผู้นี้ต้องผยองโอหังมากแน่นอน

ทุกคนในจวนเฉิงเซี่ยงต่างก็แปลกใจกันไปหมด

กู้ชูหน่วนรู้จักกับเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไงกัน?

ในตอนที่กู้ชูหน่วนคิดว่าจะสลัดเย่จิ่งหานทิ้งยังไง น้ำเสียงของเย่จิ่งหานก็เปลี่ยนไป เขามองทุกคนในจวนเฉิงเซี่ยงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“คอกแคะ……กู้เฉิงเซี่ยง ข้าน่าจะขอบใจที่ท่านพูดถึงการอภิเษกสมรสกับฝ่าบาท”

กู้เฉิงเซี่ยงขนลุกซู่ไปทั้งตัว

เทพสงครามกำลัง……คิดบัญชีกับเขาอยู่เหรอ?

“ท่านอ๋อง……กระหม่อม……กระหม่อม……”

“เหอะ เจ้าเลี้ยงลูกสาวได้ดีเชียวนะ”

คำพูดนี้ลึกซึ้งเกินไป ทุกคนในที่นี้ต่างก็ฟังไม่ออกว่าเขาหมายถึงอะไร มีเพียงกู้ชูหน่วนที่รู้ว่า เจ้าหมอนี่ กำลังสงสัยตัวเองอยู่

“ที่ประชุมเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ กู้เฉิงเซี่ยงก็ต้องยืนให้มั่นด้วยล่ะ”

ฟึ่บ……

กู้เฉิงเซี่ยงชะงักขนาดเลือดในตัวยังหยุดไหลเวียนเลย

นี่……กำลังข่มขู่เขาเหรอ

กู้เฉิงเซี่ยงปาดเหงื่อออก ลังเลว่าจะอธิบายยังไงดี

แต่ไม่คิดว่า เย่จิ่งหานจะเปลี่ยนเรื่องเสียก่อน

“ในเมื่อคุณหนูสามก็ตัดความสัมพันธ์พ่อลูกแล้ว งั้นจวนเฉิงเซี่ยงนางก็คงไม่สะดวกอยู่ต่อ ไปจวนข้าก่อนดีหรือไม่ ยังไง……เจ้าก็ต้องแต่งเข้ามาอยู่แล้ว”

กู้ชูหน่วนหัวเราะแหะ “ท่านอ๋อง คงไม่ดีหรอกกระมัง หม่อมฉันไม่คู่ควรกับท่านอ๋องหรอกเพคะ”

“พรึ่บๆๆ……”

ทหารสิบกว่านายชักดาบออกมา ล้อมตัวกู้ชูหน่วนไว้ตรงกลาง ความดุดันนี้ ถ้าหากกู้ชูหน่วนกล้าปฏิเสธ ดาบพวกนั้นก็จะแทงเข้าร่างกายนางทันที

นี่เชิญที่ไหนกัน มันคือการบังคับชัดๆ

คนในจวนเฉิงเซี่ยงต่างก็วิตกกันไปหมด แค่จะพูดยังไม่กล้าเลย

ชิวเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนไว้อย่างร้อนใจ แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณหนู พวกเราจะทำยังไงกันดี?”

“ในเมื่อท่านอ๋องเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ งั้นหม่อมฉันคงมิกล้าปฏิเสธ”

พูดจบ พวกทหารก็ลดดาบลง กลับเข้าไปยืนในตำแหน่งเดินอย่างเรียบร้อย เหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ไปเถอะ”

กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มขึ้นในที่ที่คนไม่เห็น แล้วเดินตามเย่จิ่งหานออกไปจากจวนกู้เฉิงเซี่ยง

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว คนในจวนเฉิงเซี่ยงก็ยังไม่หายตกใจอยู่ดี

เขาอยากลุกขึ้น แต่สองขาอ่อนฮวบ ไม่ว่ายังไงก็ลุกไม่ไหว จึงต้องคุกเข่านั่งอยู่บนพื้น

“นายท่าน ได้ยินมาว่าเทพสงครามฆ่าคนเป็นวิสัย ฝีมือโหดเหี้ยม เขาคงไม่แก้แค้นพวกเราหรอกนะ?”

กู้เฉิงเซี่ยงตัวสั่นเทา

เขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เทพสงครามรักสันโดษ ทำไมวันนี้ถึงมาที่จวนเฉิงเซี่ยงของเขาเองเลย

เขาคิดว่า จวนเฉิงเซี่ยงจะเกิดเรื่องแล้วเสียอีก แต่เทพสงครามปล่อยพวกเขาไป แค่พาลูกสาวของเขาไปเท่านั้น

ภายในรถม้าอันหรูหรา

กู้ชูหน่วนกับเย่จิ่งหานนั่งอยู่ด้วยกัน

กู้ชูหน่วนนั่งขดตัวอยู่ตรงมุม กอดร่างกายที่สั่นเทาของตัวเองไว้ เหมือนคนที่นั่งอยู่ข้างตัวเองเป็นหมาป่าดุร้าย และพร้อมชำแหละตัวเองได้ทุกเมื่อ

เย่จิ่งหานแสยะยิ้มเย็นชา “คุณหนูสามแสดงได้ดีเชียวนะ”

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่”

“เรื่องวันแรกที่เจ้าอยู่ในราชวิทยาลัย ข้ารู้ทั้งหมดแล้ว”

ให้ตายสิ

เจ้าคนโรคจิต ชอบถ้ำมองคนคืนอยู่ห่างๆ

“วันนั้นองค์หญิงหยิ่งผยองเกินไป ดังนั้นหม่อมฉันถึงได้……”

“ต่อยอาจารย์ ตบหน้าองค์หญิง นี่เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่กล้าทำเลยนะ”

“วันนั้นข้าโกรธมาก หลังจากเรื่องนี้แล้วหม่อมฉันก็รู้สึกผิดและหวาดกลัวมากเลยเพคะ”

“บนตัวเจ้ามีกลิ่นหอมของยาสมุนไพร แม้เจ้าจะเช็ดไปแล้ว แต่กลิ่นยาหอมพวกนี้หลอมรวมกับตัวเจ้าไปแล้ว และจะมีกลิ่นอายออกมาเป็นบางครั้ง”

“ท่านอ๋อง ท่านคงดมผิดแล้วล่ะ”

ผู้ชายคนนี้เกิดปีจอหรือไง?

นางใช้ยาสมุนไพรวิเศษเช็ดกลิ่นออกไป เขาก็ยังได้กลิ่นอีก

มองดูสายตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆของเย่จิ่งหาน นางก็รู้สึกลังเล สายตาคู่นั้นเหมือนรวบรวมทุกอย่างเอาไว้ และดูออกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

“หลังหูเจ้ามีไฝแดงทรงดอกท้อ ที่บังเอิญคือ ผู้หญิงคนนั้นก็มีเหมือนกัน”

กู้ชูหน่วนแตะที่หลังหูของตัวเอง นางหมดคำจะพูดจริงๆ

หลังหูนางมีไฝดอกท้อ นางยังไม่รู้เรื่องนี้เลย

ชายผู้นี้ สังเกตได้ละเอียดดีนี่

พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว กู้ชูหน่วนรู้ว่า แสร้งต่อไปก็เหมือนอุดหูตนเองเพื่อขโมยระฆัง

นางจึงนั่งตัวตรง ท่าทีน่าสงสารเมื่อกี้หายไปในชั่วพริบตา ที่เข้ามาแทนคือความหยิ่งผยองและความมั่นใจที่พร้อมดูถูกโลก

นางหัวเราะจนหน้าบาน

“ฮัลโหล รูปหล่อ ไม่เจอกันนาน เจ้าหล่อขึ้นเยอะเลยนะ”

“หญิงสาว เจ้าช่างกล้านัก”

พอเห็นแววตาที่กวนโอ๊ยนี้ ก็นึกถึงสิ่งที่นางทำกับเขาก่อนหน้านี้ทั้งหมด เย่จิ่งหานใจเย็นต่อไปไม่ไหว ความโกรธรวบรวมขึ้นช้าๆ มือขวายกมือ คิดอยากจะบีบคอนางให้ตายไปทีเดียว