ตอนที่ 211 ถูกเอาเปรียบ! / ตอนที่ 212 กระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็ล้างมลทินไม่หมด

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 211 ถูกเอาเปรียบ!

 

 

รองประธานเฉิน?

 

 

ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่ปรากฏภาพเฉินจื่อซิน ที่เธอเพิ่งเจอตรงประตูห้องพักผ่อนของซ่างซิน

 

 

เขาดูอัธยาศัยดี น่าจะคุยกันง่ายทีเดียว

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็สบายใจในทันที แต่เพิ่งจะบอกเหวินหย่าไต้ว่า “รับทราบค่ะ” เธอก็รู้สึกหนาวสันหลังวาบในทันใด แถมยังตัวสั่นไปทั้งตัว

 

 

เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็ได้สบตาสีดำขลับของอวี๋เยว่หาน ในนั้นเหมือนจักรวาลที่กว้างใหญ่ ไกลโพ้นไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

เธอตะลึงไปหลายวินาที ส่วนเหวินหย่าไต้ที่อยู่ปลายสายก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ อีกสองวันถึงจะกลับไป งานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าต้องฝากคุณแล้วล่ะ”

 

 

จากนั้นอีกฝ่ายก็วางสายไปก่อน

 

 

“เอ่อ เหวินหย่าไต้บอกเรื่องงานของฉันน่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงในโทรศัพท์หรือเปล่า ดธอจึงพูดพึมพำราวกับรายงานให้เขาฟัง

 

 

แต่เพิ่งจะใส่โทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “หนูจุ๊บๆ เสร็จแล้ว ถึงตาทั้งสองคนแล้วล่ะ!”

 

 

“…”

 

 

มือของเธอแข็งทื่อไปเล็กน้อย

 

 

จากนั้นก็เบิกตาโพลงด้วยความงงงัน แล้วมองเสี่ยวลิ่วลิ่วที่พูดแบบเด็กๆ

 

 

อะไรคือถึงตาของทั้งสองคนแล้ว

 

 

ให้จูบอวี๋เยว่หานเหรอ

 

 

อวี๋เยว่หานที่ได้ยินคำได้ยินแล้วก็มีสายตาเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

 

โทรศัพท์เมื่อครู่นี้ เขาได้ยินชัดเจน

 

 

งานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าเป็นงานของผู้จัดการมาโดยตลอด อยู่ๆ เปลี่ยนคนแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะเฉินจื่อซินกลับมาแน่ๆ ประธานเฉินอยากให้ลูกชายของตัวเองทำงานที่บริษัทเร็วหน่อย ถึงได้รีบร้อนมอบหมายงานที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ให้เขาทำ

 

 

แต่พอคิดถึงท่าทางที่เฉินจื่อซฺนมาคุยกับเหนียนเสี่ยวมู่หลังจากงานจบ หน้าอกของอวี๋เยว่หานก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาบ้าง

 

 

แถมสีหน้าก็ดำคล้ำลงโดยไม่รู้ตัว…

 

 

แล้วตอนนี้ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวลิ่วลิ่ว

 

 

ให้พวกเขาจูบกัน…

 

 

นัยน์ตาสีดำของเขาวูบไหวเล็กน้อย จับจ้องเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ตรงหน้า ดูน่ากลัวไม่น้อย

 

 

เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เธอก็เขย่งปลายเท้าอย่างรวดเร็ว แล้วจูบบนแก้มของเสี่ยวลิ่วลิ่วครั้งหนึ่ง “เอาล่ะ จุ๊บแล้วนะ”

 

 

จากนั้นเธอก็หันมามองเขา ราวกับถามเขา ว่ายังรออะไรอยู่

 

 

อวี๋เยว่หานหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางมองริมฝีปากแดงๆ ที่เพิ่งจูบเสี่ยวลิ่วลิ่วไปเมื่อครู่ มันดูแวววาวเปล่งปลั่งอยู่บ้าง น่าหลงใหลเสียจริง

 

 

 เพียงแค่พูดจา ก็ทำให้เขาอยากจะเชยชมแล้ว

 

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของตัวเองที่เกิดจากเธอ อวี๋เยว่หานก็ขมวดคิ้ว แล้วก้มหน้าจูบแก้มของเสี่ยวลิ่วลิ่วครั้งหนึ่ง

 

 

วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเบิกบานใจของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “ปาปาจุ๊บแค่เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ได้ ต้องจุ๊บพี่สาวคนสวยด้วยนะ!”

 

 

อวี๋เยว่หาน “…”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”

 

 

เมื่อครู่เธอคิดว่าทำลายความอึดอัดไปได้อย่างชาญฉลาดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าความอึดอัดที่มากกว่ากำลังรอเธออยู่

 

 

“เสี่ยวลิ่วลิ่ว หนูยังเด็ก เลยไม่รู้ว่าระหว่างผู้ใหญ่จะจูบกันตามใจชอบไม่ได้…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ ก็มีเงาร่างหนึ่งปกคลุมอบู่บนหัวเธอแล้ว

 

 

มือหนึ่งของอวี๋เยว่หานอุ้มเสียวลิ่วลิ่ว ส่วนมืออีกข้างโอบเอวของเธอ

 

 

บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่มีสีหน้าใดเป็นพิเศษ เขาเพียงแค่จูบบนหน้าผากของเธอเบาๆ จากนั้นก็ยืนตัวตรง

 

 

เขาทำทุกอย่างอย่างว่องไว ทำเอาเธอไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว

 

 

ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ดึงสติกลับมา เขาก็ปล่อยมือที่โอบเธอไว้แล้ว

 

 

จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วหมุนตัวเดินไปด้วยความพึงพอใจ

 

 

“…”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงอยู่ที่เดิม เธองุนงงอยู่นานมาก ไม่ได้สติสักที

 

 

หญิงสาวจับหน้าผากที่เพิ่งถูกจูบไป ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อครู่อยู่ๆ เขาก็ก้มลงมาจูบเธอ พลางรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วจนน่าตกใจ

 

 

ผ่านไปนานทีเดียว เธอถึงจะดึงสติกลับมาได้ นี่เธอถูกเขาเอาเปรียบนี่นา!

 

 

 

 

ตอนที่ 212 กระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็ล้างมลทินไม่หมด

 

 

“อวี๋เยว่หาน คุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ!” เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งเข้าไปในห้องรับแขกด้วยความโมโห

 

 

แต่เพิ่งวิ่งเข้าถึงห้องรับแขก กลับไม่เจอใคร เธอตะลึงไปเล็กน้อย แล้วหันหน้าเดินเข้าไปในห้องอาหาร

 

 

พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสองพ่อลูกเพิ่งนั่งลง เตรียมตัวจะกินข้าว ครั้นสองพ่อลูกได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ต่างก็มองมาทางเธอเป็นตาเดียว

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นจุดสนใจในพริบตา ทำเอาเธอชะงักไปเล็กน้อบ

 

 

เมื่อสบตาสีดำขลับคู่นั้นของอวี๋เยว่หาน ความกล้าที่เตรียมจะไปดึงหูของเขาเพื่อสั่งสอนสักครั้งเมื่อครู่ หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที

 

 

หญิงสาวหดคอ แล้วชี้ดวงหน้าเล็กจ้อยไร้เดียงสาของเสี่ยวลิ่วลิ่วพูดว่า “เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเด็ก ยังไม่รู้ประสา คุณสอนเธอแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวเธอจะเสียคนเอา”

 

 

เมื่อเห็นเขาไม่พูดจา เหนียนเสี่ยวมู่ก็เดินไปข้างหน้า แล้วกอดเสี่ยวลิ่วลิ่วเอาไว้ในอก

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กอดร่างเล็กนุ่มนิ่มของเด็กหญิง แล้วถึงรู้สึกว่าตัวเองมีความอดทนเพิ่มขึ้นมาบ้าง จากนั้นกพูดต่อ “ถ้าครั้งหน้าเธอชี้ผู้หญิงคนหนึ่งตามถนนมั่วซั่ว คุณก็จะจูบผู้หญิงคนนั้นเหรอ”

 

 

“…” อวี๋เยว่หานขมวคิ้ว พลางจ้องมองเธอด้วยสายตามืดครึ้ม

 

 

เขาจ้องเธอจนเธอขนลุก จึงรีบอธิบาย “ฉันแค่ชี้ทางให้ สมมติน่ะ แค่สมมติ…”

 

 

อวี๋เยว่หาน “…”

 

 

ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก เขาไม่เคยจูบผู้หญิงแปลกหน้าเลยสักคน

 

 

หญิงสาวเหลือบเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป คิดเอาเองว่าเขาได้ยินคำพูดของเธอแล้ว จึงพูดขึ้นมาอีก “ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือบอกเสี่ยวลิ่วลิ่ว ว่าผู้ใหญ่จูบกันตามใจชอบไม่ได้…”

 

 

“คุณกำลังหารือกับผม เรื่องสอนลูกสาวยังไงเหรอ” อวี๋เยว่หานเหลือบมองเธอ พลางขยับริมฝีปากบาง

 

 

เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบอุปกรณ์กินข้าวขึ้นมาเริ่มกินอย่างเชื่องช้า

 

 

ท่าทางกินข้าวอันสง่างาม น่าชื่นชมและน่ามองอย่างยิ่ง

 

 

ทำเอาเหนียนเสี่ยวมู่ลืมไปว่าอยากจะคัดค้าน

 

 

แต่พอได้ยินเขาพูดแล้ว เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย

 

 

ทำไมรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง…

 

 

แต่ผ่านไปสักพัก ก็ไม่รู้ว่ามีตรงไหนผิดปกติไป…

 

 

“ฉันไม่ได้อยากไปก้าวก่ายว่าคุณจะสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วยังไง ฉันแค่รู้สึกว่าโอ๋ลูกมากไปไม่ได้” เหนียนเสี่ยวมู่พูด และรู้สึกเหมือนกำลังหารือกับเขา เรื่องปัญหาการสั่งสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วจริงๆ ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะพูดต่อไปอย่างไรขึ้นมากะทันหัน

 

 

ส่วนเสี่ยวลิ่วลิ่ว เด็กหญิงไม่ได้ว่านอนสอนง่ายกับใครก็ได้ เพียงแค่สนิทกับหญิงสาวเป็นพิเศษเท่านั้น

 

 

ถ้าเธอไปสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วอย่างเคร่งครัดเกินไป บอกเจ้าตัวน้อยว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ จะเท่ากับเป็นการทำลายความไร้เดียงของเด็กหรือเปล่า

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสับสนขึ้นมาบ้างในทันใด

 

 

“เสี่ยวลิ่วลิ่ว หนูต้องรับปากพี่นะ นอกจากพี่สาวคนาวยแล้ว ต่อไปนี้เห็นใครแล้วจะให้พ่อหนูจูบไม่ได้นะรู้ไหม”

 

 

เมื่อพูดออกไป ทั้งห้องอาหารก็เงียบกริบไปในทันที

 

 

พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ และยังมีคนรับใช้ที่กำลังเตรียมยกอาหารมา ล้วนใช้สายตาประหลาดใจมองมาทางเธอกันหมด

 

 

แม้แต่อวี๋เยว่หานก็หยุดกินข้าวไปพักหนึ่ง แล้วเลิกคิ้วมองเธอ

 

 

เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา ถึงจะรู้ตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดอะไรออกไป จึงอึ้งไปบ้าง “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันไม่ได้วางแผนอะไรนะ ฉันแค่ ฉันแค่เป็นห่วงเสี่ยวลิ่วลิ่ว เธอยังเด็ก ฉันก็แค่ช่วยให้เธอมีความคิดที่ถูกต้องเท่านั้นเอง…”

 

 

“…”

 

 

“ฉันก็ไม่ได้ให้คุณจูบสักหน่อย ฉันแค่บอกว่า จะจูบคนที่ไม่รู้จักมั่วซั่วไม่ได้…” เหนียนเสี่ยวมู่อยากจะอธิบายด้วยความร้อนใจ

 

 

ครั้นพบว่ายิ่งตัวเองอธิบายก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทำได้แค่ก้มหน้ามอง ‘ตัวการ’ ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความสิ้นหวัง

 

 

หวังว่าเจ้าเด็กน้อยจะเข้าใจ

 

 

วินาทีต่อมาก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งทำปากจู๋ “พี่สาวคนสวยโกรธแล้ว เมื่อกี้ปาปาจุ๊บพี่สาวคนสวย ไม่ได้จูบพี่สาวคนสวยสักหน่อย!”