ตอนที่ 75 นักแข่งผู้ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก / ตอนที่ 76 เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 75 นักแข่งผู้ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก

 

 

เซี่ยเจิงพยายามพิชิตใจเฮ่อมู่อวิ๋นมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา แต่แม่ไม่เคยสนใจลูกชายคนรวยจากตระกูลผู้ดีเพราะแม่เชื่อว่าผู้ชายแบบนี้มักขี้เกียจและเหลาะแหละ แล้วแม่ก็ตกหลุมรักกับหลินเยว่ทงที่มาจากตระกูลยากจนแทน

 

 

ในช่วงแรก เฮ่อมู่อวิ๋นและหลินเยว่ทงก็มีความสุขตามประสาคู่รัก แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะเผยธาตุแท้ในภายหลัง

 

 

หลินเยว่ทงเผยนิสัยที่แท้จริงของเขาที่เป็นคนเลวทราม เห็นแก่ตัว และหยิ่งทะนงไปพร้อมๆ กับความกระหายในชัยชนะ เขาเริ่มรังเกียจแม่ที่เป็นลูกคุณหนูผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

 

 

ในไม่ช้า เฮ่อมู่อวิ๋นได้รู้ว่าหลินเยว่ทงยังคงห่วงหาอาลัยกับหญิงสาวที่เป็นรักแรกของเขาอยู่ และเพราะเธอถูกคลุมถุงชนกับชายหนุ่มผู้มั่งคั่ง หลินเยว่ทงจึงทั้งเกลียดชังและดูถูกเหยียดหยามคนรวย

 

 

สำหรับหลินเยว่ทงแล้ว แม่ของหลินเยียนเป็นเพียงแค่เครื่องมือเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จและร่ำรวย

 

 

กว่าเฮ่อมู่อวิ๋นจะตาสว่างก็สายเกินไป หลินเยว่ทงใช้ทักษะการแสดงชั้นเลิศในการซื้อใจจากทั้งตระกูลเฮ่อได้เรียบร้อยแล้ว จากนั้น เขาก็ปอกลอกเอาเงินจากบรรดาญาติๆ ก่อนชิ่งหนีโดยหอบเอาธุรกิจกว่าครึ่งหนึ่งไปด้วย…

 

 

ด้านเซี่ยเจิงเมื่อทราบข่าวการแต่งงานของเฮ่อมู่อวิ๋นก็รู้สึกเศร้าซึมไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง และในไม่กี่ปีให้หลัง เขาก็จำต้องแต่งงานตามคำสั่งของครอบครัว และท้ายที่สุดแล้วก็จบด้วยการหย่าร้างเพราะนิสัยใจคอที่ไปด้วยกันไม่ได้

 

 

และเขาไม่ได้แต่งงานใหม่แต่อย่างใด

 

 

เมื่อรู้ว่าเฮ่อมู่อวิ๋นหย่าขาดกับสามีแล้ว เซี่ยเจิงก็รีบรุดมาเยี่ยมเธอทันทีเพื่อเสนอความช่วยเหลือให้แก่สองแม่ลูก

 

 

แต่ผู้เป็นแม่บอกปฏิเสธความหวังดีของเขา

 

 

เซี่ยเจิงมาเยี่ยมเฮ่อมู่อวิ๋นอยู่บ่อยครั้งโดยมักมีข้าวของเครื่องใช้ในถุงใบใหญ่ติดมือมาด้วยเสมอ แม้ว่าแม่ของหลินเยียนจะปฏิเสธน้ำใจของเขาทุกครั้ง แต่เขาก็ยังอดทนทำต่อไปด้วยความมุ่งมั่น

 

 

เฮ่อมู่อวิ๋นรู้ดีว่าเซี่ยเจิงคิดกับเธออย่างไร เพราะเธอรู้ เธอจึงปฏิเสธการช่วยเหลือจากเขาเพราะไม่อยากให้ความหวังลมๆ แล้งๆ นั่นเอง

 

 

หลินเยียนเองก็รู้สึกมาโดยตลอดว่าเธอไม่ควรยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผู้ใหญ่ แต่จู่ๆ เธอก็คิดว่าเธอน่าจะช่วยให้พวกเขาสมหวังได้…

 

 

หลินเยียนไม่เคยวุ่นวายกับเรื่องของทั้งคู่มาก่อนเลยเพราะเธอไม่แน่ใจว่าเซี่ยเจิงพยายามจีบแม่โดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังหรือเปล่า แต่หลังจากที่เฝ้าสังเกตมานานหลายปี เธอพบว่าเซี่ยเจิงไม่เคยสนใจหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่พยายามเข้าหาเขาเลย และเขาก็ไม่แต่งงานใหม่อีกด้วย เขาเฝ้ารอแม่มาโดยตลอด

 

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลินเยียนเจอเขาโดยบังเอิญขณะมาเยี่ยมแม่ที่บ้านในตอนเช้าตรู่ และเธอตกใจมากที่ได้รู้ว่าเขาอยู่ที่หน้าประตูมาตั้งแต่ตอนกลางคืน เซี่ยเจิงเล่าว่าเขาเทียวไปเทียวมาที่นี่เป็นเวลาหลายวันแล้วเพราะได้ยินข่าวที่รายงานเกี่ยวกับหัวขโมยในย่านนี้จนเกิดเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ขึ้นมา

 

 

ตั้งแต่ครั้งนั้น หลินเยียนก็มั่นใจว่าเซี่ยเจิงรักแม่ของเธอจากใจจริง

 

 

แต่คืนนี้ โชคก็ยังไม่เข้าข้างเขาอยู่ดี

 

 

สภาพจิตใจของแม่ไม่สู้ดีนักหลังกลับจากบ้านของคุณตา เธอคงไม่อยู่ในอารมณ์ต้อนรับเขาอย่างแน่นอน

 

 

“คุณเซี่ย” อย่างที่คิด เฮ่อมู่อวิ๋นทักทายเขาอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นของเซี่ยเจิงพลันหรี่ลงเมื่อเขาเห็นว่าแม่ของหลินเยียนเย็นชาและเฉยเมยเพียงใด

 

 

แม้ว่าชายที่ชื่อเซี่ยเจิงจะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักธุรกิจผู้เป็นธรรมและแน่วแน่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฮ่อมู่อวิ๋น เขากลับวางตัวไม่ถูกราวกับเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจอ่อนไหวต่อท่าทีที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยของหญิงผู้เป็นที่รัก

 

 

หลินเยียนถอนหายใจและรู้สึกสงสารชายคนนี้ขึ้นมาในทันที

 

 

ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว หากเซี่ยเจิงยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงพิชิตใจแม่ไม่ได้แน่นอนแม้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม…

 

 

แต่หลินเยียนเองก็ช่วยเขาไม่ได้ เพราะเธอเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรักเลย ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาก็จบลงด้วยไม่ดี แล้วจะมีหน้าไปแนะนำคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ

 

 

 

 

ตอนที่ 76 เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยรู้เรื่องการคบหาและความรักมากนัก แต่เมื่อถึงวันแข่งรถ เธอก็แอบสังเกตอยู่บ้างว่าพวกผู้ชายรอบๆ ตัวเธอนั้นจีบสาวอย่างไร

 

 

ดังนั้น หลินเยียนจึงครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนกระแอมเพื่อทำลายความเงียบ “คุณอาอาเซี่ย อย่ามัวยืนอยู่ตรงนี้เลยค่ะ เข้าบ้านกันเถอะ”

 

 

แววตาของเซี่ยเจิงเปล่งประกายด้วยความหวังอันริบหรี่ “ได้…”

 

 

แต่เฮ่อมู่อวิ๋นขัดจังหวะโดยที่เขายังไม่ทันพูดจนจบประโยค “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันไม่ค่อยสะดวก ไว้คราวหน้านะ”

 

 

คราวหน้า ก็หมายความว่าเมื่อไรไม่รู้

 

 

เซี่ยเจิงเห็นว่าเฮ่อมู่อวิ๋นปฏิเสธเขาอย่างเต็มที่จึงพยักหน้าอย่างว่าง่ายโดยไม่รู้ตัว “ได้…ได้เลย…”

 

 

หลินเยียนพูดอะไรไม่ออก…

 

 

ทำไมคุณน้าถึงยอมทำตามที่แม่พูดล่ะ

 

 

ทำไมถึงอยู่ในโอวาทได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่พยายามจีบมาหลายปีแต่ไม่คืบหน้า!

 

 

หลินเยียนโกรธจัดและพยายามสบตาเขา หากแต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ

 

 

หลินเยียนโพล่งออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่แม่ตั้งท่าจะเดินขึ้นบันได “เอ้อ! คุณอาเซี่ย ทำไมก่อนหน้านี้ถึงเดินกะเผลกแบบนั้นล่ะคะ อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีเหรอ”

 

 

แม่หยุดกึกเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คุณเซี่ย คุณบาดเจ็บเหรอ?”

 

 

แม้ว่าแม่ของหลินเยียนจะรักษาระยะห่างและเมินเฉยเซี่ยเจิงมากเพียงใด แต่มารยาทและการศึกษาที่ดีทำให้แม่ไม่สามารถหยาบคายกับแขกได้ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเมื่อรู้ว่าเขาบาดเจ็บ

 

 

หลินเยียนสบช่องจึงพูดต่อ “แม่ไม่รู้เหรอ”

 

 

แน่นอนว่าเซี่ยเจิงไม่เคยบอกแม่ของเธอ…

 

 

หลินเยียนรีบเสริมต่อทันที “ก็ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเรื่องขโมยในละแวกนี้ คุณอาเซี่ยเขาเป็นห่วงแม่เลยแวะมาที่นี่ทุกคืนเพื่อดูให้แน่ใจว่าแม่ปลอดภัยดี แล้วมีอยู่คืนหนึ่งที่ดันเจอขโมยเข้า คุณอาเขาพยายามจับขโมยจนได้รับบาดเจ็บที่ขา อาการค่อนข้างสาหัสเลยนะ…”

 

 

เฮ่อมู่อวิ๋นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เธอเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกและไม่สบายใจ

 

 

อันที่จริง เซี่ยเจิงแค่ข้อเท้าพลิกเล็กน้อยเท่านั้น เขาจึงรีบปฏิเสธตามสัญชาตญาณทันทีเมื่อได้ยินเรื่องที่หลินเยียนเล่า “ไม่หรอก มู่อวิ๋น…แค่เจ็บนิดหน่อย…ผมหายแล้วล่ะ…”

 

 

หลินเยียนปริปากพูดอะไรไม่ออก

 

 

เธอรู้สึกเหนื่อยมากหลังพยายามช่วยเต็มที่แต่ชายคนนี้กลับไม่เล่นตามน้ำเลย

 

 

หญิงสาวขบฟันแล้วพูดต่อ “แม่ คุณอาเซี่ยเขากลัวว่าแม่จะเป็นห่วงน่ะ อันที่จริงเขาบาดเจ็บหนักจนนอนติดเตียงไปช่วงหนึ่งเลย! เอ้อใช่ แม่มียาทาแก้เคล็ดขัดยอกที่หนูเคยใช้อยู่ใช่ไหม? ยาอันนั้นดีมากเลยนะ! แม่ช่วยทาให้คุณอาเขาหน่อยสิ หนุ่มม่ายก็งี้แหละไม่ค่อยรู้วิธีดูแลตัวเองเท่าไหร่หรอก ดูสิแม่ เขายังกะเผลกอยู่เลย!”

 

 

“คือ…” เฮ่อมู่อวิ๋นลังเลไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยกธงขาวเพราะถึงอย่างไรเขาก็เจ็บตัวเพราะเธอ “เข้ามาก่อนสิ ฉันจะไปหยิบยามาให้ ยังมีเหลืออยู่”

 

 

หลินเยียนรู้สึกดีใจมากเมื่อเห็นแม่ยอมแต่โดยดีก่อนขยิบตาให้เซี่ยเจิง

 

 

เซี่ยเจิงไม่คาดคิดว่าเฮ่อมู่อวิ๋นจะเชิญเขาเข้าบ้านมาก่อน เขาจึงยืนนิ่งเหมือนคนสติหลุดอยู่ในภวังค์ “แต่…ขาผม…” เขาพูดตะกุกตะกัก

 

 

“ไม่! คุณอาเจ็บขา!” หลินเยียนรีบพูดแทรกเพื่อหยุดไม่ให้เขาพูด เธอรีบพุ่งไปยืนข้างๆ เซี่ยเจิงเพื่อประคองเขา “ดูสิ แค่ยืนเฉยๆ ยังแทบไม่ไหวเลย รีบเข้าบ้านเร็ว!”