บทที่ 78 รู้จักกับรากเหง้า

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 78

รู้จักกับรากเหง้า

ในเวลานี้มีคนอยู่ไม่กี่คนในร้านน้ำชาแห่งนี้ หลินซีเหยียนได้ถูกพามายังห้องที่ดูดีห้องหนึ่งในร้านโดยซางกวนจิ่น หลินซีเหยียนนั้นเห็นว่าเขารู้จักที่นี่เป็นอย่างดี แสดงว่าเขาจะต้องเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้แน่

“ว่ามาไอ้น้องชาย เจ้าจะชดใช้บันไดของข้าอย่างไร?” ซางกวนจิ่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้และจ้องไปที่หลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ไม่คิดอะไรมากแล้วมองหาเก้าอี้นั่ง แต่ใครจะไปคิดว่าก้นของนางยังไม่ทันที่จะแตะเก้าอี้ นางก็ได้ยินเสียงของซางกวนจิ่นดังเข้าหูของนาง “นี่ ใครบอกให้เจ้านั่งได้กัน?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วแสยะยิ้มที่มุมปากของนาง “ท่านไม่รู้อะไรท่านซางกวนจิ่น ข้าน่ะถูกจับได้ตอนที่ข้าเข้าไปในกำแพงบ้านมหาเสนาบดีแล้ว แล้วจากนั้นข้าก็โดนทุบตีโดยคนในบ้านนั้นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ใช่เพราะข้าท่านก็คงโดนไปด้วยแล้ว”

ซางกวนจิ่นมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างสงสัยแล้วถาม “จริงรึ?”

“คนระดับรากหญ้าอย่างช้าไม่กล้าโกหกท่านหรอก ท่านลองคิดดูสิที่ท่านไม่เจอข้าเลยเพราะว่าข้าโดนทุบตีจนต้องป่วยติดเตียงไปตั้งหลายวัน เพิ่งได้ออกมาเดินวันนี้นี่แหละ” หลินซีเหยียนกล่าวโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนหรือกระโตกกระตากอะไร

หลินซีเหยียนมองไปที่ซางกวนจิ่นที่ทำท่าเหมือนจะเชื่อ นางจึงได้แอบเผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมา แต่นางไม่คิดว่าจะถูกเห็นโดยซางกวนจิ่นเสียก่อน แล้วซางกวนจิ่นก็ได้ลุกขึ้นอย่างโมโห “เจ้ากล้าหลอกข้าอย่างนั้นเหรอ?”

“ท่านซางกวนจิ่นจะเชื่อข้าหรือไม่ก็ตามแต่ แต่ว่าคุณหนูรองของจวนมหาเสนาบดีนั้นได้ฝากข้าส่งข้อความมาถึงท่าน“ หลินซีเหยียนได้ตีสีหน้านิ่งแล้วยักไหล่

ซางกวนจิ่นที่ได้ยินว่ามีข้อความมาถึงเขาจากบุตรีคนที่สองบ้านมหาเสนาบดีแล้ว ก็ได้รีบถามกลับทันที “เหยียนเอ๋อพูดถึงข้าว่าอย่างไรบ้าง?”

เหยียนเอ๋อเหรอ? หลินซีเหยียนรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ได้ยินเรียกชื่อนางเช่นนี้ นางจึงได้คิ้วขมวดแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “คุณชายซางกวนจิ่นนั้นเป็นผู้ชายมากรักตลอดเวลา อีกทั้งยังมีหนี้สินตามหลังนับไม่ถ้วน ได้โปรดอย่ามายุ่งกับนางอีกเลย”

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อจะพูดโหดร้ายเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อหรอก” ใบหน้าที่หล่อเหลาของซางกวนจิ่นนั้นก็ได้ย่นเข้ามารวมกันทันที ดูแล้วช่างน่าสงสารมาก

ส่วนหลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา นางนั้นกล้าพูดได้เลยว่าใบหน้าของซางกวนจิ่นนั้นดีเลิศกว่าที่นางเคยเห็นมานอกจากเจียงหวายเย่ แต่น่าเสียดายที่ตัวนางนั้นเชื่อแต่ในตัวเองเท่านั้น นางนั้นไม่เชื่อในความรักแม้แต่น้อย

นางนั้นเคยได้ยินเรื่องราวความรักมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องม่านประเพณี, ตำนานนางพญางูขาว, หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าล้วนแล้วแต่จบไม่สวยทั้งนั้น และในเวลานี้นางก็มี เทียนเอ๋อแล้วด้วย ดังนั้นในชีวิตนี้นางจึงไม่ได้คาดหวังสิ่งใดอีก

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังจะเดินจากไป ซางกวนจิ่นก็ได้เดินมาหาหลินซีเหยียน แล้วเขาก็จูงมือหลินซีเหยียนออกไปนอกร้าน

หลินซีเหยียนจึงได้พูดพร้อมกับคิ้วขมวด “นี่ท่านคิดจะพาข้าไปไหน?”

“ข้าไม่เชื่อที่เจ้าพูดหรอก ข้าจะไปที่จวนท่านมหาเสนาบดีเพื่อถามจากเจ้าตัวเอง” ซางกวนจิ่นที่ฟื้นคืนเรี่ยวแรงของเขากลับมาได้ก็ได้จูงพาหลินซีเหยียนออกไปด้านนอกทันที

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้ายังมีธุระมากมายที่ข้ายังไม่ได้สะสางเลย ข้าไม่มีเวลามายุ่งกับเรื่องของท่านหรอกนะ” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา

แต่ซางกวนจิ่นหาได้สนใจไม่ แล้วก็ได้พูดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล “ไอ้น้องชาย ข้าจะไม่คิดเงินค่าบันไดราคาแพงของข้าก็ได้ แต่เจ้าจะต้องช่วยข้าด้วย”

ในชั่วขณะนั้นหลินซีเหยียนนั้นอยากที่จะฆ่าเขาเสียให้ตาย ทำไมนางจะต้องโกหกเขาด้วย? แต่แล้วนางก็นึกขึ้นอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ว่านางนั้นได้หยิบเอาขวดยาที่ทำให้ร่างกายตัวแข็งทื่อและขยับไม่ได้มาด้วย

นางได้หยิบเอาผงยาออกมาแล้วหรี่สายตาลง ซึ่งนางนั้นไม่ได้รอนานมากนัก ทันทีที่ซางกวนจิ่นเผลอนางก็ได้โปรยผงยาใส่เขาทันที

“จ….เจ้าทำอะไรกับข้าน่ะ?” ซางกวนจิ่นที่ในเวลานี้ขยับตัวไม่ได้นั้น ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยความกลัว

สายตาแปลกๆนั้นได้ทำให้หลินซีเหยียนนั้นอยากจะตกรางวัลเขาด้วยการพูดให้เขาคิดได้เสียหน่อย “ท่านต่างหากล่ะที่คิดจะทำอะไร? ท่านคิดว่าข้าเหมือนคนไม่ดีมากรึยังไง?”

ซางกวนจิ่นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แล้วก็กะพริบตาอย่างรวดเร็ว หลินซีเหยียนก็ได้บุ้ยปากของนางแล้วพูดต่อ “ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ท่านสงบสติอารมณ์ ท่านหัดลองนึกถึงฐานะของบุตรีคนที่สองของจวนมหาเสนาบดีที่เป็นว่าที่พระชายาของ องค์ชายเจียงหวายเย่บ้างไหม? หากท่านไปพบกับนางเช่นนี้มันจะก่อปัญหาอย่างมากให้นางนะรู้ไหม?”

ซางกวนจิ่นได้ฟังดวงตาสีเข็มของเขาก็ได้กลอกไปมาแล้วก็หันมาจ้องที่หลินซีเหยียน “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผลอยู่?”

“ดังนั้นท่านก็ไม่ควรจะไปรบกวนแม่นางหลิน” หลินซีเหยียนพูดบอกไปตรงๆ

“แต่ถ้าข้าไม่ไปหาคุณหนูรอง แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เจ้าพูดมันเป็นเรื่องจริง? นอกจากนี้หากนางยังไม่ได้แต่งงาน ก็เท่ากับนางยังไม่ใช่พระชายาขององค์ชายเย่” สายตาที่หนักแน่นของซางกวนจิ่นนั้นทำให้หลินซีเหยียนเริ่มลังเลที่จะพูดอะไรที่อาจทำให้เข้าใจผิด

จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้ลองคิดดู “ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ถ้าเจ้าอยากจะพบแม่นางหลิน”

“เจ้ามีความคิดอะไรอย่างนั้นเหรอ?” แววตาของ ซางกวนจิ่นก็สว่างขึ้นมาแล้วถามอย่างคาดหวัง

“ข้าจะบอกความลับให้นะ” หลินซีเหยียนเดินไปหา ซางกวนจิ่นแล้วกระซิบข้างหูของเขา

ซางกวนจิ่นที่เดิมทีก็ตั้งใจฟังอยู่ แต่พอได้กลิ่นหอมที่ลอยเข้าจมูกของเขาและหูของเขาที่รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากเสียงพูดของฝ่ายตรงข้ามแล้วก็หน้าแดงขึ้นมา

หลินซีเหยียนเมื่อพูดจบก็พบความผิดปกติของ ซางกวนจิ่น และเขาก็หัวเราะออกมาแล้วกล่าว “ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่คนอย่างท่านซางกวนจิ่นเขินอายเป็นกับเขาด้วย”

“เจ้า….ออกไปห่างๆข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วเอายาแก้พิษมาให้ด้วย” ซางกวนจิ่นที่กลอกตาไปมาก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปที่ทางออกอย่างช้าๆแล้วก็พูดพร้อมหัวเราะเบาๆ “ยานี่น่ะไม่มียาแก้ผิดหรอก สักสองชั่วยามก็หายแล้ว”

“สองชั่วยาม? เจ้าคิดจะฆ่าข้ารึยังไง? เจ้า…อย่าเพิ่งไปนะ กลับมาก่อน!”

เสียงตะโกนของซางกวนจิ่นที่ค่อยๆเลือนหายไปนั้น หลินซีเหยียนก็ได้คิดเดินทางไปยังจวนท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อต่อ แต่ในขณะที่นางกำลังจะออกจากร้านน้ำชานั้นเอง นางก็พบเข้ากับคนรู้จักเข้าพอดี ซึ่งคนคนนี้ก็คือซูอวิ๋นโยวผู้ที่เคยคิดมอบถุงเครื่องหอมให้กับเยี่ยจุนเจี๋ย

“คุณชายหลินอวิ๋นเซวียนช่างบังเอิญอะไรเยี่ยงนี้” ซูอวิ๋นโยวที่ดูเหมือนจะลืมเรื่องเมื่อคราวที่แล้วไปแล้วนั้น ก็ได้ทักทายหลินซีเหยียนอย่างเป็นกันเอง

“ไม่ทราบว่าแม่นางซูกำลังจะไปไหนรึ?” หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มและตอบอย่างอ่อนโยน

ซูอวิ๋นโยวก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วจากนั้นก็พูดอย่างอายๆ “ฮูหยินของท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อได้เชิญข้าอวิ๋นโยวไปที่จวนท่านแม่ทัพ แล้วคุณชายอวิ๋นเซวียนจะไปไหนหรือเจ้าคะ?”

“ข้าเองก็กำลังจะไปที่จวนท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อเช่นกัน ทำไมเราไปเดินทางไปด้วยกันล่ะ?” หลินซีเหยียนยิ้มแล้วก็แอบคิดในใจ พ่อของซูอวิ๋นโยวนั้นคือท่านราชครูซูของฮ่องเต้นี่นา แล้วท่านยายจะเชิญนางไปทำไมกันนะ?

หลังจากที่เลิกคิด หลินซีเหยียนนั้นยังคงมีใบหน้าที่สุภาพที่นิ่งราวกับหยก นางนั้นไม่อยากที่จะรีบร้อนและคิดที่จะปล่อยให้เป็นไปดั่งสายลมที่สง่างามแต่แฝงด้วยความไม่ธรรมดา

ไม่นานนักทั้งสองคนก็ได้เดินทางมาถึงจวนท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อ ทันทีที่พวกเขาเข้ามาถึงก็พบว่าไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาสองคนที่ถูกเชิญมา ดูเหมือนว่านางจะคิดมากไปหน่อย

“อวิ๋นเซวียนในที่สุดเจ้าก็มา” เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้รีบทักทายเขาเมื่อเห็นหลินซีเหยียน และจากนั้นก็พบว่าซูอวิ๋นโยวเองก็ได้ยืนอยู่ข้างๆหลินซีเหยียนด้วย เขาจึงได้ทำเป็นกระแอมแล้วพูดขึ้น “แม่นางซูก็มาด้วยเช่นนั้นรึ?”

แล้วก็มีแววตาไม่พอใจปรากฏขึ้นมาจากในดวงตาของนางเอง แล้วจากนั้นซูอวิ๋นโยวก็ได้น้อมคำนับตอบแล้วกล่าว “ท่านแม่ของข้านั้นกำลังล้มป่วยอยู่ทำให้นางไม่สามารถที่จะเดินทางมาที่นี่ได้ นางจึงได้ไหว้วานให้ข้ามาแสดงความยินดีให้กับท่านค่ะ”

“แสดงความยินดีงั้นเหรอ? ไม่ทราบว่าที่จวนมีงานมงคลอะไรเหรอ?” หลินซีเหยียนถามอย่างคิ้วขมวด

“พวกเรากำลังจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ท่านย่าน่ะ ท่านย่าจึงอยากที่จะพบกับหลานทูนหัวของท่านน่ะ แต่ท่านปู่นั้นกลัวว่าหากบอกความจริงไปเจ้าคงไม่ยอมมาแน่ ท่านจึงได้สั่งให้ข้าห้ามบอกความจริงน่ะ” เยี่ยจุนเจี๋ยกล่าวอย่างอายๆ

“ช่างเป็นท่านปู่ทูนหัวที่แสบสันเอาเรื่องดีจริง!