ตอนที่ 79 ผู้อาวุโสหนานกงจะบรรลุแล้ว
วินาทีที่เสียงนั้นดังกึกก้องขึ้น ผู้อาวุโสของทั้งสองสำนักที่ยืนอยู่บนลานกว้างเวลานี้ กลับขนลุกชัน สมองอื้ออึงไปหมด
‘นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ! ’
‘เหตุใดเจ้าเด็กพวกนี้จึงมีท่าทางดุดันถึงเพียงนี้!’
‘หรือว่าเจ้าพวกนี้ต้องการจะโจมตีผู้อาวุโสหนานกงเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘บ้าไปแล้ว ! ’
‘เจ้าเด็กพวกนี้ถูกผีเข้าสิงหรืออย่างไรกัน ! ’
‘ผู้อาวุโสหนานกงนั้นมีตบะแก่กล้า อย่าว่าแต่เด็กพวกนี้เลย แม้แต่คนแก่เยี่ยงพวกเขาต่อให้ร่วมมือกันก็อาจจะมิสามารถเอาชนะก็เป็นได้’
เวลานี้แม้แต่หนานกงเสวียนจีก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง
แต่เขาหาได้มีท่าทีกราดเกรี้ยวไม่ ยังคงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนอยู่เช่นนั้น
เพียงพริบตา ศิษย์ของทั้งสองสำนักต่างก็เหาะลงมา ราวกับเมฆดำกลุ่มใหญ่ที่ปกคลุมอยู่บนท้องนภาอย่างฮึกเหิม
แต่เมื่อพวกเขาเห็นท่าทางของเหล่าผู้อาวุโสทั้งสองสำนักรวมทั้งหนานกงเสวียนจีแล้ว เสียงดังกึกก้องเมื่อครู่ก็พลันหยุดลง
พวกเขาต่างหันมองหน้ากันด้วยความงงงวย
“นี่มันอะไรกัน ? ”
“มีคนจะมาโจมตีมิใช่หรือ ? ”
“แล้วคนที่มาโจมตีอยู่ที่ไหนกันเล่า ? ”
“เหตุใดจึงมีเพียงผู้เฒ่าชุดดำเพียงคนเดียว ? ”
ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่อยู่ด้านหน้าสุด หันมาเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่ใครเป็นคนบอกว่าจะมีคนบุกโจมตีเขาไท่เสวียนกัน ? ”
อีกด้านหนึ่ง ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงที่อยู่ด้านหน้าสุด ก็หันมาเอ่ยถามคำถามเดียวกันว่า “บอกมาว่าเมื่อครู่ใครเป็นคนต้นคิด ? ”
ศิษย์ทั้งสองสำนักรวมแล้วเกือบร้อยคนเงียบสงบลงทันที ทุกคนต่างขมวดคิ้วมุ่นพลางมองไปโดยรอบ
“ศิษย์พี่เฉียน เมื่อครู่ท่านตะโกนดังที่สุดเลย”
ครู่หนึ่งก็มีเสียงสตรีที่ยังมิโตเป็นสาวนักดังขึ้น ก่อนจะเอ่ยถึงศิษย์สายตรงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งนามว่า เฉียนถู ที่มีร่างกายกำยำและใบหน้าที่ขรุขระตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะกะพริบตาปริบ ๆ “เป็นข้าจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
สิ้นเสียงก็มีศิษย์อีกคนเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์พี่เฉียน ยังมีศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงนามว่า อู๋เหลี่ยง เมื่อครู่พวกท่านสองคนตะโกนเสียงดังที่สุด และพวกท่านก็อยู่หน้าสุดด้วยขอรับ”
อู๋เหลี่ยงที่มีร่างกายสูงใหญ่และกำยำมิต่างกันถึงกับนิ่งอึ้งไป ก่อนจะเกาศีรษะตัวเองพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเก้อเขิน “จริงหรือ ? ”
ทุกคนสื่อสารกันทางสายตาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับโดยพร้อมเพรียง
ส่วนเฉียนถูและอู๋เหลียงก็ถอยหลังไปทันทีที่ได้สติ
ขณะนั้นพลันเกิดเสียงอันดุดันสองเสียงดังขึ้น
“เฉียนถู เจ้าลงมาข้างล่างเดี๋ยวนี้ ! ”
นักพรตจิ่วจวีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมองด้วยสายตาคมปราบ สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
เพราะเฉียนถูเป็นศิษย์สายตรงของยอดเขาฉางหลินของเขา
“อู๋เหลี่ยง เจ้าก็ลงมาคุกเข่าข้างล่างด้วยเดี๋ยวนี้ ! ”
ขณะเดียวกันผู้อาวุโสคนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเองก็ตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดเช่นเดียวกัน
“เฉียนถูอู๋เหลี่ยง ที่แปลว่าอนาคตสดใสเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
นักพรตจิ่วจวีได้ยินก็มีสีหน้าเข้มขึ้นทันที ก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงว่า “พี่ไป๋ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสหนานกง ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ท่านยังมีแก่ใจมาล้อเล่นอีกอย่างนั้นหรือ ? ”
ผู้อาวุโสนามว่าไป๋ซงมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “จิ่วจวี อู๋เหลี่ยงเป็นศิษย์สายสืบทอดของข้า เขามีนิสัยมุทะลุมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าโดยตรง อีกทั้งตอนนี้ ก็อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสหนานกง ข้าจะกล้าล้อเจ้าเล่นได้เยี่ยงไรกัน ! ”
นักพรตจิ่วจวีมิได้แสดงสีหน้าและเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก เมื่อเห็นเฉียนถูหลบเข้าไปรวมกับศิษย์คนอื่น ๆ เขาจึงสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เพียงพริบตาก็มีไอพลังปกคลุมรอบกายเฉียนถู ก่อนที่เขาจะถูกไอพลังนั้นดึงลงมา
ส่วนอู๋เหลี่ยงศิษย์สายสืบทอดของไป๋ซง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ได้เหาะลงมาอย่างจำยอมแต่โดยดี
“คุกเข่าลง ! ”
นักพรตจิ่วจวีและไป๋ซงคำรามขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน
เฉียนถูและอู๋เหลี่ยงคุกเข่าลงกับพื้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ขณะนั้นเอง นักพรตฉางเสวียนจึงยิ้มให้แก่หนานกงเสวียนจีอย่างขอลุแก่โทษ ก่อนจะสั่งเสียงเรียบว่า “ศิษย์น้องจิ่วจวี นับแต่นี้ต่อไปศิษย์ผู้นี้ของเจ้ามิอาจก้าวออกจากยอดเขาฉางหลินแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นจะถูกทำลายตบะและขับออกจากสำนักทันที”
นักพรตจิ่วจวีเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “ศิษย์พี่ฉางเสวียนโปรดวางใจ เจ้าเด็กคนนี้กล้าพาคนมาล่วงเกินผู้อาวุโสหนานกง ข้าจะให้เจ้าเด็กคนนี้อยู่หลังยอดเขาฉางหลินไปชั่วชีวิตขอรับ”
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“ท่านเจ้าสำนัก อาจารย์ ศิษย์มิได้มีเจตนาที่จะล่วงเกินผู้อาวุโสท่านนี้นะขอรับ ศิษย์คิดว่ามีคนจะมาโจมตีสำนักของเรา จึงได้…”
“หุบปาก ! ”
เฉียนถูอธิบายด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย พร้อมขอบตาแดงเรื่อ
แต่พูดยังมิทันจบประโยคก็ถูกนักพรตจิ่วจวีแค่นเสียงขัดขึ้น ก่อนจะเพ่งสมาธิร่ายอาคมผนึกปิดปากเฉียนถูเอาไว้ทันที
อีกด้านหนึ่ง สวีฉิงเทียนที่มีสีหน้ามิสู้ดีนักเอ่ยเสียงเข้มกับไป๋ซงว่า “ศิษย์น้องไป๋ จงผนึกตบะของศิษย์ผู้นี้เอาไว้ เมื่อกลับถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็ให้ไปอยู่ที่คุกใต้ดินจวบจนวันตาย ! ”
“ท่านเจ้าสำนัก อาจารย์…”
อู๋เหลี่ยงกำลังจะเอ่ยบางอย่าง แต่กลับถูกไป๋ซงผนึกปิดปากเอาไว้เสียก่อน
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าสำนักทั้งสองลงโทษศิษย์สองคนนั้นแล้ว หนานกงเสวียนจีกลับหัวเราะพลางโบกมือไปมา
“ท่านเจ้าสำนักทั้งสอง ข้าว่าศิษย์ทั้งสองหาได้ทำผิดไม่”
หนานกงเสวียนจีเอ่ยชี้แจงแทนเฉียนถูและอู๋เหลี่ยง “เมื่อเห็นว่าสำนักมีภัยพวกเขาสองคนกลับรีบมาช่วยทันที ศิษย์เช่นนี้ควรได้รับรางวัลมากกว่าถูกลงโทษ”
“ส่วนเรื่องล่วงเกินข้านั้น เรื่องนี้ก็ยังมิได้เกิดขึ้น”
หนานกงเสวียนจีส่ายหน้าอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะหมุนตัวไปทางเมืองเสี่ยวฉือและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เมื่อก่อนข้าถือว่าตนเองมีตบะแก่กล้า มีเพียงมิกี่คนที่สามารถเทียบเคียงข้าได้ จึงได้เย่อหยิ่งและทะนงตน”
“แต่หลังจากที่ข้าได้มีโอกาสพบผู้อาวุโสท่านนั้นแล้ว จึงได้รู้ว่าความเย่อหยิ่งจองหองของข้าโง่เขลาเพียงใด ในอดีตนั้น เพราะการทะนงตนของข้าจึงทำให้สายตาคับแคบ เวลานี้ พวกเจ้าเองก็มิต่างกันมิใช่หรือ ? ”
จากนั้นหนานกงเสวียนจีก็ได้หันหน้ากลับมา พร้อมเอ่ยกับทุกคนว่า “ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจถึงจิตใจอันสูงล้ำของผู้อาวุโสท่านนั้น เช่นนั้นก็ถือเสียว่าวันนี้มิมีเรื่องล่วงเกินใด ๆ เกิดขึ้น พวกเจ้าก็ปล่อยพวกเขาสองคนได้แล้ว”
“นี่เป็นบทเรียนที่ล้ำค่ายิ่งนัก ต้องจดเอาไว้”
สิ้นเสียงก็มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งพึมพำขึ้นมา ก่อนจะหยิบกระดาษและพู่กันมาจดบันทึกอีกครั้ง
นักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนสบตากันเล็กน้อย ราวกับกำลังชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะพยักหน้าเล็กน้อย
นักพรตจิ่วจวีและผู้อาวุโสไป๋ซงเห็นดังนั้น ก็รีบโค้งคำนับให้แก่หนานกงเสวียนจี
แม้จะบอกว่าครั้งนี้ทั้งสองคนเกือบจะก่อเรื่องใหญ่ แต่เยี่ยงไรเสียก็เป็นศิษย์ที่ตัวเองสั่งสอนมากับมือ
หากต้องทำลายตบะของพวกเขาจริง ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองจะมิเสียใจได้อย่างไร ?
แต่ทั้งสองคนมิได้ปลดผนึกที่ปิดปากของเฉียนถูและอู๋เหลี่ยงในทันที และยังคงให้พวกเขาสองคนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น
หลังผ่านไปมิกี่อึดใจราวกับหนานกงเสวียนจีได้รับรู้บางสิ่ง จึงค่อย ๆ หลับตาลง
พลันทุกคนในที่นั้นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
พวกเขารู้สึกได้ถึงปราณวิญญาณฟ้าดินที่เคลื่อนที่อย่างกะทันหัน ไอพลังลึกลับแต่กลับสงบนิ่ง ได้แผ่ออกมารอบกายหนานกงเสวียนจี
ขณะเดียวกันผมและหนวดของหนานกงเสวียนจีก็พลิ้วไหวขึ้น รอบกายเกิดแสงหลากสีสัน ก่อนที่ด้านหลังของเขาจะปรากฏกระดานหมากล้อมหลากสีสันลอยขึ้นมา
หลังจากทุกคนได้สติก็รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“นี่เป็นสัญญาณก่อนเกิดการบรรลุ ! ”
“ผู้อาวุโสหนานกงจะบรรลุขั้นต่อไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ! ”