ตอนที่ 44 วันนี้ช่างร้อนรนใจนัก

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 44 วันนี้ช่างร้อนรนใจนัก

แน่นอนว่าฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้ไปขอร้องจางเพ่ยเอ๋อ

เขาไปยังซีฝางเพื่อไปหาหยู๋จงถาน และได้วาดรูปวัสดุแปลกประหลาดมากมาย ทำให้หยู๋จงถานถึงกับตะลึงด้วยความแปลกใจ

 “สิ่งนี้จำเป็นต้องทนต่อความร้อนสูง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะมีวิธีการทำหรือไม่ แต่ข้าจะบอกวิธีให้ว่า สิ่งของในร้านเครื่องลายครามของเจ้านั้น หากสามารถเพิ่มวัสดุนี้เข้าไป ก็สามารถทนต่อความร้อนได้ดียิ่ง และเจ้าต้องไปทดลองด้วยตนเอง”

 “จงดูเถิด สิ่งของเหล่านี้ล้วนต้องทนต่อความร้อนสูง อย่างน้อยต้องสามารถทนต่อการเผาไฟได้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วยามครึ่ง โดยไม่ระเบิดหรือแตก”

 “……นี่……ไม่ง่ายเลยทีเดียว อีกทั้งเราไม่มีแบบพิมพ์เช่นนี้ สิ่งเหล่านี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และรูปร่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ข้าไม่แน่ใจนักว่าความยืดหยุ่นของกระจกจะสามารถทำได้หรือไม่”

 “ไม่มีแบบพิมพ์ก็จงไปทำเสีย มีสิ่งใดต้องกังวลกัน?ข้าต้องการสิ่งนี้ และเจ้าต้องไปหาวิธีทำมันออกมา”

หยู๋จงถานนำมือลูบหัวของตน สีหน้าของเขาดูไม่ดีเท่าไรนัก เขาครุ่นคิดอยู่นานทีเดียวจากนั้นจึงพยักหน้าและตอบตกลง “ข้าจะพยายาม”

 “ต้องมันทำให้สำเร็จ!”

มีผู้ใดบังคับกันเช่นนี้บ้าง?

หากแต่ใบหน้าของคุณชายฟู่บัดนี้ช่างมุ่งมั่นยิ่ง หยู๋จงถานจะกล้าขัดคำสั่งของฟู่เสี่ยวกวนได้อย่างไร เขาเป็นถึงผู้ให้การสนับสนุนหลักของหยู๋จี้เชียวนะ

 “แน่นอน!ข้าจะหาวิธีทำเจ้าสิ่งนี้ออกมามอบให้แก่คุณชายให้จงได้!”

ฟู่เสี่ยวกวนตบบ่าหยู๋จงถานและเอ่ยว่า “หากเจ้าสามารถทำมันออกมาได้สำเร็จ ต่อไปเพียงนอนสบาย ๆ ก็ได้รับเงินมหาศาล”

 “จริงหรือ?”สายตาหยู๋จงถานเป็นประกาย

 “ข้า ฟู่เสี่ยวกวน มิเคยหลอกลวงผู้ใด ต่อไปจงอย่าได้เอ่ยคำถามอันโง่เขลาเช่นนี้ออกมาอีก”

 “ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน ข้าจะรีบไปยังโรงงานผลิตด้วยตนเอง โครงร่างพวกนี้ข้าคงต้องนำไปด้วย”

 “จงรีบไปเถิด หากข้าไม่ได้อยู่ในหลินเจียง เจ้าจงจัดส่งไปที่เรือนซีซานหมู่บ้านเซี่ยชุนด้วยตนเอง”

 “ตามนั้นก็ย่อมได้!”

สิ่งเหล่านี้ใช้ในการสกัดแอลกอฮอล์ ซึ่งแอลกอฮอล์เป็นสารที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย แต่เดิมฟู่เสี่ยวกวนจะนำมาทำเป็นน้ำหอม แต่เมื่อได้ยินจากฉินปิ่งจงว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นในไม่ช้า เขาจึงต้องการแอลกอฮอล์ในปริมาณมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าโรงกลั่นสุราในซีซานนั้นยังไม่ใหญ่พอ ครั้นลองคิดดูแล้วการผลิตแอลกอฮอล์ปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้นนั้น คงไม่สามารถเป็นไปได้  เนื่องจากเขาขาดแคลนอุปกรณ์ในการผลิต สุดท้ายแล้วคงทำได้เพียงผลิตในปริมาณที่สามารถทำได้ในโรงกลั่นขนาดจำกัดของเขา คงทำได้เพียงผลิตไว้ใช้ในยามคับขันเท่านั้น

หลังเดินทางออกมาจากหยูจี้ เขาก็ได้ไปยังร้านเครื่องลายครามเจียงจี้

แม้สุราซีซานนั้นจะมีปริมาณในการผลิตเพียงเล็กน้อย แต่บรรจุภัณฑ์นั้นทั้งงดงามและสวยหรู สำหรับสุรา 50 ดีกรี นับว่าเป็นยอดสุราสำหรับสมัยนี้เลยทีเดียว

“คิดวิธีแก้ปัญหาที่ปิดขวดด้านในได้หรือไม่ ข้าต้องการให้ภายในจุกปิดมีลูกแก้ว เมื่อฝาจุกถูกเปิดออก ลูกแก้วนั้นจะร่วงลงมา”

เจียงชั่งโหลวมองดูจุกปิดในมือของฟู่เสี่ยวกวนอย่างประหลาดใจ เขาครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “ข้าต้องปรึกษากับช่างเสียก่อน ลองดูว่าพวกเขามีวิธีไหม เพียงแต่เหตุใดท่านจึงต้องทำเช่นนี้?”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เป็นเพียงลูกเล่นเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากนี้ แต่เรื่องนี้เจ้าจงนำไปคิดไตร่ตรองให้ดี ข้าคาดหวังว่าขวดในครั้งต่อ ๆ ไปจะเป็นเช่นนี้”

……

……

เรือลำใหญ่แล่นไปอย่างราบรื่นในแม่น้ำที่กว้างขวาง

บนหน้าต่างชั้นสาม ข้างหน้าต่างม่านไม้ไผ่หอมมีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าอันสวยงามของนางปรากฏขึ้นที่หน้าต่าง สายลมพัดผมสีดำขลับของนางปลิวไสวไปกับสายลม ส่งให้ใบหน้าขาวผ่องนั่นน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก

ริมฝีปากแดงระเรื่อเรียวบางกำลังขยับขึ้นคล้ายกับจะเอ่ยคำชื่นชมใดออกมา

“เสด็จแม่เพคะ ที่นี่คือเมืองหลินเจียง”

ซั่งกุ้ยเฟยละสายตาจากหนังสือความฝันในหอแดงที่อยู่ในมือลง สายตามองไปทางต้นเสียงแล้วเอ่ยว่า “แม่ย่อมรู้ดี ก่อนหน้าที่แม่จะเดินทางเข้าวัง ก็เคยเดินทางมายังเมืองหลินเจียงเช่นกัน……ไม่รู้ว่าบัดนี้ ก้อนหินใหญ่ที่สำนักศึกษาป้านชานถูกลมพัดจนล้มลงมาแล้วหรือยัง และไม่รู้ว่าบัดนี้ปลาคาร์ฟที่แม่เคยให้อาหารมันที่สระบัวในสำนักศึกษาหลินเจียงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

องค์หญิงเก้าหยูเวิ่นหวินเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เสด็จแม่เคยเดินทางมาศึกษาที่เมืองหลินเจียงอย่างนั้นหรือ?”

 “มิใช่เช่นนั้น ครั้งนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างฉีโจวและหลินเจียง ในเวลานั้นแม่เจ้าเป็นถึงสตรีผู้มีความสามารถแห่งเมืองฉีโจวเชียว มิได้เหมือนเจ้าที่ทำตัวกระโดกกระเดกดุจผู้ชาย ต่อไปคาดว่าจะหาราชบุตรเขยยากนัก”

 “เสด็จแม่…..” หยูเวิ่นหวินจับมือซั่งกุ้ยเฟยมาส่ายไปมา “ข้าเองก็เป็นสตรีผู้มีความสามารถมากมายเช่นกัน เหตุผลก็รู้ ๆ กันอยู่ เพราะข้ามีรูปโฉมที่งดงาม อีกทั้งยังมีความรู้ทางด้านวรรณกรรม ตำแหน่งราชบุตรเขยจะหายากได้อย่างไร”

ซั่งกุ้ยเฟยลูบไปยังมือของหยูเวิ่นหวิน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พระสวามีนั้นหาได้ไม่ยาก หากแต่หัวใจทั้งสองดวงจะตรงกันนั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง เจ้าจงดูองค์หญิงรองและองค์หญิงสี่เถิด แม่ไม่อยากเห็นเจ้าเป็นเยี่ยงนั้น พระสวามีของเจ้า แม่ต้องการให้เจ้าค้นหาด้วยตนเอง”

หยูเวิ่นหวินคิดในใจว่าตนจะไม่เป็นเช่นพี่สาวทั้งสองอย่างแน่นอน หากแต่การที่จิตใจสองดวงจะตรงกันนั้น ปัจจุบันนางก็อายุได้ 16 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอบุคคลเช่นนี้เลยสักครั้ง

ในเมืองจินหลิงมีบุรุษผู้มากความสามารถอยู่ไม่น้อย หยูเวิ่นหวินเองก็รู้จักพวกเขาจำนวนมาก และบรรดาเขาเหล่านั้นต่างก็ชื่นชอบนางไม่น้อย เพียงแต่จำเป็นต้องเจียมตนเพราะฐานะของนาง

ตำแหน่งราชบุตรเขยฟังดูแล้วช่างสูงส่งนัก แต่บรรดาบุรุษที่มากความสามารถล้วนตีตนออกห่างจากนาง

เนื่องจากราชบุตรเขยไม่สามารถเข้ารับราชการได้!

ดังนั้นหยูเวิ่นหวินที่อยู่ในฐานะองค์หญิง จึงไม่มีผู้ใดกล้าพิชิตหัวใจนางอย่างแท้จริง

หากเหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายองค์ฮ่องเต้ก็คงมีราชโองการลงมา ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เขาผู้นั้นจะต้องเป็นพระสวามีของนาง

องค์หญิงรองและองค์หญิงสี่ก็เป็นเช่นนั้น พระสวามีของพวกนางมิได้เต็มใจนักจึงได้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้นบ่อยครั้ง ได้ยินมาว่าองค์หญิงสี่กับพระสวามีนั้นเป็นเพียงในนาม หลังแต่งงานมาได้ 2 ปียังไม่มีทีท่าจะตั้งครรภ์แม้แต่น้อย

องค์หญิงรองนั้นได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง แต่ได้ยินมาว่าพระสวามีของนางแทบจะไม่ได้กลับบ้านเสียเลย

หลาย ๆ คราหยูเวิ่นหวินรู้สึกอิจฉาต่งชูหลาน เนื่องจากนางมีผู้มาชื่นชอบจำนวนมาก อีกทั้งบัดนี้นางยังมีบุคคลที่ชอบพออยู่ด้วย

ต่งชูหลานช่วงนี้นางอารมณ์ดียิ่งนัก บ่อยครั้งก็ยิ้มคนเดียวอยู่เสมอ แต่มักจะอ้างว่าเป็นเพราะหนังสือได้รับความนิยมสูง จึงทำให้นางมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่แท้จริงแล้วเป็นเช่นใด หยูเวิ่นหวินย่อมรู้ดีทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้นางจึงนึกถึงฟู่เสี่ยวกวน

เขาผู้นั้นช่างโชคดีนัก มองดูแล้วตำแหน่งของเขาในใจของต่งชูหลาน สูงกว่าเยี่ยนซีเหวินเป็นล้นพ้น

เพียงแต่……เขาผู้นั้นช่างเป็นคู่ครองที่หาได้ยากนัก หากตนมิได้มีฐานะเป็นองค์หญิงแล้ว อาจจะลองแย่งชิงกับต่งชูหลานดูก็ได้ หรืออาจจะ……ร่วมใช้สามีคนเดียวกัน?

หลังเกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ นางเองก็ตกใจยิ่งนักที่ตนคิดไปไกลได้ถึงเพียงนี้ สีหน้าขาวนวลของนางแดงระเรื่อ เมื่อซั่งกุ้ยเฟยเห็นดังนั้นจึงได้เอ่ยถามว่า “เจ้ายืนกรานจะพักค้างแรมที่หลินเจียงนี้ เหตุเพราะรู้สึกชอบพอผู้ใดที่นี่หรือไม่?”

 “เสด็จแม่เพคะ มิใช่เยี่ยงนั้น!”

หยูเวิ่นหวินมีสีหน้าเขินอาย ภายในใจของซั่งกุ้ยเฟยมีคำตอบขึ้นมาอย่างชัดเจน

 “ไหนลองบอกกับแม่มาซิว่าเป็นคุณชายคนใด?หรือให้แม่ทายดู?แม่ทายว่าบุรุษที่ลูกสาวของแม่ชื่นชอบนั้นคือฟู่เสี่ยวกวนใช่หรือไม่?”

หยูเวิ่นหวินมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมากมาก “ไม่ใช่เยี่ยงนั้นนะเพคะเสด็จแม่ ลูกจะชื่นชอบเขาได้อย่างไร เขาผู้นั้น เขาผู้นั้น……”

ซั่งกุ้ยเฟยหยิบหนังสือความฝันในหอแดงขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเบาว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนไป รอให้เดินทางถึงหลินเจียงเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านชินอ๋องออกหนังสือเชิญฟู่เสี่ยวกวนมาให้แม่ดูหน้าเสียหน่อย”