ท่านย่าหม่ารู้สึกว่าคนเราไม่ควรทำเรื่องที่ผิดมโนธรรม 

 

 

ดูสิ หลานชายคนเล็กพูดกับนาง นางยังต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้าง เพราะเกรงว่าหลานชายคนเล็กนี้จะได้กลิ่นไข่เค็มโชยมาจากในปากของนาง 

 

 

ถ้าได้กลิ่นจริง เกรงว่าเจ้าเด็กนั้นจะคอยตามถามนาง เมื่อถึงตอนนั้นนางควรจะยอมรับหรือปฏิเสธดีนะ นี่ยังมีอีกสิบกว่าครอบครัวที่อยู่ที่นี่อีก มันคงจะหน้าอับอายขายหน้ามาก 

 

 

ยังมีหลานสาวคนเล็ก ดูสิหลานสาวคนเล็กก็ไปอยู่กับพ่อแม่ของนาง เห็นลูกสามกับลูกสะใภ้ก็พากันเดินไกลออกไป 

 

 

พวกเราก็ไม่รู้ว่าสามคนนั้นตกลงคุยเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องแอบคุยกันลับหลังด้วย หรือว่าแอบกินอะไรกัน? พวกเราก็ไม่กล้าถาม แต่ที่แน่ๆ สามคนนั้นทิ้งนางไว้ 

 

 

ครั้งนี้ทิ้งนางไว้ นาง… 

 

 

นี่? หลานสาวคนเล็กจะแอบเลียนแบบแม่ของนางโดยเรียนรู้จากเรื่องพวกนี้รึเปล่านะ? 

 

 

โอ้ว ถ้าพั่งยาปิดปากไม่สนิท แอบพูดกับเพ่ยอิงแล้วละก็ ข้าซึ่งเป็นแม่สามีของนาง ลูกสะใภ้สามคงคิดในใจว่านางเป็นคนตะกละแน่ๆ 

 

 

“ท่านแม่ อันนี้มัดไว้บนหลังคารถใช่ไหม?” 

 

 

“อ๊าห์?” ท่านย่าหม่าเพิ่งรู้สึกตัว 

 

 

ซ่งอิ๋นเฟิ่งมองออกไปด้วยความสงสัย “ท่านแม่กำลังมองอะไร?” 

 

 

“เอ้อ ข้ามองครอบครัวน้องสามของเจ้า พวกเขาชอบหลบไปอยู่ไกลๆ เจ้าว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน” 

 

 

คุยอะไรนะหรือ พวกเขากำลังปรึกษาหารือกันว่าจะนำน้ำออกมา (จากพื้นที่พิเศษ) อย่างไร 

 

 

ซ่งฝูหลิงถลึงตาใส่พ่อของนาง “ท่านพ่อ ข้าจะมีความคิดอะไรได้?” 

 

 

“เจ้าไม่ใช่นักศึกษาปริญญาโทหรอกหรือ” 

 

 

นักศึกษาปริญญาโทแล้วยังไง นางมองดูทีท่าของพ่อแม่ที่มั่นใจพูดได้เต็มปาก นักศึกษาปริญญาโทก็ไม่ได้ทำวิจัยว่าจะพูดโกหกอย่างไร “ท่านทั้งสองลืมไปแล้วหรือ? ตอนเด็กๆ พวกท่านคอยเตือนข้า ห้ามไม่ให้โกหก หากโกหกก็จะตีข้า ข้ามีประสบการณ์เรื่องนั้นเสียที่ไหน?” 

 

 

ซ่งฝูเซิงโดนลูกสาวตอกกลับจนพูดไม่ออก เขาเบนสายตาไปทางเฉียนเพ่ยอิง 

 

 

เฉียนเพ่ยอิงหลบสายตาของเขา “ท่านมองข้าทำไม ข้าก็ไม่เป็นเหมือนกัน ถ้าให้ข้าพูด ท่านมาหาคำปรึกษากับข้าและลูกก็ไม่มีประโยชน์ ตั้งแต่เล็กท่านก็ชอบโกหกอยู่แล้ว คลุกคลีอยู่ในวงสังคมมาตั้งนาน วันหนึ่งโกหกตั้งมากมาย ท่านจะมาถามหาวิธีการอะไรกับพวกเรา” 

 

 

“พวกเจ้าสองคนนี่จริงๆ เลย” ซ่งฝูเซิงกล่าว “พวกเจ้านี่ไม่กังวลเรื่องอะไรเลยสินะ คอยแต่จะผลักภาระมาให้ข้า ไม่กลัวว่าหัวข้าจะล้านหรือไง คนอื่นคงคิด แม่เจ้า ข้าเป็นปีศาจแปลงกายมาหรืออย่างไร” 

 

 

ซ่งฝูหลิง ท่านพ่อ มีคำพูดหนึ่งที่ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ ไม่มีปีศาจตนไหนที่จะน่าเกลียดเช่นนี้เหมือนท่าน 

 

 

เฉียนเพ่ยอิง ถ้าเช่นนั้นจะมีท่านไว้ทำประโยชน์อะไรได้ ชายชาตรีอย่างท่านต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ 

 

 

ซ่งฝูเซิงมองรอบบริเวณก่อนจะหันมากำชับสองแม่ลูก “พวกเจ้าเฝ้าให้ดีๆ นะ” ก่อนเขาจะทำตาขาวแล้วหลุดเข้าไปในพื้นที่พิเศษ 

 

 

เมื่อเข้าไปในพื้นที่พิเศษ เขาก็ครุ่นคิดว่าจะนำน้ำออกไปช่วยคนอื่นอย่างไร ถ้านำออกไปแล้วจะพูดกับพวกเขาว่าอย่างไร คิดจนปวดหัว เฮ้อ ช่างเถอะ เมื่อถึงตอนนั้นค่อยคิด ทำทีละขั้นแล้วกัน ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะพบเจอแม่น้ำลำธารสายเล็กดั่งที่คนพวกนั้นหวังไว้ก็เป็นได้ 

 

 

ตอนนี้เขาเข้ามาเพื่อที่จะทำตามแผนขั้นตอนแรกก่อน เพื่อที่จะเอาน้ำส่วนหนึ่งไปให้คนพวกนั้นได้ดื่มกิน 

 

 

อาศัยจังหวะที่ยังไม่ออกเดินทาง แอบเอาน้ำเทใส่ถุงน้ำกับกระบอกน้ำไว้ แค่นี้ก็สามารถประหยัดน้ำให้กับท่านแม่ได้ สามารถประหยัดได้เพียงนิดหนึ่งก็ยังดี 

 

 

ซ่งฝูเซิงเดินไปทางระเบียงทิศเหนือแล้วรื้อของในตู้พร้อมกับบ่นพึมพำ “ลูกสาวบอกว่าต้องการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อเติมพลัง อยู่กล่องไหนนะ เอ๊ะ นางยังอยากดื่มโคล่าด้วย เด็กคนนี้นี่ ยังอยากจะดื่มทั้งสองอย่าง เครื่องดื่มชูกำลัง ชูกำลัง อ๊าห์ ข้าหาเจอแล้ว ทั้งหมดอยู่ตรงนี้นี่เอง” 

 

 

เมื่อเปิดกล่องออก ซ่งฝูเซิงก็นำเครื่องดื่มชูกำลังออกมาสี่ขวดและหิ้วโคล่ามาหนึ่งขวด น้ำแร่ธรรมชาติแบบขวดเล็กอีกสองขวด โดยใส่ไว้ในถุงพลาสติก 

 

 

แต่เดิม เขาเติมน้ำเสร็จก็จะออกจากพื้นที่พิเศษ แต่เมื่อเดินไปสักพักก็ต้องหยุดชะงักเพราะรู้ดีว่าตนเองควรทำอย่างไร เขามองในห้อง 

 

 

เปิดหัวหม้อน้ำที่ต่อไว้กับท่อน้ำร้อนริมผนัง ซ่งฝูเซิงถึงกับอุทานออกมา เมื่อเปิดออกก็รีบหมุนปิดให้แน่น ไม่ยอมให้สิ้นเปลืองแม้แต่น้อย 

 

 

ในนี้ยังมีน้ำ? ด้านในท่อยังมีน้ำอยู่ 

 

 

ช่างดีจริง บ้านของเขามีหม้อน้ำหลายชุดและยังดีที่เขาไม่ได้ซื้อท่อน้ำร้อนติดไว้ใต้พื้น หากไม่มีน้ำดื่มเหลือแล้ว ก็จะได้นำเหล่านี้ออกมาให้พวกเขาดื่ม 

 

 

ซ่งฝูเซิงมองถังน้ำยี่ห้อ ‘หนงฟูซานเฉวียน’ ขนาดห้าลิตรของตนเองที่ใส่น้ำไว้เพื่อรดน้ำต้นไม้ เขาพยักหน้า อืม น้ำนี้ก็สะอาด ต้องคิดหาวิธีเอาออกไปให้กับท่านแม่และคนในครอบครัวให้ได้ดื่มกินกัน รวมทั้งน้ำที่เหลือจากการล้างผักที่อยู่ในกะละมังอีกครึ่งหนึ่งนั่นด้วย 

 

 

สุดท้ายเขาก็เดินมาถึงห้องน้ำ 

 

 

กวาดสายตามองไปรอบๆ เปิดฝาที่ใส่น้ำด้านหลังชักโครกออกดู เขาก็รู้สึกพอใจอย่างมาก ในนี้ก็ยังพอมีน้ำอยู่บ้าง 

 

 

เขากดปุ่มชักโครกทั้งที่รู้ว่าไม่มีเสียงน้ำไหลออกมา ไม่มีเรื่องดีๆ แบบนั้นเกิดขึ้น เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย 

 

 

เขาจ้องมองน้ำที่เก็บอยู่ในโถของชักโครก เมื่อเรากดปุ่มราดน้ำทุกครั้งจะยังคงเหลือน้ำอยู่นิดหน่อย ใจก็คิด เมื่อถึงตอนนั้นก็ต้องหาอะไรมาตักน้ำพวกนี้ออกมา นำออกไปให้พวกเขาได้ดื่ม 

 

 

ซ่งฝูเซิงออกมาจากพื้นที่พิเศษ พวกเขาสามคนแอบเทเครื่องดื่มลงในกระบอกน้ำเปล่ากับถุงน้ำและแอบดื่มเครื่องดื่มด้วยกัน  

 

 

ซ่งฝูหลิงเรอออกมาเสียงดัง “อ๊าห์ สวรรค์ ช่างมีความสุขที่สุดเลย” 

 

 

เฉียนเพ่ยอิงจับขวดโคล่ากระดกดื่มไปหลายอึก นี่เป็นครั้งแรกที่นางดื่มน้ำอัดลมอย่างรีบร้อนแบบนี้ ถึงกับทำให้สำลักได้ “เหล่าซ่ง รีบหน่อย ท่านก็ดื่มสักสองอึกหน่อยเถอะ” 

 

 

“พวกเจ้าสองแม่ลูกดื่มไปเถอะ ข้าจะเก็บขวดเปล่าเอง ต้องไม่ให้คนอื่นได้เห็น พวกเราต้องรีบไป คาดว่าคนในขบวนคงกำลังรอพวกเราอยู่” 

 

 

“ท่านดื่มที่อยู่ในมือข้านี่ก่อน ไม่ทำให้เสียเวลาหรอกน่า”