ท่านอาวุโสเจียวพูดจบ ท่านอาวุโสที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เบิกตาโต ก่อนจะพูดออกมาว่า “นี่…นี่คือยันต์อักขระไม่ใช่หรือ”
“ยันต์อักขระ?” ทุกคนต่างตะลึง ไม่เห็นเหมือนเลย
แต่คนนั้นกลับพูดอย่างมั่นใจว่า “นี่น่าจะเป็นยันต์อักขระ แต่ว่า…เหมือนถูกแยกออกจากกัน” ท่านอาวุโสนั้นพลิกดูกระดาษทีละใบก่อนจะพูดว่า “ทุกคนดู…หากนำเอาภาพทุกอันในนี้เชื่อมต่อกัน…”
ทุกคนมองตามที่เขาชี้ พบว่ามันเป็นยันต์อักขระจริงด้วย แต่ว่ายันต์นั้นถูกแยกออกจากกัน
“ดูนี่สิ ด้านข้างยังมีตัวหนังสือเล็กๆ ระบุว่าต้องใช้พลังมากเท่าไร!” ท่านผู้อาวุโสนั้นชี้ไปยังมุมขวาของกระดาษ
ทุกคนมองไป พบว่ามุมนั้นเขียนว่า…พลังลมปราณสามส่วน เมื่อวาดถึงหนึ่งในสามให้เพิ่มเป็นสี่ส่วน
ทุกคน “…”
อย่างนี้ก็ได้!
ในเวลานั้นต่างคนก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ยันต์อักขระนี้แยกละเอียดอย่างมาก สามารถพูดได้เลยว่า ไม่ว่าศิษย์เสวียนเหมินคนไหนมาดู ก็สามารถวาดยันต์ออกมาได้
“นี่คือยันต์อะไร” เจ้าสำนักสวีถาม
เมื่อสิ้นเสียง ยันต์สีเหลืองปลิวออกมาจากกระดาษ “เอ๊ะ…หรือว่านี่เป็นยันต์ที่สำเร็จแล้ว!”
ทันใดนั้นดวงตาของทุกคนลุกวาว ก่อนจะรีบรับยันต์ใบนั้น ด้านบนวาดยันต์ที่สมบูรณ์ไว้จริงด้วย แต่น่าเสียดายที่ด้านบนไม่มีพลังซ่อนไว้ ดังนั้นจึงไม่ใช่ยันต์ที่สามารถใช้ได้ ดูเหมือนกับตั้งใจวาดให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ท่านอาวุโสหลี่!” เจ้าสำนักสวีมองไปยังท่านอาวุโสที่พบว่ามันคือยันต์อักขระ ก่อนจะพูดว่า “ท่านชำนาญเรื่องยันต์ ท่านดูออกหรือไม่ว่ามันคือยันต์อะไร”
“ดูเหมือน…จะเป็นยันต์ส่งสาร แต่ก็มีความแตกต่าง เหมือนจะรวมยันต์อักขระอื่นไว้ ตอนนี้ข้าก็ดูไม่ออกเหมือกันว่ามันคืออะไร” ท่านอาวุโสหลี่พินิจดู ก่อนที่สายตาของเขาจะลุกวาว “เอ๊ะ ด้านหลังมีเขียนอะไรไว้ สหายอวิ๋นน่าจะต้องการบอกอะไร!”
ทุกคนต่างดีใจ มุงกันเข้าไปดู “รีบดูสิว่าคืออะไร”
เห็นเพียงด้านบนเขียนเอาไว้ว่า วาดยันต์นี้สักหลายร้อยใบ แล้วแจกจ่ายให้กับคนที่ต้องการฟัง
“…” หมายความว่าอะไร
ทุกคนในตำหนักต่างมองหน้ากัน สีหน้าฉงน
“สหายอวิ๋น หมายความว่าอะไร ทำไมให้พวกเราวาดยันต์นี้”
ทุกคนครุ่นคิดอยู่นาน ก็ไม่ได้คำตอบว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร สุดท้ายเจ้าสำนักสวีจึงพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อสหายอวิ๋นให้พวกเราวาดยันต์นี้ ก็ต้องมีประโยชน์ พวกเราทำตามก็พอ”
ทุกคนครุ่นคิด…ก็จริง! วาดก่อนค่อยว่ากัน
ดังนั้นทุกคนต่างหันไปกำชับให้ลูกศิษย์หยิบกระดาษและหมึกแดงมา จากนั้นก็เริ่มวาดยันต์ อาจเป็นเพราะตำราของอวิ๋นเจี่ยวอธิบายไว้อย่างละเอียด ดูรอบเดียวก็รู้แล้วว่าต้องวาดอย่างไร อีกทั้งคนที่นี่ล้วนเป็นผู้มีความสามารถระดับแปดดอกไม้ขึ้นไปทั้งนั้น เรื่องการวาดยันต์แค่นี้ก็ทำได้ง่ายอยู่แล้ว ไม่ถึงครึ่งดอกธูป ก็วาดออกมาได้สี่ห้าสิบใบ
ท่านอาวุโสหลี่ที่เชี่ยวชาญด้านยันต์มากที่สุดนั้นกวาดตามองยันต์เหล่านี้อย่างละเอียด ไม่รู้ว่าทำไม แม้จะมีหน้าตาไม่เหมือน แต่เขากลับรับรู้ได้ว่านี่คือยันต์ส่งสาร
“เจ้าสำนัก พวกเราลองใช้ยันต์นี้ดูก่อนเถอะ” มีคนเสนอขึ้น
สวีชิงเฟิงเองก็มีความอยากรู้ในยันต์ที่ไม่คุ้นเคยนี้ ดังนั้นจึงพยักหน้า เขาหยิบยันต์ใบหนึ่งขึ้น ก่อนจะใช้มัน
นาทีถัดมา ทุกคนเห็นเพียงแต่แสงสีแดงนับสิบแวบผ่านไป ภายในตำหนักใหญ่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น…ติ๊ด!
ทุกคนต่างตะลึง ยังไม่ทันตั้งตัวได้ เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“เอ๋? พวกท่านวาดเสร็จแล้วหรือ! เร็วดีนี่”
เสียงของสหายอวิ๋น แต่ที่สำคัญคือ เสียงนี้ไม่ได้ดังมาจากยันต์ส่งสารในมือของเจ้าสำนัก แต่ดังมาจากยันต์ทุกใบ
มีเพียงเสียงของคนคนเดียว แต่ในห้องกลับส่งเสียงที่เหมือนกันออกมาราวสิบกว่าเสียง ดังก้องไปทั่วตำหนักใหญ่
นี่…นี่คือยันต์ส่งสารอะไรกัน ทำไมถึงดังขึ้นพร้อมกันได้?
เจ้าสำนักและพ้องเพื่อนตกตะลึง!
“ฮัลโหล? ฮัลโหล…ฮัลโหล เจ้าสำนักสวี ท่านยังอยู่หรือไม่” อวิ๋นเจี่ยวที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ร้องเรียกขึ้นมาอีกหลายครั้ง
เจ้าสำนักสวีผงะ ก่อนจะตั้งสติได้ รีบตอบกลับว่า “อยู่…อยู่ๆๆ! สหายอวิ๋น นี่…ยันต์นี้คือ?”
“อ่อ ข้าปรับมันจากยันต์ส่งสารอันเดิมเล็กน้อยเท่านั้น” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “แล้วก็แก้จากการติดต่อฝ่ายเดียว เป็นการติดต่อหลายฝ่าย ข้ากลัวพวกท่านไม่เข้าใจ เลยส่งภาพอธิบายมาพร้อมกัน เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมาก”
ทุกคน “…”
สร้างยันต์แบบใหม่ขึ้นมาง่ายๆ ไม่มีอะไรที่ไหนกัน นี่เป็นถึงยันต์เชียวนะ ไม่ใช่ข่ายพลังที่สามารถลองได้! คนทั้งเสวียนเหมินรวมตัวกัน ยังไม่เคยมีใครสามารถวาดยันต์แบบใหม่ขึ้นมาได้เลย
ในเวลานั้นทุกคนต่างไม่รู้ว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า นางไม่ได้เชี่ยวชาญข่ายพลังหรือไง อย่างมากก็ฝึกฝนหมอพลังลมปราณควบคู่ไปด้วย แต่การสร้างยันต์คืออะไรกัน ยังจะให้คนธรรมดาอย่างพวกเขาอยู่รอดไหมเนี่ย?!
w(゚Д゚)w
“จริงสิ” อวิ๋นเจี่ยวมองไม่เห็นสีหน้าของทุกคน ยังคงอธิบายต่อว่า “ครั้งก่อนที่พวกท่านพูดเรื่องถ่ายทอดวิชา ข้ามาคิดดูแล้ว จำนวนคนมีมากเกินไป สำนักชิงหยางของพวกเรามีขนาดเล็ก คงจะรองรับไม่ได้ ดังนั้นเปลี่ยนจากสอนตัวต่อตัว เป็นสอนทางไกลเถอะ! อย่างนี้ก็ไม่ต้องจำกัดจำนวนคนแล้ว”
“ฮะ…” ทุกคนไม่เข้าใจ
“ก็คือ พวกท่านสามารถนำยันต์นี้ไปแจกจ่ายให้กับศิษย์เสวียนเหมินที่ต้องการศึกษา ข้าจะมาถ่ายทอดวิชาให้ตามเวลาที่ตกลงกันไว้”
ทุกคนผงะไป พร้อมกับเบิกตากว้าง ครั้งนี้ถึงได้เข้าใจความหมายของนาง จริงสิ มียันต์ส่งสารนี้ อย่าว่าแต่ศิษย์สี่ร้อยคน สี่พันคนก็สามารถศึกษาพร้อมกันได้ ทันใดนั้นตาของทุกคนลุกวาว
“สหายอวิ๋น…คิดการณ์ไกลเสียจริง!” เจ้าสำนักสวีสีหน้าตื่นเต้น มียันต์นี้นอกจากจะถ่ายทอดวิชาได้ง่ายแล้ว ยังสร้างประโยชน์ให้เสวียนเหมินมากขึ้นอีก “ดีมาก…ดีมาก!”
“จริงสิ” อวิ๋นเจี่ยวพูดเสริม “ข้าขอพูดก่อน เข้าเรียนได้ แต่ข้าจะเก็บค่าเล่าเรียน”
“ค่าเล่าเรียน?”
“ค่าแรงหรือว่าเงิน”
เจ้าสำนักสวีตะลึง ครุ่นคิดอยู่สักครู่ถึงได้เข้าใจ สหายอวิ๋นคงกลัวว่าทุกคนได้ศึกษาวิชาของสำนักชิงหยางแล้วจะรู้สึกเกรงใจ ดังนั้นถึงได้บอกว่าจะเก็บเงินเหรอ ช่างเป็นสหายนักพรตที่ดีอะไรเช่นนี้!
เขาว่าแล้ว สหายนักพรตคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
สวีชิงเฟิงรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก เขารีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่นอนๆ”
“ส่วนเรื่องราคา…แล้วแต่พวกท่านเลย”
“อืมๆๆ”
“อืม ไม่ต้องเก็บเยอะมาก แค่เพียง…”
“อืมๆ”
“คนละหนึ่งร้อยตำลึงละกัน!”
“อืม…ฮะ?”
“ทองเหลืองนะ”
“…”
เจ้าสำนักสวีรู้สึกมีเลือดจะกระอักออกมา
หรือว่า เมื่อกี้เขาหูฝาด?