บทที่ 56 โปรดสัตว์โอรสภูตผี มนต์สู่สุขาวดี

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 56 โปรดสัตว์โอรสภูตผี มนต์สู่สุขาวดี
กุ้ยกงกงเพิ่งพูดจบ ประกายสายฟ้าก็สะท้อนเข้ามา

เห็นกุ้ยกงกงที่โดนจางอวิ๋นซีปล่อยสายฟ้าเทพเพิ่มจนสิ้นสติไปแล้ว เสิ่นเทียนเองก็จนปัญญาเล็กน้อย

‘ท่านลุงกุ้ย!

ปกติเจ้าพูดแบบนี้ก็ไม่อะไรหรอก แต่ท่านนี้คือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

วงรัศมีนักสู้ทองคำเหนือศีรษะใหญ่ระดับบอส!

เจ้ากลับกล้าปลุกปั่นชื่อเสียงนางต่อหน้านาง

เฮ้อ รนหาที่ตายแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เลย!’

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็พูดด้วยความจำใจ “คือว่า ท่านเซียนอวิ๋นซี ลุงกุ้ยเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก”

จางอวิ๋นซีพยักหน้าอย่างเย็นชา “ข้าก็ไม่มีเจตนาร้ายเหมือนกัน สายฟ้าพวกนั้นไม่ทำอันตรายเขา ตาแก่นี่ฝึกฝนคัมภีร์มารสู่สุริยัน ละโมบความก้าวหน้า ทำลายแก่นพลังสำคัญไปไม่น้อยแล้ว

เมื่อครู่ข้าใช้อัสนีเทพธาตุไม้ในเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ โดนสายฟ้าข้าผ่าไปหลายครั้ง ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับตาแก่นี่หรอก”

เอ่ยจบ จางอวิ๋นซีก็เติมสายฟ้าไปอีกที

ใบหน้ากุ้ยกงกงดำยิ่งกว่าเดิม

……

จางอวิ๋นซีเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองต้องอธิบาย ด้วยนิสัยอารมณ์ฉุนเฉียวของนางในอดีตแล้ว ไม่นึกว่าตาแก่นี่จะกล้าลงมือกับนาง

เหตุใดนางถึงไม่ใช้อัสนีเทพธาตุทองพยัคฆ์ขาวที่ตนชำนาญที่สุด ก่อนจะใช้อัสนีเทพธาตุไฟหงส์แดงที่ชำนาญเป็นลำดับสอง ผ่าให้ตาแก่นี่กรอบนอกนุ่มในไปเลย ให้เขาได้รู้ว่าไม่ควรดูหมิ่นสตรีศักดิ์สิทธิ์!

ทว่าจางอวิ๋นซีมักจะรู้สึกว่าวันนี้ตนแปลกๆ ไป เห็นทีคงจะเป็นเพราะเห็นตาแก่นี่มีใจอารักขานาย จึงใจอ่อนกระมัง!

“คุยกับสหายมาตั้งนาน สหายยังไม่ได้บอกนามของเจ้ากับข้าเลย!”

ทันใดนั้น จางอวิ๋นซีเหมือนนึกอะไรออกจึงจ้องเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนชะงักไป ก่อนจะตอบว่า “ข้าอยู่เขานามวสันต์…”

เขายังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกขัดเสียก่อน

จางอวิ๋นซีกล่าวอย่างเย็นชา “อย่าใช้คำพูดอุบายนั้นมาหลอกข้า ก่อนข้าจะมาสวนหมื่นวิญญาณได้ตรวจสอบอย่างละเอียดมาก่อนแล้ว ในสำนักพรรคฝ่ายที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงทั้งแดนบูรพา ไม่มีชื่อของถ้ำหุบเหวเดียวดายเขานามวสันต์เลย”

พูดถึงตรงนี้ จางอวิ๋นซีหน้ามืดทะมึนลงเล็กน้อย “ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกล้าหลอกข้า!”

เสิ่นเทียนเห็นร่างเงาพยัคฆ์ขาวสายฟ้าลอยขึ้นมาจากข้างหลังจางอวิ๋นซีอีกครั้ง ก็รู้สึกเย็นวาบข้างหลัง “ข้าแซ่เสิ่นนามเทียน ชื่อเล่นเอ้าเทียน นามทางธรรมคือผู้แสวงหาวาสนา…”

จางอวิ๋นซีพยักหน้าเล็กน้อย “อืม เท่านี้ก็พอแล้ว ที่เหลือไม่ต้องพูดแล้ว”

นางหยัดกายขึ้นเนิบๆ จากนั้นนำลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสข้างๆ มาวางในมือ

“โอรสสวรรค์ทุกท่านในแดนบูรพาต่างมีความลับของตนเอง ถ้าจะฟังเจ้าสร้างเรื่อง สู้ไม่ฟังเสียดีกว่า รู้ว่าเจ้าชื่อเสิ่นเทียนก็พอแล้ว”

……

สบายใจ!

คุยกับแม่เสือท่านนี้แล้วสบายใจ

แค่กๆ พูดผิด

คุยกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้แล้วสบายใจ

เสิ่นเทียนแสดงให้เห็นว่าหญิงแกร่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ท่านนี้ถูกใจตนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ขอบเขตพลังตนต่ำกว่าอีกฝ่ายมากเกินไปละก็ เสิ่นเทียนก็ว่าจะถามนางอยู่ว่าจะยินดี…

เชือดไก่เหลืองเผากระดาษทอง ผูกมิตรเป็นสหายต่อกัน

สาบานเป็นพี่น้องต่างเพศกับเขาหรือไม่!

…….

“การโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ต้องใช้เวลาหน่อย”

จางอวิ๋นซีถือลูกประคำในมือพลางกล่าว “ในช่วงเวลานี้ เจ้าต้องคุ้มกันให้ข้า”

ขณะพูดอยู่นั้น ดวงตาจางอวิ๋นซีขยับประกายแสงวาววับ แม้แต่ตอนนี้นางก็ยังไม่เชื่อเสิ่นเทียนทั้งหมด

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นหนึ่งในขุมอำนาจสิบสองแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่สูงสุดแห่งแดนบูรพา เป็นปราการต่อต้านที่สร้างแรงกดดันที่มากที่สุดให้กับขุมอำนาจวิถีมารอย่างลัทธิวิญญาณร้าย

ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุกรุ่นล้วนมีภาระหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ปราบมาร ปกติเวลาประมือกับผู้บำเพ็ญลัทธิวิญญาณร้ายจะต้องเจอกับเล่ห์เพทุบายอย่างเลี่ยงได้ยาก

ถึงจางอวิ๋นซีจะยังสาว ทว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สูงศักดิ์ย่อมไม่ใช่กระถางดอกไม้ เป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้โอกาสโปรดสัตว์โอรสภูตผีทดสอบว่าเสิ่นเทียนใช่สาวกลัทธิวิญญาณร้ายหรือไม่พอดี

พอนึกถึงตรงนี้ จางอวิ๋นซีเตรียมแผนสำรองไว้เงียบๆ ก่อนจะเริ่มโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้

……………

นางหยิบศิลาวิญญาณมาจากแหวนเก็บของทีละก้อน ก่อนจะวางไว้ตามตำแหน่งเก้าวังแปดทิศ ส่วนลูกประคำนั้น นางวางไว้ตรงกลางเก้าวังแปดทิศ

เมื่อจางอวิ๋นซีใส่ฤทธิ์เดชพลังวิญญาณเข้าไปก็สร้างวงแหวนอาคมขึ้น วงแหวนเก้าวังแปดทิศพลันมีพลังวิญญาณเข้มข้นลอยขึ้นก่อนลอยเข้าไปในลูกประคำ

ทางด้านจางอวิ๋นซีก็พึมพำบทสวดโปรดสัตว์อันลึกลับอย่างยิ่งเงียบๆ ไม่หยุด

“พระผู้เป็นเจ้าประกาศราชโองการ โปรดสัตว์ภูตผีอาภัพ มารร้ายทุกตน สี่ชีวีได้ผลบุญ

ผู้มีเศียรได้โปรดสัตว์ ผู้ไร้เศียรลอยขึ้นสูง ทวนประหัตดาบประหาร กระโดดน้ำหุบเหวผูกมัด

สว่างตายมืดตาย สิ้นลงคับแค้นใจ เจ้าหนี้อาฆาต ขอชีวิตลิ่วล้อ

คุกเข่าหน้าศาลข้า แปดทิศส่องแสง ยืนตรงทางแยก โปรดชีวิตท่าน

เป็นชายเป็นหญิง จงรับผิดชอบตน มั่งคั่งยากจน สารภาพด้วยตัวเอง

รับสั่งช่วยทุกชีวิต เร่งรีบโปรดสัตว์ รับสั่งช่วยทุกชีวิต เร่งรีบโปรดสัตว์!”

…………

เมื่อจางอวิ๋นซีสวดบทโปรดสัตว์ระดับสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่หยุด ฤทธิ์เดชทั่วทั้งตัวนางค่อยๆ รวมขึ้นเป็นอักขระยันต์แสงสีทองทีละตัว

อักขระยันต์พวกนี้แฝงไว้ด้วยตราประทับมหามรรคที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง เหมือนกับกำลังสาธยายความลับแห่งการสู่สุขาวดี

คลับคล้ายกับมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่อาจบรรยายสภาพร่างหนึ่งสำแดงอิทธิฤทธิ์ในเงามืด

อักขระยันต์แสงสีทองเหล่านั้นมุดเข้าไปในลูกประคำอย่างรวดเร็ว ไม่นานโอรสภูตผีก็ลอยออกมาจากในลูกประคำทีละตน

เดิมทีร่างพวกเขาเป็นสีดำ หน้าตาดุร้าย ทว่าเมื่ออาบอยู่กลางสายฝนแสงทองนี้ แรงอาฆาตกลับถูกชะล้างไปราวกับเศษดิน

ไม่นาน โอรสภูตผีที่มีสีหน้าเจ็บปวดเหล่านั้นก็เผยรอยยิ้มสบายและหลุดพ้น เสียงหัวเราะไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัยดังกลางห้องไม่หยุด

เสียงใสของเด็กพวกนี้ยิ่งทำให้คนเบ้าตาชื้นเข้าไปใหญ่

“ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณพี่สาวสตรีศักดิ์สิทธิ์”

“ขอบคุณพี่ชายที่ให้ศิลาวิญญาณพวกเรา ขอบคุณพี่สาวที่ช่วยพวกเรา”

“ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณพี่สาว”

“ขอบคุณ”

“ขอบคุณ”

“ขอบคุณ”

“ขอบคุณ”

ภูตผีโอรสแต่ละตนได้หลุดพ้นไปเกิดใหม่กลางสายฝนแสงสว่าง เสียงหัวเราะและคำขอบคุณของพวกเขายังมาพร้อมกับความรู้สึกไร้เดียงสาที่สุด

ใบหน้าของจางอวิ๋นซีชุ่มไปด้วยเหงื่อตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

นางเองก็ไม่ถือว่าชำนาญวิชามนต์สู่สุขาวดีเทพสวรรค์นี้มากนัก

ถ้าบอกว่าพี่ชายกับศิษย์พี่ใหญ่โปรดสัตว์โอรสภูตผีพวกนี้ต้องใช้แค่ฤทธิ์เดชหนึ่งส่วนละก็ เช่นนั้นจางอวิ๋นซีต้องใช้สิบส่วน กระทั่งใช้ฤทธิ์เดชหลายสิบส่วนถึงจะโปรดสัตว์ได้ ครั้งนี้โปรดสัตว์โอรสภูตผีทีเดียวหลายร้อยตน จึงสร้างแรงกดดันให้นางไม่ถือว่าน้อย

เสิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆ เองก็เป็นห่วงเล็กน้อย “ท่านเซียน ยังไหวหรือไม่ พักหน่อยดีหรือไม่”

ดวงตาหงส์ของจางอวิ๋นซีเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงขึ้นจมูก “กับแค่เด็กน้อยหลายคน ไม่ได้รู้สึกกดดันเลย!”

เห็นว่าจางอวิ๋นซีดูเหมือนไม่มีปัญหาจริงๆ เสิ่นเทียนก็เลยวางใจ

เขาเบนสายตาไปยังจิ่วเอ๋อร์ ภูตสาวที่กำลังมองเหล่าภูตผีโอรส

“ตอนนี้พวกลูกๆ ของเจ้าได้โปรดสัตว์หลุดพ้นแล้ว เป็นอย่างไร รู้สึกอิจฉามากละสิ! ถ้าเจ้ากลับใจตอนนี้ยังทันนะ!”

เสิ่นเทียนพูดโน้มน้าวปากเปียกปากแฉะ “อย่าพลาดโอกาสเชียว ตอนนี้ท่านเซียนยังสบายมากอยู่ น่าจะช่วยโปรดสัตว์ให้เจ้าไปพร้อมกันได้ ว่าอย่างไรจิ่วเอ๋อร์ ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ ข้าจะขอร้องให้ท่านเซียนโปรดสัตว์ให้เจ้า!”

ครั้นได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน จิ่วเอ๋อร์กับจางอวิ๋นซีเบิกตาโตพร้อมกัน

จิ่วเอ๋อร์ “?!”

จางอวิ๋นซี “?!”

……………………..