บทที่ 83 แผนฉุกเฉิน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

การผ่าส่วนหัวตาออกจะทำให้ลักษณะดวงตาภายนอกเปลี่ยนไป มีจุดประสงค์เพื่อให้ชั้นตาชัดเจนมากขึ้น

ในปัจจุบันการศัลยกรรมนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่หญิงสูงวัยและหญิงวัยกลางคนจะชอบเป็นพิเศษ

ก่อนเริ่มการผ่าตัด เสี้ยวเถียนฮวานอนอยู่บนเตียง เฉินชางเริ่มหยิบปากกาขึ้นมาร่างเส้นเพื่อกำหนดขอบเขตหัวตาที่ต้องกำจัดออกไป

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด!

หลังจากเฉินชางวาดเสร็จ ก็ใช้ไฟส่อง

จางจื้อซินใช้ผ้าปลอดเชื้อวางลงไป จากนั้นจึงให้ยาชาที่มีส่วนผสมของลิโดเคน[1]สองเปอร์เซ็น

เมื่อยาชาออกฤทธิ์ หยางเทาก็จัดการด้านขวาก่อน โดยกรีดเปลือกตาตามเส้นเป็นรูปตัว Z แยกเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังออกจนกลายเป็นชั้นตา

หลังจากนั้นฉินเสียงก็เข้ามาร่วมมืออย่างคล่องแคล่ว ใช้ไหมไนลอนขนาด 7-0 เย็บหัวตาและชั้นใต้ผิวหนังไปเข็มหนึ่ง

การตัดแต่งรอยเย็บอย่างเหมาะสมจะมีผลช่วยลดรอยย่นบริเวณดวงตา หลังจากตัดหนังส่วนหนึ่งออกไปและจัดตำแหน่งให้เรียบร้อยก็ใช้ไหมไนลอนขนาด 8-0 เย็บต่อ

ง่ายดายไม่ซับซ้อน เฉินชางคิดว่าตนดูรอบเดียวก็ทำได้แล้ว

แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

เนื่องจากเส้นประสาทบริเวณใบหน้าวางตัวอย่างซับซ้อนจนเขียนออกมาเป็นหนังสือเล่มหนาที่ใช้หนุนแทนหมอนสำหรับนักศึกษาแพทย์ได้เลยทีเดียว จินตนาการได้เลยว่าความยากและความซับซ้อนของมันมีมากขนาดไหน

ตอนนี้ระดับความเข้าใจเรื่องเส้นประสาทของเฉินชางมีแค่ประสาทรับกลิ่น ประสาทจอตา และประสาทดวงตาเท่านั้น

เขายังต้องให้ความสำคัญต่อการศึกษาเรื่องเส้นประสาทบริเวณหัวตาอีกมาก

เฉินชางอยู่สังเกตการณ์เพื่อศึกษา ฉินเสียงและหยางเทาลงมือไปพลางอธิบายไปพลาง “เสี่ยวเฉิน ดูตรงนี้ เส้นประสาทเริ่มจากตรงนี้ ดังนั้นตอนลงมีดจะต้องทำให้มั่นคง การผ่าตัดเพื่อศัลยกรรมบริเวณใบหน้าไม่ต้องลงมีดหนักเหมือนการผ่าตัดส่วนท้อง ส่วนนี้จะต้องลงมีดให้เบา ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปนะครับ!”

การผ่าตัดดำเนินไปประมาณชั่วโมงครึ่ง!

ราบรื่นเป็นอย่างมาก!

และประสบความสำเร็จมาก ทุกคนร่วมมือกันได้ดี

เฉินชางเองก็ทำประโยชน์มากมาย นอกจากร่างเส้นแล้วยังเป็นผู้คอยสังเกตการณ์และชักนำการผ่าตัดในครั้งนี้ด้วย เป็นกำลังเสริมไม่ให้การผ่าตัดล้มเหลว

อย่าดูถูกกำลังเสริมเป็นอันขาด!

เฉินชางมีทักษะที่ทำงานอัตโนมัติอยู่

ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงเตือนดังขึ้น!

[ติ๊ง! ทักษะจากฉายามือใหม่แห่งห้องผ่าตัด โอกาสเรียนรู้ทักษะ 1% ถูกกระตุ้น ได้รับทักษะของหยางเทา: ทักษะการทำตาสองชั้น]

[ทักษะการทำตาสองชั้น ระดับสูง คุณสมบัติ: ฟื้นตัวรวดเร็ว]

เฉินชางรู้สึกฟินไปกับเคสผ่าตาสองชั้นเล็กๆ!

เขาพอใจมาก!

การทําตาสองชั้นก็คือการผ่าตัดเพื่อทำตาสองชั้น หลักๆ มีอยู่สามวิธี วิธีแรกที่ใช้บ่อยที่สุดคือการร้อยไหม วิธีที่สองคือการผ่า วิธีสุดท้ายคือการเย็บ

ในสามวิธีนี้ การเย็บเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เหมาะสมกับมือใหม่ แต่ว่า…ของง่ายๆ มักมีข้อบกพร่องและข้อด้อยอยู่มาก

วิธีเย็บมีผลข้างเคียงมาก ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทุกคนลอง

เพราะหลังจากเย็บแล้ว เนื้อเยื่อเปลือกตาทั้งชั้นจะถูกเย็บเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดความผิดปกติในการระบายของเหลว หลังการผ่าตัด ปฏิกิริยาที่เกิดจากการตอบสนองต่อการเย็บจะทำให้เกิดพังผืดเป็นเส้นบริเวณเปลือกตาและชั้นผิวหนัง ซึ่งลักษณะที่เกิดจะแตกต่างกันไป

อย่างน้อยที่สุด เมื่อรอยพังผืดคลายออก ชั้นตาจะจางลงหรือกระทั่งหายไป

อย่างมากที่สุดจะทำให้รอยสูงเกินไปจนยากจะแก้ไข

หากตำแหน่งของการกรีดและการเย็บสูงเกินไปจะทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อดวงตาถูกจำกัด ทำให้เปลือกตาหย่อนคล้อย ดวงตาล้า ลืมตาลำบาก

ดังนั้น วิธีการผ่าตัดที่พบได้มากที่สุดในปัจจุบันก็คือการร้อยไหมและการกรีดตา

ซึ่งในสองวิธีนี้ การร้อยไหมเป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุด ส่วนการกรีดตาเป็นวิธีการผ่าตัดที่ต้องใช้ฝีมือและประสบการณ์สูงที่สุด

เรียกได้ว่าคนที่กล้าใช้การกรีดตาสองชั้น ถ้าไม่ใช่ระดับบอสก็ต้องเป็นระดับบิ๊กบอส!

เป็นพวกสุดยอดทั้งคู่!

เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ เสี้ยวเถียนฮวาก็ถูกส่งตัวไปพักผ่อน ส่วนเฉินชางกำลังดูภารกิจทั้งสองที่ยังไม่ขึ้นว่าสำเร็จ

หรือต้องรอให้เสี้ยวเถียนฮวาฟื้นตัวก่อนจึงจะนับว่าสำเร็จ?

ดูท่าคงต้องรออีกสักระยะ!

อย่างน้อยก็เจ็ดวัน

ทว่าวันนี้ได้รับทักษะดีๆ มาจากหยางเทาทักษะหนึ่งก็นับว่าเยี่ยมมากแล้ว ไม่เสียเที่ยว

ขณะที่เฉินชางเตรียมจะไปพักผ่อนนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“เสี่ยวเฉิน! ทำอะไรอยู่?”

เป็นหลี่เป่าซาน!

เกิดอะไรขึ้น?

หัวหน้าแผนกหลี่โทรหาเขาน้อยมาก หรือที่โรงพยาบาลจะมีผู้ป่วยฉุกเฉิน “หัวหน้าแผนก ผมไม่ได้ทำอะไรครับ”

เฉินชางปิดบังเรื่องที่เขามาเรียนการผ่าตัดทำศัลยกรรมด้านนอก

หลี่เป่าซานส่งเสียงตอบ “คุณมาหาผมที่บ้านหน่อยครับ มีบางอย่างต้องคุยกับคุณน่ะ”

บ้านของหลี่เป่าซานอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ โรงพยาบาล ปกติเดินประมาณห้านาทีก็ถึง ราคาค่อนข้างแพง แต่เป็นบ้านที่โรงพยาบาลมอบให้

หลี่เป่าซานเป็นหมอมากความสามารถที่ถูกเชิญมายังโรงพยาบาลอันดับสอง ตอนนั้นจึงได้รับมอบบ้านขนาดหนึ่งร้อยตารางเมตรไปหลังหนึ่ง

เมื่อเฉินชางเคาะประตู หลี่เป่าซานก็เปิดประตูให้เขา

เมื่อเข้าไปแล้ว พบว่าในห้องมีคนนั่งอยู่หลายคน ยิ่งไปกว่านั้นต่างก็เป็นคนคุ้นเคย ได้แก่อันเยี่ยนจวิน เฉินปิ่งเซิง แล้วยังมี…ฉินเสี้ยวหยวน? ห่าวซวี่เลี่ยง?

เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเนี่ย?

เฉินชางใจเต้นตุบตับ แต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม หลังจากทักทายทุกคนตามลำดับอาวุโสแล้วก็หาที่นั่งลง

สถานการณ์แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องฟังให้มากพูดให้น้อย

ฉินเสี้ยวหยวนพูดกับหลี่เป่าซานว่า “เป่าซาน คุณพูดเถอะ”

หลี่เป่าซานผงกหัว พูดกับทุกคนว่า “วันนี้ที่ผมเรียกทุกคนมาที่บ้าน เพราะมีเรื่องจะปรึกษาทุกคนน่ะครับ”

“การพัฒนาแผนกศัลยกรรมทรวงอกไม่ค่อยดีนัก ทางโรงพยาบาลจึงคิดจะยุบแผนกศัลยกรรมทรวงอก แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแผนการเท่านั้น ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนออกมา แต่…ถึงแผนกศัลยกรรมทรวงอกจะไม่ใหญ่ แต่ก็มีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเอง ห้องผ่าตัดหมายเลขแปดจะว่างลง ดังนั้น ผมกับผู้อำนวยการฉินหารือกันแล้ว คิดว่าจะตั้งเป็นห้องผ่าตัดของแผนกฉุกเฉิน ทุกคนว่ายังไงครับ?”

เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ ท่าทีของทุกคนพลันมีสีสันขึ้นมาทันที

มีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเอง!

เท่ากับว่าได้เลื่อนขั้นแล้ว!

ไม่ต้องไปใช้ห้องผ่าตัดร่วมกับแผนกอื่นแล้ว

ปกติห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเป็นห้องผ่าตัดรวม แต่แผนกใหญ่ๆ มักมีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเอง เช่น แผนกสูตินรี แผนกศัลยกรรมทั่วไป แผนกกระดูก แผนกประสาท แผนกเหล่านี้จะใช้ห้องผ่าตัดภายในแผนกตัวเองเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องผ่าตัดร่วมกับแผนกอื่น

แม้แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองจะมีการผ่าตัดไม่น้อย แต่กลับไม่มีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเอง ต้องร่วมมือกับแผนกที่เกี่ยวข้องกับโรคนั้นๆ แล้วส่งไปผ่าตัดที่แผนกนั้น

พูดให้ชัดเจนก็คือ เปรียบเหมือนลูกเขยที่ถูกส่งไปช่วยงานตามบ้านนั่นแหละ

แผนกฉุกเฉินกลายเป็น “คนกลาง” รักษาผู้ป่วยเบื้องต้น หลังจากรู้สาเหตุแล้วก็ส่งไปรักษาที่แผนกเฉพาะทาง…ออกจะเรียบง่ายเกินไปสักหน่อย

เท่ากับว่าจะไม่มีอำนาจเป็นของตัวเอง!

แต่ถ้ามีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเองจะแตกต่างกันไป เปรียบเหมือนทาสรับใช้ได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าเมือง!

แน่นอน…

มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย

อย่างน้อยหลังจากวันนี้ไป ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดในห้องผ่าตัดอันได้แก่ ค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ ค่าพยาบาล ค่าใช้จ่ายต่างๆ…ทั้งหมดจะต้องให้แผนกฉุกเฉินเป็นผู้รับผิดชอบ!

ต้องทราบว่าโรงพยาบาลก็เหมือนกับกิจการใหญ่ๆ ห้องผ่าตัดก็เหมือนพื้นที่แบ่งเช่าในตึกการค้า ทุกเดือนจะต้องมีค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ…อะไรต่างๆ นานา

หลังจากชำระเงินหรือหักเงินเสร็จสิ้น เงินของคุณจึงจะเข้าสู่บัญชีของแผนก!

ดังนั้นโรงพยาบาลก็เหมือนกับกิจการเล็กๆ มีการแบ่งขั้วอำนาจรุนแรง

แผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่ยากจนข้นแค้น ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอด ถ้าไม่มีเงินพิเศษมาสนับสนุนอาจล่มสลายไปนานแล้วก็เป็นได้…

แน่นอนว่าโรงพยาบาลย่อมไม่ปล่อยให้แผนกฉุกเฉินถูกยุบ

แต่…ถึงจะไม่ปล่อยให้คุณล่มจม แต่ถ้าต้องการมีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเองย่อมยากกว่าปกติ!

[1] ลิโดเคน คือยาชาเฉพาะที่