บทที่ 64 เรียกกลับ Ink Stone_Romance

เมื่อเห็นคนเข้าไปหยิบสิ่งของจากเซียนหญิงจริงๆ คนรอบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดัง

“พ่อค้าอู๋ไม่กลัวว่ากินแล้วจะเดินไม่ได้หรือ”

คนในฝูงชนตะโกนถามอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะ

เซียนหญิงหลายรูปเข้าใจความหมายที่ตะโกนออกมา จึงกลั้นความรู้สึกไม่ได้ที่จะทั้งโกรธทั้งอาย ทว่าเจ้าอาวาสซุนกวนจูกลับหน้านิ่ง ไม่แยแส

คนชั่วไม่อยู่แล้ว ความอับอายจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน

“ไม่กลัว ไม่กลัว” พ่อค้าอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้มและเดินก้าวไปข้างหน้าต่อไป

เมื่อก้าวไปแล้ว จะให้ถอยหลังกลับ จะมิดูเป็นคนขี้ขลาดตาขาวหรือ

“อนุโมทนา อนุโมทนา” เจ้าอาวาสซุนไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าท่าทาง แต่กลับอมยิ้ม แล้วหยิบขนมโก๋สองถึงสามชิ้นส่งให้กับพ่อค้าด้วยตัวเอง

ขนมทรงกลมขนาดเล็ก พิมพ์ด้วยลายกดคมชัดสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

พ่อค้าอู๋ประหลาดใจยิ่งนัก

“เซียนหญิง นี่คืออะไรหรือ” เขาเอ่ยถาม

“ขนมไหว้พระจันทร์” เจ้าอาวาสซุนเหลือบมองแล้วยิ้ม “วันที่สิบห้าสิงหาคมเป็นวันไหว้พระจันทร์ ขนมนี้มีความหมายว่าอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าและโชคดี”

มีคนแรก คนอื่นๆ จึงค่อยๆ กล้าทยอยเข้ามารับมากขึ้น

เมื่อชุนหลานพร้อมกับบ่าวเดินทางมาถึง ด้านหน้าของวัดเสวียนเมี่ยวคึกคักนัก

ชุนหลานมองถุงกระดาษเคลือบน้ำมันที่มีคนยื่นให้อย่างประหลาดใจ

“นี่คือผลไม้ดองหรือ” นางถาม

“ใช่แล้วแม่หญิง เป็นผลไม้ดองที่ทางวัดเสวียนเมี่ยวเราใช้ไหว้ในวันไหว้พระจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของการส่งความสุข” เด็กน้อยกล่าวพร้อมกับแสดงความเคารพอย่างสวยงาม

วัดเต๋าเล็กๆ เช่นนี้จะมีของดีอะไร คงทำเป็นสิริมงคลเพียงเท่านั้น

ชุนหลานโยนถุงกระดาษลงตะกร้าไม้ไผ่ที่บ่าวข้างๆ ถืออยู่

“วัดเสวียนเมี่ยวน้อยต้องเดินไปทางไหนหรือ” นางถาม

“แม่นาง วัดเสวียนเมี่ยวน้อยไม่ได้ชื่อว่าวัดเสวียนเมี่ยวน้อยแล้ว เรียกเป็นวังไท่ผิงแทน” เด็กน้อยรีบแก้ แล้วมองสังเกตไปที่ผู้หญิงนางนั้นอย่างละเอียด

ไม่ใช่ผู้ที่จะเข้าไปจุดธูปเพื่อบูชาอย่างแน่นอน . . .

“วังไท่ผิงหรือ” ชุนหลานประหลาดใจ “ตั้งชื่อได้แปลกนัก”

“ไม่แปลก ไม่แปลก ชื่อนี้หมายถึงความสงบสุขร่มเย็น” เด็กน้อยพูดอย่างรีบร้อน

ชุนหลานเบ้ปาก ขี้เกียจใส่ใจเด็กน้อยนั่นแล้ว จึงเดินขึ้นเขาไป

“แม่หญิงมาตามหาคนมิใช่หรือ” เด็กน้อยถาม “พี่ปั้นฉินออกไปแล้ว”

ชุนหลานหยุดแล้วหันหลังกลับมามองนาง

“เช้าขนาดนี้ออกไปข้างนอกแล้วหรือ นางไม่ต้องดูแลนายหญิงบ้านางนั้นหรอกหรือ” นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เด็กน้อยเปิดประตูด้วยตัวเอง ทำให้เซียนหญิงที่เฝ้าประตูก็ประหลาดใจเมื่อได้เจอกับคนแปลกหน้า

“มาหาพี่สาวปั้นฉินเจ้าค่ะ” เด็กน้อยที่นำทางกล่าวอย่างรีบร้อน

“พี่ปั้นฉินเข้าเมืองตั้งแต่เช้าแล้ว” เซียนหญิงรีบตอบ

 “หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าเป็นคนของที่บ้าน มาส่งอาหารและเงินให้แก่พวกนาง พวกเจ้าช่วยรับแทนก่อนแล้วกัน” ชุนหลานกล่าว

เซียนหญิงทั้งสองสบตากัน

“ท่านอาจารย์บอกไว้ว่าห้ามมารบกวนนายหญิงผู้นี้” เซียนหญิงที่อายุมากกล่าวพลางมองไปที่ประตูหลังบ้านอย่างระมัดระวัง

ลานกว้างเงียบสงบ

“นี่ไม่ได้มารบกวน เป็นคนของตระกูลนายหญิง ต้องไปบอกนายหญิงท่านเสียก่อน” เด็กน้อยกล่าว

นางเคาะประตูขณะที่กำลังพูดอยู่

“เข้ามาได้”

เสียงแข็งกระด้างของหญิงสาวดังมาจากด้านในของประตู

เด็กน้อยเดินเข้าไปอย่างมีความสุข

ประตูบ้านเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ทำให้มองเห็นหญิงสาวนั่งอยู่หน้าฉากกั้นห้อง

นางเงยหน้าขึ้นมอง แววตานี้ทำให้เด็กน้อยที่กำลังเดินอยู่หยุดเดินโดยไม่รู้ตัว

“นายหญิง คนที่บ้านมาหาและเอาของมาให้เจ้าค่ะ” นางกล่าวโดยจงใจชะลอความเร็ว

พูดเช่นนี้ คนบ้าคงจะเข้าใจแล้วกระมัง

ในเวลาเดียวกัน สาวใช้ก็เดินทางถึงเมืองเจียงโจวและได้เคาะประตูบ้านของท่านผู้เฒ่าจาง บ่าวเฝ้าประตูเมื่อได้ยินชื่อของสาวใช้ จึงเปิดประตูด้วยความดีใจ

“สิ่งนี้เรียกว่าขนมไหว้พระจันทร์หรือ” ท่านผู้เฒ่าจางพูดพลางมองไปที่สาวใช้

“เจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่าลองชิมดูสิเจ้าคะ พวกเราทำกันเมื่อวานและผ่านพิธีไหว้โดยท่านเจ้าอาวาสซุนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ยิ้มกล่าว “หลังจากกินเสร็จ ท่านจะกินข้าวได้มากขึ้น สุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรง สุขสมหวังทุกประการเจ้าค่ะ”

ท่านผู้เฒ่าจางหัวเราะเสียงดัง บ่าวชราที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะตามเช่นกัน

“ใต้เท้ารีบทานเลยขอรับ” เขาคะยั้นคะยอ

ท่านผู้เฒ่าจางยิ้มไปพลางแบ่งขนมเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำเข้าปาก พยักหน้าชื่นชม

“ขอบใจเจ้ามากสำหรับความตั้งใจที่นำขนมมาส่งให้ข้าเป็นพิเศษเช่นนี้” เขากล่าว

“เมื่อวานเป็นวันไหว้พระจันทร์ พวกเราจึงทำอาหารไหว้ไว้มากมาย เจ้าอาวาสซุนให้แจกจ่ายให้กับเหล่าประสกและสีกาทั้งหมดเจ้าค่ะ” สาวใช้ยิ้มกล่าว พร้อมกับหยิบอาหารต่างๆ ซึ่งห่อด้วยกระดาษเคลือบน้ำมันออกมาจากตะกร้าอีกครั้ง “ผลไม้ดองทั้งหมดนี้ล้วนทำมาจากผลไม้ป่าบนเขาเจ้าค่ะ”

ท่านผู้เฒ่าจางยิ้มและพยักหน้าขอบคุณ

“ขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ” สาวใช้ไม่ได้พูดอะไรต่อ วางอาหารเหล่านี้ลง แล้วกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นสาวใช้เดินออกจากลานบ้านไป บ่าวชราถึงจะหันหน้ากลับมา

ท่านผู้เฒ่าจางที่นั่งอยู่ในบ้านกินขนมไหว้พระจันทร์หมดแล้วหนึ่งชิ้นอย่างช้าๆ

“ไม่เลว ไม่เลว” เขาชื่นชมอีกครั้ง แล้วก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ช่างน่าเสียดาย ช่างน่าเสียดาย”

 บ่าวชราไม่ได้ถามว่าเสียดายอะไร แต่เงียบไปครู่หนึ่ง

ท่านผู้เฒ่าจางมองไปที่อาหาร ซึ่งกองอยู่บนโต๊ะ และสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงร้องขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น

“วัดเสวียนเมี่ยว…” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองถุงกระดาษในมือ

บ่าวชราก็เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน กระดาษแผ่นนั้นมีตัวอักษรเขียนอยู่

ท่านผู้เฒ่าจางหัวเราะ

“หว้านผิง เจ้าเอานามบัตรของข้าไป แล้วแบ่งผลไม้ดองนี้ให้กับคนในเมือง ที่ข้าคุ้นเคยสักสองสามครอบครัว ให้พวกเขาได้รับพรจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวัดเสวียนเมี่ยวด้วย” เขากล่าว

บ่าวชราแลดูประหลาดใจ ผลไม้ดองเหล่านี้มีขนาดเล็ก แต่เมื่อส่งไปพร้อมกับนามบัตรของท่านผู้เฒ่า ของสิ่งนี้จึงไม่ธรรมดาอีกต่อไป

วัดเสวียนเมี่ยวจะมีชื่อเสียงก็ครานี้แล

ท่านผู้เฒ่าเห็นแก่หน้าของสาวใช้ จะยกย่องวัดให้แก่ทุกคนรู้จัก

“ขอรับ” เขาโค้งคำนับตอบพร้อมกับยื่นมือออกไปเก็บผลไม้ดอง

สาวใช้ไม่รู้ถึงการตัดสินใจของท่านผู้เฒ่าจาง นางทำความเคารพกับบ่าวเฝ้าประตูผู้ใจดีอีกครั้ง แล้วเดินออกจากบ้านตระกูลจาง แล้วเลี้ยวเข้าตรอกไปและมีคนหนึ่งวิ่งออกมาจากทางลาดเอียง

“พี่สาว” เขาตะโกนเรียก

สาวใช้สะดุ้ง ซึ่งนางดูคุ้นหน้า แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“พี่สาว ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิง พี่เป็นคนของใครหรือ” บ่าวเอ่ยถาม

นายรองเฉิงเชื่อฟังคำพูดของฮูหยินรองเฉิง แทนที่จะหาจากสาวใช้ที่อยู่ในบ้านทีละคน เขากลับให้บ่าวมาดักรอที่หน้าบ้านของตระกูลจาง เพื่อหาสาวใช้ที่ได้รับการต้อนรับจากตระกูลจางอย่างดีเยี่ยม ในที่สุดก็รอจนพบ”

“ข้าชื่อปั้นฉิน เป็นสาวใช้ประจำกายของแม่นางเจียวเหนียง” สาวใช้กล่าวและจำบ่าวคนนี้ได้แล้ว

“อ๋อ” บ่าวตะลึงจนอุทานออกมา จำได้แล้ว

หลังจากฟังคำตอบจากบ่าวแล้ว นายรองเฉิงและฮูหยินรองเฉิงที่อยู่ในบ้านก็รู้ได้ในทันทีว่าคือนางนี่เอง ไม่ใช่สาวใช้ที่อยู่ในบ้านจริงๆ ด้วย หากแต่เป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างนอกแทน

“นางรู้จักท่านผู้เฒ่าจางได้อย่างไรกัน” นายรองเฉิงเอ่ยถาม

“นางเล่าว่าพบกันที่เขาเสวียนเมี่ยวโดยบังเอิญ ท่านผู้เฒ่าไม่ชอบกินข้าว สาวใช้นางนั้นทำขนมที่เขาชอบพอดี จึงทำให้เขาจำได้ขอรับ” บ่าวกล่าว

ขนมหรือ

ฮูหยินรองเฉิงตะลึงและดูเหมือนจะเคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อนบ้างแล้ว

ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ เหตุใดย้ายไปอยู่กับนางบ้านั่นถึงทำอาหารเป็นได้เล่า

“จากมุมมองของท่าน คิดว่าสาวใช้นั่นพูดความจริงหรือพูดเท็จกันแน่เจ้าคะ” ฮูหยินรองเฉิงถาม

นายรองเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านผู้เฒ่าไม่ถูกหลอกได้ง่ายๆ หรอก ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องเท็จแน่” เขากล่าว

“หากเป็นเช่นนั้น ยากมากที่ท่านผู้เฒ่าจะชอบฝีมือใครสักคน แต่ท่านชอบฝีมือนาง ก็มอบนางให้กับท่านผู้เฒ่าจางไปเถอะเจ้าค่ะ” ฮูหยินรองเฉิงกล่าว

เป็นความคิดที่ดี ดวงตาของนายรองเฉิงสว่างไสวขึ้นทันทีพร้อมกับพยักหน้า

“ใครก็ได้เข้ามาที ไปที่วัดเสวียนเมี่ยวรับสาวใช้นางนั้นกลับมา” เขากล่าว

…………………………………………………………