หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.376 – โลกถูกทำลาย

 

นอกเหนือไปจากเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาแล้ว ก็ยังมีเครื่องจักรช่วยเหลือข้ามผ่านทะเลแห่งความขมขื่น , เครื่องขจัดโทสะแล้ว สุดท้ายก็คือเครื่องจักรสำนึกบาปที่ขีดเขียนหมายเลข 47 เอาไว้ด้านข้าง

 

มันคือเครื่องสีแดงที่ทำหน้าที่บริการถ่ายภาพด้วยตัวเองหรือที่เรียกง่ายๆว่าตู้ถ่ายสติ๊กเกอร์นั่นเอง

 

มนุษย์สามารถถ่ายภาพตัวเอง โดยภาพที่ออกมาจะเป็นอาชญากรรม ความชั่วร้าย หรือความผิดบาปที่พวกเขาเคยได้ก่อเอาไว้ และจากนั้นก็ต้องบริจาคเลือดออกไป

 

ส่วนปริมาณของเลือดที่จะต้องบริจาค ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ระดับของความผิดที่ได้ก่อเอาไว้

 

ทว่าหากเป็นผู้ที่กระทำความร้ายอย่างร้ายแรง คงไม่จำเป็นต้องใช้มัน เพราะการจะล้างความผิดบาปของพวกเขา ก็คงต้องแลกกับการบริจาคเลือดทั้งตัว!

 

ดังนั้นจะต้องเป็นผู้ที่กระทำความผิดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดกลับมาได้หลังจากที่ใช้เจ้าเครื่องจักรนี้

 

แต่ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ เจ้าสิ่งนี้น่ะเป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถใช้มันเพื่อต่อต้านเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาได้

 

หลังจากทั้งหมดนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมเล็กหรือใหญ่ หากคุณถูกพิจารณาคดีโดยเครื่องพิพากษา คนอื่นๆก็ย่อมสามารถทำการจ่ายหยดเลือดเพื่อโหวตได้

 

ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกโหวตให้รับโทษตาย ทั้งๆที่ความผิดบาปของพวกเขาก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้น

 

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจของทางฝั่งตู้ถ่ายสติ๊เกอร์จึงมีลูกค้าไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง

 

ด้วยเหตุนี้ เครื่องจักรจากปรภพที่แม้ภายนอกอาจจะดูไร้สาระเหล่านี้ กลับสามารถช่วยบรรเทาความตึงเครียดและความวิตกกังวลของผู้คนในวันสิ้นโลกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องพิพากษาความปรารถนา

 

หลังจากที่มันปรากฏตัวขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนจู่ๆก็ดีขึ้นทันตาเห็น

 

“ว่าแต่ว่านะ ไอ้รางวัลที่นายได้รับจากเครื่องจักรพิพากษามันคืออะไรกัน?” ซางหยิงฮ่าวหันไปถามเย่เฟย์หยู

 

“เป็นการดัดแปลงเทคนิคเทียนซวนของฉันน่ะ ทำให้ตอนนี้ฉันสามารถกำหนดเสียงที่ตัวเองต้องการจะได้ยินได้แล้ว” เย่เฟย์หยูตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“อ้อ งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ทีนี้นายคงจะสามารถพูดคุยกับแฟนตอนไหนก็ได้แล้วสิ”

 

“ใช่”

 

……….

 

ช่วงเวลากลางคืน

 

ณ ย่านที่ห่างไกล

 

ในที่ๆไม่ได้ถูกใช้งาน และคนอื่นๆที่อาศัยอยู่ก็ได้แยกย้ายกันออกไปจนหมดแล้ว

 

จู่ๆกลับปรากฏว่ามีกองกำลังก่อการร้ายติดอาวุธหนักกำลังห้อมล้อมสถานที่แห่งนี้อยู่

 

พวกเขากระจายตัวกันออกไปทุกทิศทาง สองตาสอดส่ายไปโดยรอบ ขณะที่สองหูตั้งใจฟังทุกสรรพเสียงที่เกิดขึ้น

 

ในใจกลางของฝูงชน เป็นพื้นที่เปิดโล่ง

 

และมีสี่ตู้เกมแห่งวันสิ้นโลกวางอยู่เคียงข้างกันที่นี่

 

กลุ่มคนลึกลับที่สวมเสื้อโค้ทสีดำพร้อมด้วยหมวกปีกกว้างกำลังยืนอยู่หน้าตู้เกมวันสิ้นโลก

 

“เริ่มกันเลยไหมท่าน?” คนหนึ่งเอ่ยถาม

 

“เริ่มได้เลย” เสียงชรากล่าวออกมา

 

ทันทีที่เสียงนี้ตกลง กลุ่มคนติดอาวุธหลายคนก็เดินเข้ามายืนอยู่ข้างตู้คีบตุ๊กตา

 

หนึ่งในนั้นจับไปที่เครื่องและกดมือของเขาลงไป

 

เครื่องคีบตุ๊กตาพลันส่องสว่าง พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้น

 

“จำเป็นต้องใช้หยดเลือด ต่อการเล่นมันหนึ่งครั้ง”

 

ติ๊งต่อง!

 

“ฉันต้องการจับตัวประธานาธิบดีของสหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง คุณสามารถทำได้หรือไม่?”

 

“โปรดระบุชื่อและอายุของเขา”

 

ชายคนนั้นตอบกลับไป

 

และเครื่องคีบตุ๊กตาก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะสารภาพว่า “กระผมไม่สามารถจับตัวคนๆนี้ได้”

 

“ทำไมกัน? เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างงั้นหรอ?” ชายคนนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

“เปล่า แต่เป็นเพราะว่าคุณมีความชั่วร้ายอยู่ในจิตใจต่างหาก”

 

ชายคนนั้นหันศีรษะของเขาไปมองด้านหลัง

 

“เปลี่ยนเครื่องซิ” เสียงชรากล่าว

 

จากนั้นชายติดอาวุธก็เดินไปที่เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาและกล่าวว่า “ฉันต้องการพิพากษาคน”

 

และเสียงตอบสนองก็กังวานขึ้นทันที

 

“ลูกค้าที่เคารพ โปรดระบุตัวคนบาปที่คุณต้องการจะพิพากษาด้วยว่าเขาเป็นใคร”

 

ชายคนนั้นเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบว่า “ฉันต้องการพิพากษาประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลาง”

 

“กระผมไม่สามารถพิพากษาคนๆนี้ได้” เครื่องจักรสารภาพ

 

“ทำไมกัน? ก่อนหน้านี้ประธานศาลแห่งรัฐบาลกลางยังถูกคุณพิพากษาได้เลย แล้วทำไมพอเป็นประธานาธิบดีแล้วถึงไม่ได้กัน?” ชายคนนั้นถาม

 

เครื่องจักรตอบ “แม้ว่าเขาจะเป็นคนเจ้าเล่ห์จอมวางแผนก็จริง แต่ทั้งหมดที่ทำมันก็เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คนบาป”

 

หลายคนหันมามองหน้ากันอย่างว่างเปล่า

 

“บัดซบเอ๊ย!” เสียงชราตวาดคำหนึ่ง

 

“นี่มันแปลกจริงๆ เราได้ฆ่ามันไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ยังกลับมาลอยหน้าลอยตาได้” เสียงชรากล่าว “คราวนี้แม้กระทั่งเจ้าพวกเครื่องบ้าๆนี่ก็ยังคิดปกป้องมันอีก!”

 

“ในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลกลาง เราได้ใช้วิธีการคล้ายคลึงกับแบบนี้ทำการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีมาหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมพอมาถึงยุคของเจ้าบ้านี่มันถึงได้ล้มเหลวซะทุกครั้งเลยกัน?” เสียงชราบ่น

 

“ปัญหาสำคัญก็คือ จำนวนคนที่เอนเอียงไปทางมันเริ่มจะมีจำนวนมากขึ้นอีก”

 

“ไม่ว่าจะเป็นเทพนักสู้จากตระกูลซาง กับเจ้านักฆ่ารุ่นใหม่นั่นที่กำลังปกป้องมัน”

 

“แล้วก็เจ้านักวิทยาศาสตร์ที่แสนจะน่ารังเกียจนั่นอีก!”

 

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ว่านโยบายอะไรที่มันปล่อยออกมาใหม่ คะแนนเสียงก็คงจะโหวตให้ผ่านทั้งหมด!”

 

“ไปเตรียมการลอบสังหารครั้งต่อไปซะ ถ้ามันเป็นแมวเก้าชีวิตไม่ยอมตายซักที ฉันนี่แหละจะเป็นคนฆ่ามันจนกว่าจะครบทั้ง 9 ชีวิตเอง!”

 

“รับทราบ!”

 

หลังจากกล่าวจบ คนเหล่านั้นก็ถอนกำลังออกจากย่านพื้นที่ห่างไกลนี้ไปอย่างรวดเร็ว

 

……..

 

“งั้นฟังก์ชั่นของพวกคุณก็เป็นแบบนี้เองสินะ?” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

“ใช่” เครื่องจักรพิพากษากล่าว

 

“แล้วเรื่องนรกล่ะจะว่ายังไง?”

 

เครื่องพิพากษากล่าว “โปรดลองดูที่หมายเลขของพวกเราสิ”

 

“ฉันเห็นแล้ว แต่ละเครื่องที่มาถึงมันแตกต่างกันมี  1 , 12 , 23 , 47”

 

“เครื่องจักรที่คอยจัดการธุระทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทางปรภพ มีทั้งสิ้นตั้งแต่หมายเลข 1 ถึง 88 โดยสิ้นเชิงแล้วจึงมี 88 เครื่อง”

 

“ในฐานะที่เป็นเครื่องจักรที่คอยจัดการชีวิตความเป็นไปตามแต่ละวันในปรภพ พวกเราจึงสามารถจัดการได้ทุกปัญหา และนอกจากนี้ยังมีความสามารถให้การให้ความบันเทิงอีกด้วย”

 

“นี่ก็เพื่อบรรเทาความกดดันจากการทำงานของพวกอสูรกาย และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของอสูรกายในปรภพให้ดียิ่งขึ้น”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “แล้วพวกเครื่องจักรที่รับผิดชอบในการต่อสู้กับนรก หรือเครื่องจักรที่ใช้รับมือกับพวกคนตายล่ะ?”

 

“นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่โชคร้ายจริงๆ ที่ในระหว่างเดินทางมายังโลก เว้นไว้เพียงแต่พวกเราทั้ง 4 เครื่อง , เครื่องอื่นๆต่างก็ล้วนได้รับความเสียหาย”

 

“แล้วพวกเขาได้รับความเสียหายได้อย่างไร?”

 

“เส้นทางเข้าสู่โลกตอนนี้มันอันตรายมาก และไม่ง่ายเลยที่จะมาถึง”

 

“แล้วไม่มีกำลังเสริมอื่นๆอีกเลยหรอ?”

 

“ก็มีนะอย่างเช่น ‘สิ่งประดิษฐ์เทวะจากยุคโบราราณ’ แต่พวกเขายังคงหาพยายามรักษาทางปรภพอยู่ ก็เลยยังมาไม่ได้ ดังนั้นกำลังเสริมจึงมีเพียงแค่พวกเราเท่านั้น”

 

“หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกคุณทั้ง 4 เครื่องมันไม่เพียงพอที่จะสามารถรับมือกับนรกได้ใช่ไหม?”

 

“เพียงพวกเรา 4 เครื่อง ย่อมไม่สามารถทำได้จริงๆ”

 

……

 

กู่ฉิงซานหันไปมองคนอื่นๆ แล้วก็เห็นถึงประกายแห่งความสิ้นหวังอันลึกล้ำในแววตาของอีกฝ่าย

 

“ใต้เท้า มีข้อมูลเร่งด่วนถูกส่งเข้ามา!”

 

จู่ๆเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น

 

พร้อมกับจอม่านแสงที่ผุดออกมา

 

บนทะเลทราย ปราสาทขนาดใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นและเสร็จสมบูรณ์แล้ว!

 

เหล่ายักษ์เริ่มที่จะเดินออกมาสำรวจนอกทะเลทราย และทำการโจมตีเมือง

 

ด้วยพลังอำนาจอันเหนือชั้นที่พวกมันมี เพียงโบกมือและย่ำเท้าลงไป ก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถโจมตีเมืองและยึดครองได้โดยง่าย!

 

กองยานรบประจัญบานของรัฐบาลกลางกำลังระดมยิงปืนใหญ่จากบนท้องฟ้าลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดาย ที่มันดูจะส่งผลแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

พอโดนมากๆเข้าก็ชักจะรำคาญ ร่างยักษ์ใหญ่ที่สูงโดดเด่นกว่าตัวอื่นๆเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า กล้ามเนื้อบนสองขาของมันเกร็งแน่นและตึง!  ทะยานขึ้นไปยังเบื้องบนด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มันมี

 

มันกระโดดขึ้นไปในอากาศ และคว้าจับยานรบประจัญบายลำหนึ่งเอาไว้

 

“ฮว๊ากกกกกกก จงลงมาซะดีๆ!” ยักษ์ใหญ่คำรามลั่น

 

แล้วมันก็ใช้น้ำหนักตัว ลากยานรบประจัญบานลงมาจากท้องฟ้า

 

ตูมมม!

 

ยานรบกระแทกกับพื้นดิน บังเกิดทั้งแรงทั้งเสียงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั้งตลอดทั้งสวรรค์และโลก

 

ยานรบประจัญบานลำอื่นที่ลอยลำอยู่บนอากาศรีบยกระดับขึ้นไปซ่อนตัวในที่สูงกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าพวกคนเป็น จงยอมจำนนเสีย แล้วจากนั้นก็เฝ้ารอคอยมาเป็นอาหารของพวกเราซะ!” ยักษ์ใหญ่หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง

 

ม่านแสงสว่างวาบ

 

ณ เมืองหลวงของสาธารณรัฐฟูซี

 

โลงศพยักษ์ได้ผุดออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าอีกครั้ง

 

พวกมันลอยอยู่เหนือระดับตัวเมืองอย่างเงียบๆ และทยอยกันเพิ่มปริมาณมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ทุกประเภทของเสียงคร่ำครวญโหยหวนแปลกๆด้วยความเจ็บปวด ดังลอดออกมาจากโลงศพ

 

และม่านแสงก็สว่างวาบอีกครั้ง

 

คราวนี้เป็นเมืองหลวงของรัฐบาลกลาง

 

ที่มีโลงศพยักษ์ปกคลุมหนาแน่นไปทั่วผืนฟ้า!

 

การที่เมืองหลวงของทั้งสองประเทศถูกปกคลุมด้วยนรกเช่นนี้ … มันย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่!

 

กู่ฉิงซานเฝ้าดูแต่ละฉากในจอม่านแสง เขาค่อยๆสูดหายใจลึกๆอย่างช้าๆ

 

เขารีบสงบใจและเอ่ยถามออกไป “แล้วทางฝั่งนรกเยือกแข็งเป็นยังไงบ้าง?”

 

จอม่านแสงสลับเปลี่ยนภาพไป

 

ในมุมมองจากดาวเทียมบนอวกาศ พื้นที่ขนาดเล็กๆกว่าครึ่งหนึ่งของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นพื้นที่สีขาวไปแล้ว

 

หิมะและน้ำแข็งกำลังกัดกินดินแดนของประเทศนี้อย่างเงียบๆ

 

“ใต้เท้า นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ใหม่ปรากฏขึ้นอีกด้วย” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

 

“ยังมีสถานการณ์ใหม่ … เพิ่มขึ้นอีกหรือ” กู่ฉิงซานเอ่ยทวนซ้ำอย่างช้าๆ

 

จอม่านแสงสว่างวาบ

 

ภายในภาพ มันคือประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งในโลก

 

และกำลังเกิดแผ่นดินไหวปะทุขึ้นอยู่บนประเทศนี้

 

บ้านถล่มลงมา ตัวสะพานแขวนได้รับความเสียหาย ประชาชนกำลังกรีดร้องหลบหนีไปทั่วทุกสถานที่

 

ทว่าแผ่นดินไหวกลับยังคงปะทุอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยหยุดนิ่งเลย

 

ใต้พื้นดินลงไป มีโครงกระดูกขาวผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

 

โครงกระดูกเหล่านี้ถูกซ้อนกันเป็นชั้นๆ กองๆกันจนกลายเป็นภูเขาโครงกระดูกสีขาว

 

แผ่นดินยังคงไหวต่อเนื่อง และซากโครงกระดูกแห้งกรังยังคงผุดออกมาจากใต้ดินตลอดเวลา และกระบวนการนี้กินเวลาเป็นหลายชั่วโมง

 

“ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าคุกกระดูกก็จะมายังโลกใบนี้แล้วด้วยเหมือนกัน” เครื่องพิพากษาความปรารถนาจ้องไปในจอม่านแสง ถอนหายใจด้วยความหดหู่

 

กู่ฉิงซานไม่อาจฝืนยับยั้งตัวเองได้อีกต่อแล้ว เขาหันไปเผชิญหน้ากับเครื่องพิพากษาและเร่งถามออกไป “มันเกิดอะไรขึ้นกับทางปรภพกันแน่? บอกให้พวกเรารู้สึกนิดเลยก็ไม่ได้หรือ?”

 

เครื่องพิพากษากล่าวอย่างสงบ “บอกไม่ได้หรอก นี่ก็เพื่อประโยชน์ของตัวนายเองนะ”

 

กู่ฉิงซาน “โลกกำลังจะพินาศอยู่แล้ว เรื่องประโยชน์บ้าบออะไรนั่นฉันไม่สนแล้ว!”

 

เครื่องพิพากษาอธิบายออกมาในที่สุด “มีเพียงสิ่งมีชีวิตระดับเทพวิญญาณเท่านั้นที่สามารถมองเห็นถึงมันได้ แต่ไม่สามารถกล่าวถึงได้”

 

“มิฉะนั้นทันทีที่นายพูดอะไรเกี่ยวกับมัน การดำรงอยู่ของบางสิ่งที่ดุร้ายและแข็งแกร่งเป็นพิเศษจะรับรู้ทันที และมันจะไล่ตามเสียงนั้นมุ่งมายังที่โลกใบนี้โดยตรง”

 

“เชื่อกระผมเถอะ ว่าถ้าบอกออกไปแล้วนายคงไม่แคล้วจะต้องตายทันที”

 

กู่ฉิงซานเงียบไป

 

เขากำลังเฝ้าดู ‘สี่นรก’ ที่อุบัติขึ้นบนจอม่านแสง

 

ดูเหมือนว่าเวลานี้ มนุษยชาติคงต้องสูญพันธุ์เป็นแน่

 

โลกได้มาถึงจุดจบแล้ว …

 

เหลียวฮังหันหลังและวิ่งปลีกตัวออกไป

 

“เฮ้ย นั่นคุณจะไปไหนน่ะ?” เย่เฟย์หยูตะโกน

 

“เทพธิดากงเจิ้ง ช่วยอนุมัติสิทธิ์ให้ฉันสร้างยานอวกาศใหม่เร็วเข้า – พวกเราจะหนีออกจากดาวดวงนี้กัน!” เหลียวฮังวิ่ง ขณะเดียวกันก็ตะโกนออกมา

 

“ใต้เท้า อนุมัติสิทธิ์ให้เขาหรือไม่?” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยถาม

 

และเธอก็เอ่ยเสริมว่า “หากวิเคราะห์ตามสถานกาณ์ โลกกำลังจะถูกทำลายลง และกลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการหนีออกจากโลกก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น”

 

“นอกจากนี้ ยานอวกาศขนาดใหญ่ที่มีอยู่อาจจะถูกพบเจอกับมอนสเตอร์เอกภพได้โดยง่าย แต่มิสเตอร์เหลียวฮังน่ะเคยควบคุมยานอวกาศขนาดเล็กมาหลายปี ดังนั้นจึงมีประสบการณ์มากมายในการขับเคลื่อนยานในอวกาศ – ฉะนั้นการปะทะเข้ากับมอนสเตอร์เอกภพจึงมีโอกาสเป็นไปได้ต่ำมากหากคุณไปกับเขา นอกจากนี้มิสเตอร์เหลียวยังมีเทคโนโลยีจั๊มป์เอาไว้ในครอบครองอีกด้วย นี่จะช่วยรับประกันได้ว่าหากพบเจออันตราย คุณก็จะยังคงสามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้”

 

“แล้วยังไง? จากนั้นก็ใช้ชีวิตไปวันๆ เตร็ดเตร่ไปทั่วจักรวาลตลอดไปยังงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยเสียงเย็น

 

พอถูกอีกฝ่ายดุ เทพธิดากงเจิ้งก็เงียบไป