บทที่ 664 ควรชี้แนะวิธีล่าเหยื่อให้ซอมบี้อย่างไร

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 664 ควรชี้แนะวิธีล่าเหยื่อให้ซอมบี้อย่างไร โดย Ink Stone_Fantasy

“เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเราหาที่พักก่อน”

หลิงม่อมองสำรวจหน้าหลัง แล้วจู่ๆ ก็แสนอขึ้นมา

พวกเย่เลี่ยนไม่ได้มีความเห็นอะไร แต่มู่เฉินกลับรู้สึกฉงน

“ยังไม่มืดเลยนะ…” เขาลองค้าน

“ตกลงตามนี้แหละ” หลิงม่อกลับพยักหน้าแล้วพูดขึ้นเหมือนไม่ได้ยินเขา

“รีบเดินทางดีกว่า…”

“พอดีเลย ข้างหน้ามีโรงแรมอยู่พอดี!” ซย่าน่าตาเร็ว เธอยกมือชี้ไปทางสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป

มองออกไปไกลๆ ด้านบนของโรงแรมแห่งนั้นเป็นแผ่นป้ายโฆษณาที่ไม่ค่อยใหญ่ ทว่าด้วยความสามารถในการมองเห็นของหลิงม่อในตอนนี้ เขาสามารถมองเห็นได้คร่าวๆ ส่วนมู่เฉิน เขาหรี่ตาเล็กๆ แล้วพยายามเพ่งมอง แต่กลับมองเห็นเพียงเค้าโครงของป้ายโฆษณาแผ่นนั้น

“อย่างนั้นก็ดี ไปที่นั่นแหละ” หลิงม่อตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินแทบจะกัดลิ้นตัวเอง “ยังเห็นไม่ชัดเลยนะ! จะไปเลยจริงหรอ!”

ระหว่างทางหลิงม่อก็ยังอธิบายให้เขาฟังถึงเหตุผลที่ตัดสินใจทำแบบนี้—

ต้องให้สวี่ซูหานพักผ่อนก่อนซักครู่หนึ่ง

เดินทางโดยไม่หยุดพักเลยอย่างนี้ ระหว่างทางเธอเห็นแต่การต่อสู้นองเลือดกับซอมบี้ กว่าจะถึงนิพพานสำนักงานใหญ่ สวี่ซูหานก็คงอดทนไม่ไหวแล้ว

“อย่างนี้เองหรอ?!”

มู่เฉินรู้สึกอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทำไมเขาถึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยล่ะ…

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ระหว่างที่เธอพักผ่อน ฉันจะพาพวกเด็กโง่ไปเคลียร์เส้นทางก่อน” หลิงม่อพูดต่อ

“ได้สิ” ยังพูดไม่ทันจบ มู่เฉินก็รีบพยักหน้าแรงๆ ทันที!

เขาพูดมีเหตุผลนะ! หายากนะที่หลิงม่อจะคิดรอบคอบอย่างนี้…

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ทำหน้าที่เฝ้าเธอไว้แล้วกัน” หลิงม่อพูดต่อ

“ได้เลย!…ห๊ะ? เดี๋ยวนะ!” มู่เฉินเพิ่งจะพยักหน้า แต่จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง

ภารกิจที่เสี่ยงอันตรายขนาดนี้ ทำไมถึงได้มอบหมายให้เขาเล่า!

อีกอย่างตัวเองก็ตกปากรับคำ โดยไม่คิดก่อนเลยซักนิด!

“เดี๋ยวๆๆๆๆ…” มู่เฉินทำหน้าเหมือนอยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพงให้ตาย

“พูดแล้วคืนคำไม่ได้นา…” หลิงม่อตบไหล่มู่เฉิน

ด้วยความเร็วของทุกคน บวกกับซอมบี้ส่วนใหญ่ถูกหลิงม่อลากไปกองรวมกันในร้านค้าแห่งนั้นหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาในการเดินไปที่โรงแรมเพียงแค่ 4 – 5 นาทีเท่านั้น

หลิงม่อผลักมู่เฉินให้เข้าไปข้างใน แล้วดึงสวี่ซูหานไปให้เขา “สู้เขาล่ะ…”

“ฉันจะสู้ได้…” มู่เฉินน้ำตานองหน้า

“ตอนนี้เธอสงบลงมากแล้ว” หลิงม่อเหลือบมองสวี่ซูหาน แล้วบอกว่า “อีกอย่างฉันจะอำนวยความปลอดภัยให้นายเอง”

ตอนนี้เธอสงบลงมากแล้วจริงๆ นอกจากถลึงตากว้างแล้ว โดยรวมเหมือนเธอได้ฟื้นคืนสติแล้ว แต่ดวงตาคู่นั้นเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่า ห้ามสิ่งมีชีวิตใดเข้าใกล้

หันมองรอบกาย พบว่าโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ลับตาคน น่าจะไม่มีซอมบี้เลยซักตัวด้วยซ้ำ

แต่กว่ามู่เฉินจะได้สติกลับมาอีกครั้ง ตรงหน้าเขาก็เหลือแค่สวี่ซูหานคนเดียวแล้ว

“คือว่า…”

มู่เฉินกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก เขาพูดเสียงเบาอย่างเอาใจ “พวกเรามาตกลงอะไรกันหน่อยดีไหม?”

“ฮื่ออ…” แต่ทันใดนั้น สวี่ซูหานกลับอ้าปากคำรามเสียงต่ำ

มู่เฉินตกใจจนตัวสั่น หลังตกใจกลัวจู่ๆ เขาก็พบว่า มือทั้งสองข้างของสวี่ซูหานไม่รู้ถูกมัดไพล่หลังไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“โชคดี…” มู่เฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที เขากลับเริ่มบ่นกระปอดประแปดขึ้นมาอีกครั้ง “นี่หรอ สิ่งอำนวยความปลอดภัยที่ทิ้งไว้ให้ฉัน?!”

ในซอยเล็กๆ เส้นหนึ่งนอกโรงแรม หลี่ย่าหลินเพิ่งละสายตาออกจากโรงแรม ปากก็ถามว่า “หลิงม่อ มนุษย์คนนั้น…”

ซย่าน่าถามแทรกขึ้นมา “พี่หลิง พี่ไม่ได้จะแค่เคลียร์เส้นทางใช่ไหม”

“ใช่แล้ว” หลิงม่อพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา

“ก้อนเหนียวหนืดหมดแล้วหรอ?” หลี่ย่าหลินพูดไปก็เลียปากแผล็บๆ พร้อมทำหน้าหิวกระหาย

หลิงม่อส่ายหน้าไปมา “ส่วนแบ่งต่อวันน่ะยังพอมีอยู่ แต่…ฉันอยากให้พวกเธออัพเกรด”

ก้อนเหนียวหนืดที่กินปกติทุกวัน เหมือนการเติมน้ำมันให้ร่างกายของพวกเธอ เพื่อส่งเสริมการเผาผลาญของพวกเธอในแต่ละวันมากกว่า

ถึงแม้ในนั้นจะมีเชื้อไวรัสปริมาณน้อยให้ดูดกลืนได้ และหากผ่านการสะสมนานแรมเดือนพวกเธอก็จะได้รับวิวัฒนาการ แต่ขั้นตอนนี้ช้าเกินไปสำหรับหลิงม่อ

ตอนนี้พวกเธอทั้งสามเป็นชนชั้นสูงกันหมดแล้ว และพวกเธอก็คงอยู่ในระดับเดิมมานานมากแล้วเหมือนกัน พื้นฐานที่ควรปูให้แน่นก็ถือว่าแน่นพอแล้ว

ถึงแม้จะไม่สามารถก้าวข้ามระดับชนชั้นสูงไปได้ แต่จะให้ดีก็ทำให้พวกเธอมีพลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

หากเป็นอย่างนั้น ยามต้องเผชิญหน้ากับนิพพานสำนักงานใหญ่ หลิงม่อจึงจะมีความมั่นใจมากกว่าเดิม

เขาอาจไม่พูดออกมา แต่ความจริงแล้ว ในใจเขาก็รู้สึกหวาดกลัวนิพพานสำนักงานใหญ่ไม่น้อย

อีกฝ่ายเป็นกองกำลังใหญ่โตที่มีจำนวนคนมากมาย เมื่อเทียบกันแล้วเขาเป็นเพียงผู้มีความสามารถพิเศษธรรมดาเท่านั้น

การเปรียบเทียบพลังของทั้งสองฝ่าย มองแวบแรกเหมือนฝ่ายหนึ่งถือดาบ ส่วนอีกฝ่ายก็ถือไม้จิ้มฟัน

ทว่าถึงแม้จะเป็นไม้จิ้มฟัน หากจิ้มถูกจุด ก็อาจก่อให้เกิดประมิทธิภาพที่ไม่คาดคิดได้เลยทีเดียว…

“แน่นอนว่าก่อนหน้านั้น ต้องทำให้ไม้จิ้มฟันนี้กลายเป็นไม้จิ้มฟันคุณภาพดีให้ได้ก่อน” หลิงม่อคิดในใจ

แต่ว่า หากจะคาดหวังให้สามสาวซอมบี้อัพเกรดพร้อมๆ กัน นั่นออกจะเกินความจริงไปหน่อย

ขอเพียงพลังโดยรวมของพวกเธอเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น อย่างน้อยก็ขอให้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองก็พอ…

“ยอดเยี่ยมไปเลย!”

ซย่าน่ารีบหยักหน้า พลางถูไม้ถูมือไปมา

หลี่ย่าหลินกับเย่เลี่ยนมองหน้ากันแวบหนึ่ง เหมือนพวกเธอไม่ค่อยเข้าใจนัก

เห็นพวกเธอคนหนึ่งตื่นเต้นดีใจ ส่วนอีกสองคนยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนี้ หลิงม่อก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“มนุษย์ไส้กรอก!”

เพิ่งจะเลี้ยว เงาร่างสีเงาก็พุ่งเข้ามาทันที ตามมาด้วยเสียงร้องเรียกของเด็กผู้หญิง

ขณะที่อยู่ห่างจากหลิงม่อไม่ถึงสองเมตร เงาร่างสีขาวขนาดใหญ่นั้นก็รีบเบรก และหยุดทันทีอย่างไม่มีสะดุด

“แบ๊!”

หมีแพนด้ากลายพันธุ์ส่ายหัวไปมา พยายามใช้หน้าตัวเองไปถูกับหลิงม่อ

“ภาพลักษณ์ของสัตว์สมบัติแห่งชาติถูกแกทำลายจนป่นปี้หมดแล้ว” หลิงม่อหัวเราะแล้วยื่นมือออกไปตบหัวมันเบาๆ

“แบ๊!” เสี่ยวป๋ายส่ายหัวไปมาอย่างย่ามใจ แต่จู่ๆ มันก็ล้มตัวนั่งลงทันที จากนั้นก็เอียงหัวไปด้านหนึ่ง

“จะทำอะไรน่ะ?” หลิงม่อเห็นก็นิ่งไป แล้วเขาก็เริ่มเป็นห่วงกับการเคลื่อนไหวของมัน

มันจะ…ทำได้หรอ?

“บอกแล้วไงว่าแกกลิ้งไม่ไหวหรอก!”

อวี๋ซือหรานตะโกน พร้อมกระโดดลงมาจากตัวเสี่ยวป๋าย

ต้องวิ่งตามหลังมาตลอดทาง ตอนนี้อวี๋ซือหรานดูอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด

เห็นเธอยืนตาแดงก่ำอยู่ตรงหน้าหลิงม่อ ก็รู้เลยว่าคงจะเตรียมคำพูดไว้พร้อมบ่นเขาชุดใหญ่อย่างแน่นอน

แต่พอถึงเวลาเธอกลับเม้มปากเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดอยู่นานสองนาน สุดท้ายกลับถามออกไปอย่างลังเลเล็กน้อย “ทำไม?”

ซอมบี้โลลิน้อยตัวนี้ไม่รู้จะเปิดฉากพูดอย่างไร…

หลิงม่อพูดความคิดของตัวเองให้เธอฟังหนึ่งรอบ ก่อนจะพูดจบก็ปรบมือแล้วบอกว่า “ตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว ถ้างั้นก็เริ่มได้เลย กฎมีอยู่แค่ข้อเดียว ห้ามทำตัวเองเลือดท่วมตัว”

พอพูดจบ แม้แต่เขาเองก็ยังอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้

มนุษย์คนหนึ่งกำลังอบรมเหล่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ ว่าควรล่าเหยื่ออย่างไร…

“ช่างเถอะ เรื่องนี้ทุกคนก็เคยชินมานานแล้วไม่ใช่หรอ?”

หลิงม่อรีบส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็โบกมือไปมา “เริ่มได้!”

เทียบกับหลิงม่อ ซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์เหล่านี้มีสัญชาตญาณนักล่าและความสามารถในการลอบทำร้ายสูงกว่ามาก

พวกเธอสามารถหาตัวซอมบี้ที่เชื้อไวรัสจับตัวเป็นก้อนแล้วได้เร็วกว่าหลิงม่อ จากนั้นก็จะเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างไม่ให้ซุ่มเสียง และฉวยโอกาสตอนเห็นช่องโหว่พุ่งเข้าไปแทงคอหอยของอีกฝ่ายในเสี้ยววินาที

ขอเพียงนิ้วทั้งห้าออกแรงพร้อมกัน ซอมบี้ที่ทำให้คนธรรมดาหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดตัวนั้น ก็จะกลายเป็นแกะน้อยที่ไร้ทางสู้ในกำมือของมือสวยเนียนนุ่มเหล่านี้

จากนั้นเพียงต้องลากศพซอมบี้พวกนั้นเข้าไปในร้านค้าใกล้ๆ และควักก้อนเหนียวหนืดที่อยู่ในสมองของพวกมันออกมาด้วยความเร็ว เท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว

ตอนแรกหลิงม่อยังคิดว่าคงต้องเสียเวลาค่อนข้างมากแน่นอน แต่เมื่อพวกเย่เลี่ยนเริ่มลงมือ หลิงม่อก็พบว่าตัวเองประเมินพวกเธอต่ำไปจริงๆ

อย่างไรก็เป็นถึงชนชั้นสูง ถึงแม้จะไม่ได้ดุร้ายเหมือนซอมบี้สัตว์ป่า แต่กลับลงมือได้หมดจดงดงามกว่ามาก

หลิงม่อเพิ่งจะประกาศเริ่มลงมือได้ไม่นาน ในมือก็มีก้อนเหนียวหนืดซึ่งขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน และความบริสุทธิ์ต่างกันเพิ่มขึ้นมาถึง 6 ก้อนแล้ว

“ด้วยพัฒนาการระดับนี้…ซอมบี้ระดับสูงในย่านนี้ไม่พอให้ล่าจริงๆ”

หลิงม่อกระชับก้อนเหนียวหนืดในมือ เขาทอดมองออกไปข้างหน้า พลางคิดในใจ

……….

“วูบ!”

หลี่ย่าหลินโฉบร่างไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังซอมบี้ตัวหนึ่ง มือขวายื่นไปข้างหน้าในองศาที่เหลือเชื่อ ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว เธอรีบฉวยโอกาสบีบคออีกฝ่ายแน่น

ซอมบี้ตัวนี้เพิ่งจะเหวี่ยงแขนขึ้นมา หลี่ย่าหลินก็รีบบิดข้อมือทันที

ดูเหมือนเธอไม่ได้ออกแรง แต่คอของซอมบี้ตัวนั้นกลับงอไปด้านข้าง และห้อยหัวลงไปอย่างประหลาดทันที ดวงตาสีแดงที่กำลังเบิกกว้าง กลับไร้ซึ่งวี่แววของพลังชีวิต

—————————————————————————–