เย่เฉินมองคนผู้นี้ก่อนจะเปิดปากถาม “นายเป็นคนที่จงเหว่ยส่งมาล่ะสิ?”

วัยรุ่นชายลนลานทันทีเสหลบสายตา แต่ปากกลับพูดว่า “จงเหว่ยคือใคร? ฉันไม่รู้จัก!”

ถึงชายคนนั้นจะปฏิเสธแต่เย่เฉินก็แน่ใจแล้วว่าแขกคนนี้คือคนที่จงเหว่ยส่งมา

เย่เฉินเคยเรียนวิชาจิตวิทยาจาก Rowland S Miller แถมตอนเขาเป็นเด็กคุณปู่ก็เคยสอน ‘ตำราโหงวเฮ้ง’

ดังนั้นความสามารถในการอ่านคนของเย่เฉินรวมไปถึงตัดสินคนจากคำพูด เขาถือว่าค่อนข้างเชี่ยวชาญทีเดียว

แต่แน่นอนว่าสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งเขามองหวังเจียเหยาผิดไป

แต่กับคนตรงหน้านี้ไม่มีทางพลาดแน่

เย่เฉินกล่าวว่า “เอาโทรศัพท์มือถือออกมา”

ในเมื่อคนตรงหน้าเป็นคนของจงเหว่ย ในมือถือจะต้องมีข้อมูลหรือบันทึกการสนทนาที่เกี่ยวข้อง

ชายหนุ่มลนลานกว่าเดิม “คิดจะให้ฉันส่งมือถือให้แกเรอะ? แกคิดว่าแกเป็นใคร?”

“ต้องมีเรื่องให้ได้เลยล่ะสิ!”

เย่เฉินเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อไปสั่งสอนคนตรงหน้านี้สักหน่อย

ทว่าฉินหงเหยียนกลับกล่าวว่า “คุณเย่ ดิฉันเอง”

เย่เฉินตกใจอย่างมาก ถึงวัยรุ่นชายคนนี้ดูอ่อนปวกเปียกแต่อย่างไรเสียฉินหงเหยียนก็เป็นผู้หญิง

ผู้หญิงต้องการจะเอาชนะชายหนุ่มคนหนึ่ง เกรงว่าคงจะไม่ง่ายกระมัง?

เมื่อเห็นฉินหงเหยียนเดินมา ชายคนนั้นก็มองใบหน้าและเรือนร่างของฉินหงเหยียน ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย

“จิ๊ๆ ผู้หญิงคนนี้ได้ของดีมามากล่ะสิสวยกว่าผู้หญิงที่นอนด้วยเมื่อคืนเป็นสิบเท่าเลย! มาแม่เสือสาว โทรศัพท์อยู่ตรงนี้ ถ้าแน่จริงก็…”

ชายคนนั้นเพิ่งจะหยิบมือถือออกมายังไม่ทันได้พูดจบด้วยซ้ำ ฉินหงเหยียนก็เอื้อมมือออกไปกดเขาลงบนโต๊ะอาหารทันที!

โครม!

เย่เฉินตื่นตะลึงคิดไม่ถึงว่าฉินเหงเหยียนจะเก่งใช้ได้!

แรงขนาดนี้ถือว่ามากกว่าผู้หญิงทั่วไปมาก เมื่อต้องสู้กับผู้ชายที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักก็ถือว่าเหลือเฟือ

ฉินหงเหยียนจับมือชายคนนั้นแล้วใช้ลายนิ้วมือของเขาปลดล็อคโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็โยนให้เย่เฉิน

วัยรุุ่นชายหัวเสียอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์ของตนเองจะถูกหญิงสาวคนหนึ่งฉกไปอย่างง่ายดายแบบนี้?

นี่ทำให้เขารู้สึกขายหน้าอย่างที่สุด!

“ผู้หญิงบ้า กล้าขโมยมือถือเฮียเหรอจะเอาแกให้ตาย!”

วัยรุ่นชายร้อนรนโผไปหาฉินหงเหยียน เย่เฉินก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมเข้าไปช่วยฉินหงเหยียน

แต่ฉินหงเหยียนไม่ลนลานแม้แต่น้อย หล่อนยืนนิ่งที่เดิมไม่ไหวติงรออีกฝ่ายเดินมา หล่อนคว้าเสื้อเขาแล้วทุ่มเขาผ่านไหล่ลงบนโต๊ะอาหาร!

โครม!

“อ๊าก!”

ชายคนนั้นร้องโอดครวญ

ฉินหงเหยียนปรบมือด้วยท่าทางสะใจ “ขอโทษด้วยค่ะคุณเย่ อาหารมื้อนี้น่าจะกินไม่ได้แล้ว”

เย่เฉินมองตาค้างแล้ววางมือถือของอีกฝ่ายลง จากนั้นก็ประสานฝ่ามือ “พี่หงเหยียนเก่งกล้าจริงๆ!”

โจวหรงหรงเองก็มองด้วยใบหน้านับถือแล้วกอดเอวฉินหงเหยียน “คุณฉินเก่งจริงๆ ค่ะ คุณฉินปกป้องดิฉันด้วยนะคะ!”

ครั้งนี้วัยรุ่นชายคนนี้พ่ายแพ้ให้แก่อีกฝ่ายยับเยิน แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายเขาจึงต้องปากกล้าเหมือนไม่ยอมอีกฝ่ายเข้าไว้

“พวกผู้หญิงบ้า ถ้าแน่จริงไปสู้กันบนเตียงสิ! ฉันจะเอาเธอให้ตายไปเลย!”

ฉินหงเหยียนเดินมาแล้วฟาดฝ่ามืองบนใบหน้าชายคนนั้น

เพี้ยะ!

“ไอ่หนุ่มไม่ว่าจะสู้กันที่ไหนฉันก็เป็นคนเล่นนาย! แต่นายไม่คู่ควรที่จะได้รับความสุขนี้! มีแค่ผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงถึงจะคู่ควรให้ฉันไปลองสู้ด้วยสักครั้ง!”

ตอนที่พูดประโยคสุดท้าย สายตาของฉินหงเหยียนจับจ้องที่เย่เฉิน

ฉินหงเหยียนเป็นคนที่เก่งที่สุดในบรรดาผู้หญิงด้วยกัน ส่วนเย่เฉินเองก็เป็นคนที่มากความสามารถในวงผู้ชายด้วยกัน

ทว่าเย่เฉินกลับดูกระดากไปเล็กน้อย เขาหยิบมือถือวัยรุ่นชายคนเดิมเอามาค้นอีกครั้ง

ฉินหงเหยียนก่นด่าในใจ “สามปีมานี้ระหว่างเย่เฉินกับหวังเจียเหยาไม่มีอะไรมาก่อน ตอนนี้เขาถึงได้ยังชอบผู้หญิงแบบนั้นอยู่ต้องโทษหวังเจียเหยาคนแพศยาคนนั้น ถ้าหากเย่เฉินกับหวังเจียเหยามีสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันจริงๆ ในช่วงสามปีมานี้เขาคงจะเบื่อผู้หญิงที่บอบบางแบบนั้นแล้ว ถ้ามาเจอผู้หญิงอย่างฉันเขาจะต้องตื่นเต้นมากแน่!”

ฉินหงเหยียนจงใจเปิดเผยนิสัยด้านนี้ของตนเองให้เขาเห็น เพราะอยากให้เขาได้รู้ว่าตนเองกับเขานั้นเป็นเหมือน ‘เพชรตัดเพชร’ ยินดีต้อนรับเขามา ‘แลกเปลี่ยนฝีมือ’ กันได้ทุกเมื่อ

เย่เฉินค้นมือถือของวัยรุ่นชายก็พบว่ามีวีแชทของจงเหว่ยจริงๆ บันทึกสนทนานั้นคุยกันเรื่องจะสลับไมโครโฟนอย่างไรรวมไปถึงจะสร้างความวุ่นวายในร้านอย่างไร

เย่เฉินกดวีดีโอคอลในวีแชทไปทันที

จงเหว่ยกดรับสายอย่างรวดเร็ว

“เถ้าแก่จงไม่เจอกันนานเลยนะ”

เย่เฉินกล่าวทักทายอีกฝ่ายผ่านหน้าจอ

จงเหว่ยนิ่งไปแล้วถาม “คุณคือใคร? ทำไมถึงได้ใช้มือถือของเสี่ยวซาน?”

เย่เฉินกล่าวพร้อมหัวเราะ “เถ้าแก่จงนี่เป็นคนร่ำรวยแล้วขี้ลืมจริงๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณยังบอกว่าจะตัดทางทำมาหากินทั้งหมดในอวิ๋นโจวของผม ตอนนี้จำกันไม่ได้แล้วเหรอ?”

จงเหว่ยตกใจเล็กน้อยแล้วกล่าว “แกก็คือเขยขยะของตระกูลหวังคนนั้นนี่! ทำไมแกถึงใช้วีแชทของเสี่ยวซานได้ล่ะ? แกจะเอายังไง?”

เย่เฉินกล่าวตอบเขา “คุณส่งคนมาก่อเรื่องในร้านของผม ผมสิที่อยากจะถามว่าคุณจะเอายังไงกันแน่!”

“อะไรนะ? แกเป็นคนซื้ออวิ๋นจงอวิ๋นเหรอ?” จงเหว่ยลนลาน

เขาสงสัยอย่างมากว่าทำไมคู่ต่อสู้ของตนเองถึงได้ขายร้านอาหารทิ้งทันทีในเวลาเพียงคืนเดียว ใครเป็นคนซื้อแล้วซื้อไปทำอะไร

หากว่าอยากจะอาศัยธุรกิจอาหารเลี้ยงปากท้องนั้นใช้เงินก้อนโตซื้อร้านอาหารที่กำลังเปิดอยู่ดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก

จงเหว่ยทายว่าที่คนผู้นี้รีบร้อนเหลือเกินเป็นเพราะเขาอยากจะสร้างผลงานในแวดวงอาหารของอวิ๋นโจว!

ตอนนี้จงเหว่ยรู้แล้วว่าเพราะอะไร

จงเหว่ยเคร่งเครียดขึ้นมา “นายอยากจะล้างแค้นฉัน? ฮ่าๆ น้องชายเอ้ย ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายมีเงินมาซื้อร้านอาหารจำนวนมากขาดนี้ได้ยังไง แต่ฉันอยู่ในวงการอาหารของอวิ๋นโจวมาหลายสิบปี นายไม่มีทางชนะฉันแน่!”

เย่เฉินกล่าวว่า “ได้เลยงั้นเรามารอดูกัน”

เย่เฉินกดวางสายแล้วเตะวัยรุ่นคนนั้นออกไป จากนั้นก็รีบโทรหาหลิวเจิ้งคุนทันที

ในเมื่อนายใช้วิธีสกปรก อย่างนั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกันที่ทำกับนายแบบนี้!

“นายน้อย!” หลิวเจิ้งคุนตื้นตันอย่างยิ่งที่ได้รับสายจากเย่เฉิน

เย่เฉินสั่งเขา “ส่งลูกน้องของนายไปกินข้าวที่โหลวว่ายโหลวแล้วไปสร้างเรื่องเดือดร้อนให้พวกเขาสักหน่อย”

“รับทราบครับ!” หลิวเจิ้งคุนเข้าใจทันทีว่าเย่เฉินอยากจะให้ทำอะไร

ยี่สิบนาทีต่อมา

ชายเอเชียร่วมร้อยคนก็ไปยังร้านอาหารโหลวว่ายโหลว

“เถ้าแก่ครับ มีลูกค้ามาแล้ว! ลูกค้าเยอะมากเลย! แถมยังเป็นลูกค้าต่างชาติด้วยล่ะ!”

คนขับรถของจงเหว่ยวิ่งมาหาเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น

ในตอนแรกวันนี้โหลวว่ายโหลวเงียบเหงาผิดปกติ แขกเหรื่อโดนร้านอวิ๋นจงอวิ๋นที่อยู่ตรงข้ามแย่งไปหมดแล้ว

พอได้ยินว่ามีแขกมาเป็นจำนวนมาก จงเหว่ยก็ตื่นเต้นทันที “ฮ่าๆ บอกให้เชฟตั้งใจทำอาหาร ปรนนิบัติพวกเขาให้ดีๆ!”

ทว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา

แขกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลากหลายสัญชาติจำนวนร่วมร้อย ต่างก็นอนแผ่ไปบนโต๊ะอาหาร น้ำลายฟูมปาก

“นี่…นี่มันเรื่องอะไรกัน! หรือว่าอาหารเป็นพิษ? อย่าโหวกเหวกโวยวายไป ถ้ามีคนตายสักคนขึ้นมาฉันจะทำร้านอาหารไม่ได้แล้ว! แถมยังเป็นคนต่างชาติกันหมดเลยด้วยเนี่ย!”

จงเหว่ยรู้ดีว่าหากคนต่างชาติเกิดเรื่องขึ้นมานั้นจะวุ่นวายอย่างมาก วุ่นวายกว่าแขกที่เป็นคนในพื้นที่มากกว่าสิบเท่าตัว

ตอนเย่เฉินและฉินหงเหยียนเดินออกมาจากร้านอวิ๋นจงอวิ๋นก็ไปเจอรถพยาบาลพอดี โดยทุกคันบรรทุกลูกค้าของเขาขับออกจากร้านโหลวว่ายโหลว

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “โหลวว่ายโหลวจบเห่แล้ว!”