ตอนที่ 62 สระมังกรโลหิต Ink Stone_Romance
“อาเลี่ย ที่นี่คือที่ที่เจ้าอยู่หรือ?” หลิวหลีมองดูรอบๆ ช่างกว้างขวางสะอาดสะอ้านเสียจริง ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเลยแม้แต่น้อย
“แค่กๆ ก็แค่ข้าคนเดียว ก็ง่ายๆอย่างไรก็ได้” เอ๋าเลี่ยหน้าแดงระเรื่อ เขาโสดมาเป็นหมื่นปี จะไปจัดการเรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน
“เอ๊ะ ทำไมพลังบำเพ็ญเพียรของข้าถึงขึ้นมาอยู่ในช่วงอมตะขั้นสุดยอดแล้วล่ะ แล้วดูเหมือนจะไม่ใช่แค่นั้นด้วย” หลิวหลีรู้สึกว่าทำไมพลังบำเพ็ญเพียรของตัวเองอยู่ดีๆก็เพิ่มขึ้น ไม่เข้าใจเลย
“นังหนู คู่พันธสัญญาระดับสูง สามารถช่วยเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียร ร่างแยกของข้าพลังบำเพ็ญอยู่แค่ในช่วงแยกจิต แต่ร่างเดิมอยู่ในช่วงมหายาน” เอ๋าเลี่ยอธิบาย
“ดังนั้นพลังบำเพ็ญเพียรของข้าก็เลยเพิ่มขึ้นเพราะเจ้ากลับคืนสู่ร่างเดิม แกนรากฐานจะไม่มั่นคงหรือเปล่า?” หลิวหลีรู้สึกเป็นกังวล ตนเองไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ แกนรากฐานจะมีปัญหาหรือไม่ ต้องดูเสียหน่อยแล้ว
“นังหนู วางใจเถอะ ไม่หรอก อย่างมากเจ้าก็แค่ต้องใช้มันให้คุ้นชินเท่านั้น เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปสถานที่อีกแห่งหนึ่ง นังหนู เจ้าต้องอดทนให้ได้นะ” เอ๋าเลี่ยรู้สึกพออกพอใจที่นางเป็นกังวล ไม่หลงระเริง แต่กลับเป็นห่วงใยว่าแกนพื้นฐานของตนเองจะมั่นคงหรือไม่
“ที่ไหนหรือ?” ความอยากรู้ของหลิวหลีถูกจุดประกายขึ้น
“สระมังกรโลหิต” สระมังกรโลหิตเป็นสถานที่ในการบำเพ็ญฝึกฝนของเผ่ามังกร ยิ่งมีวิชาฝึกฝนร่างกายสูง สระมังกรโลหิตก็จะยิ่งส่งผลดีมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งแช่นาน ร่างกายก็จะยิ่งแข็งแรงขึ้น ถึงแม้การแช่ในสระจะลำบาก แต่กลับส่งผลดีต่อการฝึกฝนคัมภีร์มังกรนพเก้าเป็นอย่างมาก
“ข้าไปได้หรือ?” ที่นี่ถือเป็นอาณาเขตของเผ่ามังกร อาเลี่ยจะทำตามอำเภอใจมากเกินไปหนือเปล่า ทำให้หลิวหลีเกรงใจอยู่เล็กน้อย
“แน่นอน นังหนู ข้าเป็นเทพสงครามของเผ่ามังกร ออกรบกี่ครั้งก็ชนะทุกครั้งไป ถึงตอนนี้เหล่าเด็กน้อยในเผ่ามังกรค่อนข้างจะโดนประคบประหงมดูแลจนเกินไป ตอนนี้เจ้ากำลังปลุกสติพวกเขาว่ามังกรที่อยู่สบายจะทำอะไรได้” เอ๋าเลี่ยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงเขาจะไม่ชอบเผ่ามังกร แต่ก็ไม่อยากเห็นเผ่ามังกรรุ่นต่อไปโดนประคบประหงมเสียจนต่อสู้ไม่เป็น
“ฮ่าฮ่า อาเลี่ยเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” เดาว่าแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถฟาดให้ตนเองลอยได้
“ไม่หรอก คนอื่นทำไม่ได้แน่นอน แต่เจ้าไม่มีปัญหาแน่” เอ๋าเลี่ยไม่ได้พูดประโยคหลังจากนั้น ขอแค่เป็นพวกมังกร งู เจ้าก็จะสามารถสังหารพวกมันได้
“ไปเถอะ เดี๋ยวข้าพาเจ้าไป อีกอย่างมันไม่เสียเวลาเจ้าไปเข้าร่วมการประลองระหว่างสกุลหรอก” เอ๋าเลี่ยเดินนำหลิวหลีเพื่อพาออกไป
เอ๋าป๋อเหวินมีบางเรื่องที่ต้องการจะมารายงานต่อท่านปรมาจารย์เอ๋าเลี่ย อยู่ๆประตูก็เปิดออกมาเอง ผู้ที่เดินออกมาเป็นชายหนุ่มรูปงามราวรูปสลักซึ่งคือท่านปรมาจารย์เอ๋าเลี่ยจากเผ่ามังกรแน่ เพียงแต่ว่าสาวน้อยที่เขาจับจูง เอ๋าป๋อเหวินจึงมีความคิดประหลาด ท่านปรมาจารย์เข้าฌานทำไมถึงได้มีเด็กสาวอยู่ด้านในได้ คงไม่ใช่จะไม่ใช่ท่านยายกระมัง!
“ป๋อเหวิน คารวะท่านปรมาจารย์ คารวะท่านยาย”
“อาเลี่ย เขาเรียกข้าว่าอะไร?” หลิวหลีถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนักพลางชี้นิ้วที่จมูกตน ใครจะไปรู้ว่าพอเปิดประตูก็มีชายหนุ่มรูปงามวัยกลางคนอยู่ด้านนอก เแต่ท่านยายที่เป็นคำเรียกอะไรกัน นางเพิ่งจะอายุ 20 ไม่ได้มีหลานโตขนาดนี้เสียหน่อย!
“นังหนู อย่าถือสาเลย” เอ๋าเลี่ยกลั้นหัวเราะอย่างยากลำบาก ฮ่าฮ่า ท่านยาย
“ฮ่าฮ่า ป๋อเหวิน เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไร?”
“เรียนท่านปรมาจารย์ การประลองระหว่างห้าสกุลกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ท่านปรมาจารย์จะไปไหมขอรับ” เอ๋าป๋อเหวินก็รู้สึกสงสัย ทำไมผู้นำสกุลหลงถึงได้เชื้อเชิญพวกเขา
“ไปสิ ไม่ไปก็ไม่ได้ แต่ว่าอาจจะไปช้าสักหน่อย” ไม่ไปได้หรือ แต่ในฐานะที่เป็นคู่พันธสัญญาของหลิวหลี เขาจำเป็นต้องไป
“ได้ขอรับ เช่นนั้นข้าจะรายงานต่อผู้นำสกุลหลง”
“ใช่แล้ว เหอะๆ นี่คือคู่พันธสัญญาของข้า หลิวหลี”
เอ๋าป๋อเหวินตัวแข็งค้าง ท่านปรมาจารย์บำเพ็ญเพียรใหม่มิใช่หรือ ทำไมถึงไปทำพันธสัญญากับมนุษย์ได้ แถมยังเป็นเด็กที่เพิ่งจะอยู่ในช่วงอมตะด้วย น่ารังเกียจจริงๆ
“หลิวหลีนี่คือผู้นำเผ่ามังกรป๋อเหวิน”
แน่นอนว่าหลิวหลีต้องเห็นสีหน้ารังเกียจของผู้นำเผ่ามังกร จึงเก็บถุงเก็บของที่กำลังจะมอบให้เป็นของขวัญเอาไว้ แน่นอนว่าเอ๋าเลี่ยย่อมไม่พลาดท่าทางเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ของหลิวหลี ไม่รู้ว่าตาแก่ป๋อเหวินรู้แล้วจะอึดอัดใจหรือไม่ นังหนูเป็นถึงนักปรุงยาระดับ 6 เชียว
เอ๋าป๋อเหวินจากไปไม่ไกลนัก หลิวหลีก็จงใจพูดกับเอ๋าเลี่ยขึ้ย “อาเลี่ย ทายาทเจ้ารังเกียจข้า ข้าอุตส่าห์เตรียมถุงเก็บของไว้ตั้งเยอะ คิดว่าจะเอามามอบให้เป็นของขวัญที่พบกัน”
“นังหนูเตรียมอะไรมาหรือ?”
“ยาระดับ 4 คุณภาพคุณภาพชั้นเลิศ 100 เม็ด ยาระดับ 5 คุณภาพชั้นเลิศ 50 เม็ด ยาระดับ 6 คุณภาพชั้นเลิศ 10 เม็ด ข้ายังทำมาหลายรสชาติด้วย และเป็นยาที่มีสรรพคุณต่างกัน อาเลี่ย หรือเป็นเพราะว่าฐานะนักปรุงยาระดับ 6 ของข้ามันไม่เพียงพอ ก็จริง ข้ามัอายุแค่ 20 กว่าๆ คงจะเด็กเกินไป เฮ้อ” คำพูดของหลิวหลีทำให้เอ๋าป๋อเหวินที่ยังไปได้ไม่ไกลนักเจ็บปวด ดูสิ เมื่อครู่เขาได้ล่วงเกินนักปรุงยาระดับ 6 ที่มีความสามารถไร้ขีดจำกัดท่านนี้ อายุเพิ่งจะ 20 ปีก็กลายเป็นนักปรุงยา ทั้งยังเป็นหลิวหลีผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องระบือไกลในช่วงก่อน คิดไม่ถึงว่าเขาล่วงจะเกินนาง เผ่ามังกรของเขาค่อนข้างขาดแคลนยา คราวก่อนที่ท่านปรมาจารย์นำยาผงมาให้ ปัญหาของมังกรตัวน้อยก็ได้รับการแก้ไข แต่ว่ายังมีมังกรอีกจำนวนมากที่ต้องการยาศักดิ์สิทธิ์ แต่เขากลับปฏิเสธยาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากขนาดนั้น อีกทั้งยังเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศอีกด้วย! มันไม่ควรจะดูถูกคู่พันธสัญญาของท่านปรมาจารย์เลยจริง ๆ
“นังหนู พอได้แล้ว” ทำไมจะดูไม่ออกว่าหลิวหลีจงใจ หลิวหลีแลบลิ้น หลังจากผ่านงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ หลิวหลีถึงได้รู้ว่าตำแหน่งนักปรุงยาระดับ 6 ของตนถือได้ว่าพอตัวเอาการ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะได้รับคำชื่นชมจากทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องรสชาติของยาที่เลื่องลือ พูดได้ว่าชื่อเสียงของหลิวหลีโด่งดังไปทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียร ไม่มีใครไม่รู้จักนาง เมื่อ 3 พี่น้องหลงจิ่งหลินได้ยินก็ลอบดีใจ นี่คือลูกหลานบ้านสกุลหลงของเขา แต่สถานะของหลิวหลียังไม่ได้เปิดเผยเท่านั้นเอง
“ไปสิ ข้าจะพาเจ้าไปที่สระมังกรโลหิต” ทำไมเอ๋าเลี่ยจะดูไม่ออกว่านังหนูจงใจ ดูจากการที่นังหนูยัดถุงเก็บของใส่มือให้เขา
ณ สระมังกรโลหิต เอ๋าเลี่ยบอกให้หลิวหลีมอบจื่อฉีและหงหลินให้เขา หลิวหลีพยักหน้ารับรู้ จากนั้นหลิวหลีก็ลูบบั้นท้ายตนเอง อาเลี่ย รอข้าออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ข้าจะตัดอาหารเจ้า ไม่รู้หรืออย่างไรว่านางเป็นเด็กผู้หญิง ถึงได้มีท่าทีหยาบคายเช่นนี้
หลิวหลีสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วจึงก้าวลงสระมังกรโลหิต ทรมานมากจริงๆ หลิวหลีจึงข่มความเจ็บปวดแล้วเดินเข้าไปในสระมังกรโลหิต นั่งลงฝึกบำเพ็ญในท่าที่ตนเองทนไหว เมื่อรู้สึกสบายตัวแล้วจึงค่อยๆเดินเข้าไปด้านในทีละก้าว เดินเข้าไปใกล้กับจุดศูนย์กลางโดยไม่รู้ตัว มังกรตัวน้อยที่อยู่รอบๆต่างก็พากันมองหลิวหลี
“นี่เป็นมังกรตัวเมียมาจากไหนเนี่ย ถึงขนาดใช้ร่างแแปลงมา”
“นั่นสิ แต่สุดยอดจริงๆ นางฝึกบำเพ็ญอยู่ที่จุดศูนย์กลางมาสักพักแล้ว พวกเรายังไม่กล้าไปตรงนั้นเลย”
“ลองถามดูสิว่าเป็นมังกรตัวเมียจากที่ไหน ข้าอยากได้นางมาเป็นคู่ของข้า”
“ของข้า” บรรดามังกรตัวผู้ตัวน้อยที่อยู่บริเวณรอบข้างทะเลาะกัน แต่พวกมันก็พยายามที่จะอดทนให้ได้เหมือนหลิวหลี พวกมังกรตัวน้อยค่อยๆพบว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อย เริ่มเข้าใจหลักการที่ว่าผู้ที่สามารถทนกับความทุกข์ที่แสนสาหัสได้ จึงจะเรียกได้เป็นคนเหนือคน แล้วก็ยิ่งนับถือมังกรตัวเมียที่ยังคงอดทนอยู่มากขึ้น
หลิวหลีไม่ถูกรบกวนจากภายนอก ‘เคล็ดวิชามังกรนพเก้า’ ดูเหมือนจะมั่นคงไม่น้อย แต่ก่อนนี้ถึงแม้ว่าจะฝึกสำเร็จแต่ก็ไม่มั่นคงมากนัก ตอนนี้ นางได้แก้ไขจุดบกพร่องนั้น เพราะพลังบำเพ็ญเพียรที่เพิ่มขึ้นของเอ๋าเลี่ยก็มั่นคงแล้วเช่นกัน หลิวหลีอยู่ที่จุดศูนย์กลางกลับรู้สึกทรมาน แต่ถึงทรมาน นางก็กัดฟันอดทน จนหลิวหลีรู้สึกอิ่มเอมแล้วจึงลืมตาขึ้น ก็พบสายตาสงสัยมองมาที่ตนเอง ประหลาดจริง เกิดอะไรขึ้น
…………………………………………….