ตอนที่ 55 สองพ่อลูกผู้พลิกแพลง... แผนตอบโต้

ยอดนักรบจอมราชัน

“นี่นาย… นายมองฉันแบบนี้ทำไม ?” หวังยู่ถามอย่างสงสัย

“หวังยู่… ทำไมเธอถึงดีกับฉันขนาดนี้ ?” เย่เชียนถาม เขายิ้มอย่างคลุมเครือ

“อะ… อะไรนะ ? มันเป็นหน้าที่ของฉันในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ใช่หรือไง ?” หวังยู่ตอบอย่างตะกุกตะกักและมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย

“เอาล่ะ ฉันบันทึกคำให้การของนายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในระหว่างนี้นายจะยังออกไปจากสถานีตำรวจไม่ได้ และเพื่อนร่วมงานของฉันจะมาพานายเข้าห้องฝากขัง”

หลังจากหวังยู่พูดเสร็จ เธอก็รีบเดินออกไปอย่างว้าวุ่น ดูเหมือนเธอจะเป็นกังวลอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่างจนเธอไม่ได้มองทาง ขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านประตู ทันใดนั้นเอง หัวของเธอก็กระแทกเข้ากับขอบประตูโดยไม่ตั้งใจ แต่เธอก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอกำลังถูหัวของเธอไปมาบรรเทาความเจ็บปวด

“เหอะ ๆ… ฮ่า ๆ ๆ” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าอันที่จริงนิสัยตามธรรมชาติของหวังยู่นั้นน่ารักมาก

หลังจากออกจากห้องสอบสวน หวังยู่ก็รีบเก็บข้าวของและกลับบ้านของเธอ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของเย่เชียนเป็นการที่ใครบางคนต้อนให้จนมุมและใส่ร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ

……

“เสี่ยวยู่… กลับมาแล้วเหรอลูก ?” หวังปิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เห็นหวังยู่เดินเข้ามาก็ทักทายเธอ

“หนูเหนื่อยมากเลยค่ะพ่อ” หวังยู่ถอดรองเท้าและวางกระเป๋าลง จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ พ่อของเธอบนโซฟาและพูดว่า “พ่อคะ หนูมีเรื่องจะถามพ่อ”

“อืม ว่ามาสิลูก มีเรื่องอะไรล่ะ ?” หวังปิงยิ้มให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู

“มีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นวันนี้ค่ะ คือ… ก่อนที่หนูจะออกไปจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนนึง หัวหน้าของพวกเราก็ออกคำสั่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนว่าหากผู้ต้องสงสัยคนนี้ขัดขืนหรือต่อต้านการจับกุม ให้พวกเราวิสามัญจับตายเขาได้เลยในทันที ปกติแล้วหัวหน้าของหนูเขาจะไม่ออกคำสั่งแบบนี้เด็ดขาด หนูว่ามันต้องมีคนจากเบื้องบนที่กดดันเขา หรือบางทีอาจจะให้ผลประโยชน์แก่เขา พ่อพอจะได้ยินอะไรมาบ้างมั้ยคะ ?” หวังยู่ถามอย่างคาดหวัง

“หืม ? อย่างงั้นเชียวเหรอ ?” หวังปิงขมวดคิ้วและถามว่า “แล้วผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนนั้นชื่ออะไรล่ะ ?”

“เขาชื่อเย่เชียนค่ะ… เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ป” หวังยู่ตอบ

“แล้วคนที่ถูกฆ่าตายเป็นใคร ?” หวังปิงถามต่อ

“เจ้าหน้าที่ทั่วไปของกระทรวงยุติธรรมค่ะ แฟนสาวของเขาชื่อซูย่าหยิง เธออยู่สำนักวางแผนครอบครัว และจากการสืบสวนของเราในไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่สถานประกอบการชื่อบาร์มนต์เสน่ห์ เย่เชียนและผู้ตายได้ทะเลาะวิวาทกันจนเกิดความรุนแรง และแฟนสาวของผู้ตายยังบอกอีกด้วยว่าเธอเห็นเย่เชียนฆ่าแฟนของเธอด้วยตาของเธอเอง ในเวลานั้นอู่หยางเทียนหมิงและลูกน้องคนอื่น ๆ ก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นอกเหนือจากอู่หยางเทียนหมิงแล้ว พวกเขาที่เหลือทั้งหมดก็ได้ร่วมทะเลาะวิวาทกันกับเย่เชียนด้วยเช่นกันค่ะพ่อ”

“โอ้…!”

หวังปิงจ้องมองอย่างว่างเปล่า เขารู้ว่าอู่หยางเทียนหมิงคือใคร เพราะอู่หยางเทียนหมิงนั้นเป็นลูกชายของคู่แข่งทางการเมืองของเขาเอง ทั้งยังเป็นหนึ่งในสี่หนุ่มผู้ทรงอิทธิพลในเซี่ยงไฮ้

คนที่กล้าเผชิญหน้ากับอู่หยางเทียนหมิงนั้นมีน้อยมาก หวังปิงรู้สึกคลุมเครือและไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอู่หยางเทียนหมิงได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่เขาจะเอาชนะอู่หยางเฉิงในการเลือกตั้งผู้ว่าเทศบาลเมืองที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ และคนคนเดียวที่สามารถแข่งขันกับตนเองได้ก็มีแค่อู่หยางเฉิง ถ้าหากพวกนั้นเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังจริง ๆ มันก็เป็นไปได้ว่าเขาเองก็ยิ่งมีโอกาสในการชนะการเลือกตั้งมากยิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน

แต่สิ่งที่หวังปิงไม่เข้าใจเลยก็คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ ที่กล้าต่อกรกับอู่หยางเทียนหมิง เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่ เขาจะเป็นเพียงคนโง่คนหนึ่ง หรือเขาอาจจะมีผู้หนุนหลังหรือการสนับสนุนบางอย่างที่ทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนี้หรือเปล่า ?…

“แล้วลูกล่ะ… ลูกคิดว่ายังไง ? ลูกคิดว่าคนที่ชื่อเย่เชียนนั่นกำลังถูกใส่ร้ายงั้นใช่ไหม ? แล้วลูกมีหลักฐานอะไรมั้ย ?” หวังปิงถามลูกสาวของเขา

“ไม่มีค่ะพ่อ… หนูเองก็ถามเขาเหมือนกันว่าเขามีพยานที่จะยืนยันหลักฐานที่อยู่ของเขาในเวลาเดียวกันกับเวลาขณะเกิดเหตุฆาตกรรมไหม ซึ่งเขาก็บอกหนูมาว่าไม่มีเลย แต่พ่อคะ หนูรู้สึกว่าเขากำลังซ่อนความจริงอะไรบางอย่างอยู่ หนูก็อธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเลย”

หวังยู่พูดด้วยความกังวลอย่างมาก และเมื่อพูดถึงเย่เชียนแล้ว เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยและคิดในใจว่า ‘ผู้ชายคนนี้ทำไมไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเลย… แย่จริง ๆ’

หวังปิงมองดูลูกสาวของเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ถามราวกับว่าเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในตัวลูกสาว “เสี่ยวยู่ ลูกรู้จักผู้ต้องหาคนนั้นที่ชื่อเย่เชียนเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า ? ลูกคุ้นเคยกับเขาเหรอ ?”

“แน่นอนค่ะพ่อ หนูคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี ต่อให้หมอนั่นจะกลายเป็นขี้เถ้า ยังไงหนูก็จำเขาได้ ครั้งแรกที่หนูพบเขา เขาจงใจกวนประสาทหนู และพอตอนอยู่ที่สถานีตำรวจ เขาก็…”

เมื่อเธอพูดมาถึงจุดนี้ หวังยู่ก็หยุดและใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ในช่วงเวลาแห่งความกระวนกระวายใจและตื่นเต้นของเธอ เธอเกือบจะเผลอพูดออกมาว่า เย่เชียนได้กระทำเกินเลยเสรีภาพของเธอในห้องสอบสวนวันนั้น และเมื่อเธอเห็นว่าหวังปิงมีรอยยิ้มที่ดูคลุมเครือบนใบหน้า หวังยู่ก็รีบตอบเหมือนเด็กที่กำลังโกรธเกรี้ยวว่า

“พ่อ! เรากำลังพูดถึงคดีนี้อยู่ พ่ออย่าเปลี่ยนเรื่องสิคะ”

“อ้อ! เรื่องคดี ฮ่า ๆ ๆ” หวังปิงหัวเราะ

เมื่อเขาได้ยินลูกสาวพูดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเย่เชียนอย่างมาก หนุ่มน้อยคนนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีและมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ ? เพราะถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะกล้าหยิ่งผยองขนาดนั้นได้อย่างไร ? หลังจากตระหนักอยู่ไม่นาน หวังปิงก็พูดว่า

“เสี่ยวยู่… ลูกรู้ไหมว่าเย่เชียนมีใครหนุนหลังหรือสนับสนุนเขาอยู่บ้าง ? ครอบครัวของเขาล่ะเป็นยังไง ?”

“เขาเป็นเด็กกำพร้าและได้รับอุปถัมภ์เลี้ยงดูโดยคนเก็บขยะตอนที่เขายังเด็ก ๆ ค่ะ เมื่อแปดปีที่แล้วเขาออกจากเซี่ยงไฮ้ไป เขาเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานนี้เอง หนูไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรในช่วงแปดปีที่ผ่านมา… ระหว่างการสอบสวนของหนูครั้งล่าสุด ในคดีที่เขาไปทำร้ายร่างกายนายหัวของเหมืองแร่ที่มณฑลซานซีที่เข้ามาลงทุนในประเทศจีน หลังจากที่เขาถูกจับกุมได้ไม่นาน ก็มีอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะหรือคุณหลี่ฮ่าวมาสั่งปล่อยตัวเขาเป็นการส่วนตัวโดยที่ทุกคนไม่คาดคิด และเขายังเรียกเย่เชียนว่าพี่สองอีกด้วยค่ะพ่อ” หวังยู่พูดหลังจากที่เธอตระหนักถึงเรื่องนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว

หวังปิงขมวดคิ้ว เพราะการที่หลี่ฮ่าวได้มีตำแหน่งเป็นถึงอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ นั่นก็เพราะว่าเขาเองที่เลื่อนตำแหน่งเป็นการส่วนตัวให้กับหลี่ฮ่าว ส่วนตัวเขานั้นก็เคยได้ยินจากหลี่ฮ่าวว่า เขาถูกเลี้ยงดูมาโดยคนเก็บขยะ และจากสิ่งที่หวังยู่เล่ามาทั้งหมด เขาก็คิดได้ว่าเย่เชียนต้องเติบโตมาพร้อมกับหลี่ฮ่าวอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วถ้าเขาอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเย่เชียน เขาก็แค่ไปถามจากหลี่ฮ่าวเพียงเท่านั้น เมื่อตระหนักและไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดจนถึงจุดนี้ หวังปิงก็พูดขึ้นมาว่า

“เสี่ยวยู่… พ่อรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดจากอู่หยางเทียนหมิงโดยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขา และแน่นอนที่สุด พวกเขาก็ได้เริ่มแผนชั่ว ๆ ไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว”

“พ่อคะ พ่อเป็นถึงหัวหน้าคณะกรรมการเทศบาล… พ่อไม่สามารถมองข้ามเรื่องนี้ไปได้นะคะ” หวังยู่ตอบอย่างกังวล

หวังปิงหัวเราะ ดวงตาเป็นประกาย เขาตอบว่า

“ตราบใดที่หนุ่มน้อยคนนั้นบริสุทธิ์จริง ๆ พ่อรับปากเลยว่าจะไม่มีใครหน้าไหนแตะต้องเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ หึ ๆ ๆ อู่หยางเฉิง… คุณกำลังหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ ๆ ในขณะที่พยายามจะเอาชนะฉันในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ คุณยังกล้าที่จะสร้างปัญหาอีกเหรอ… แหม่!”

หวังยู่เป็นหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง เธอไม่เข้าใจเรื่องของการเมืองมากเท่าไหร่นัก สิ่งที่เธอห่วงใยจริง ๆ ก็คือความปลอดภัยของเย่เชียน

หลังจากที่เธอได้ยินคำสัญญาจากปากของพ่อ เธอก็รู้สึกผ่อนคลายสบายใจขึ้น แต่เธอก็ยังต้องเฝ้าระวังเพราะพ่อของเธอบอกเอาไว้ว่าศัตรูมักจะเคลื่อนไหวอีกครั้งเสมอ เธอไม่สามารถปล่อยให้เย่เชียนพบเจอกับอันตรายใด ๆ ภายใต้การเฝ้าระวังของเธอได้

“พ่อ… งั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” หวังหยู่พูดพร้อมยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ จากนั้นเธอก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปไม่ต่างจากเด็กสาวซุกซน

หวังปิงวางหนังสือพิมพ์ในมือลง เขาพึมพำกับตัวเองและดึงโทรศัพท์ออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะสามารถโจมตีและทำลายอู่หยางเฉิงได้หรือไม่ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ให้มันหลุดมือไปได้ เพราะตราบใดที่เขาถือไพ่เหนือกว่า ตำแหน่งผู้ว่าเทศบาลเมืองก็จะตกเป็นของเขาได้ไม่ยาก..