บทที่ 131 เกี่ยวพันเป็นวงกว้าง + บทที่ 132 หยางซิ่วเอ๋อร์ถูกจับ Ink Stone_Romance
บทที่ 131 เกี่ยวพันเป็นวงกว้าง
ชายสองคนที่ไปบ้านของหยางเล่อเล่อก่อนหน้านี้ถูจมูกตัวเอง ให้ตายเถอะ พวกเขาไม่ควรรบกวนเหลยอันเกินเหตุ
เหลยอันพ่นลมเยาะ เขาคงบอกชายสองคนนี้ไม่ได้หรอก ว่าเขากลัวเจ้านายตัวเองจนฝันร้ายทั้งคืน ทำให้นอนไม่หลับ ถ้าสองคนนี้รู้ เขาจะต้องอับอายขนาดไหน
เหลยอันเข้าไปในบ้านแล้วพูดคุยกับพวกเขา ทั้งยังให้ของที่ตนเก็บมาจากตอนนั้นแก่ทั้งสอง
เมื่อมองยังวัตถุชิ้นนั้น รูม่านตาทั้งสองคนหดลงเล็กน้อย “นายท่านเหลยอัน นี่มัน…”
“พวกเจ้าคิดว่ามีใครพยายามจัดฉากหรือเปล่า” เหลยอันมองพวกเขา คำถามนั้นตรงกับสิ่งที่ทั้งสองคิด
พวกเขาก้มศีรษะลง แน่นอนว่าพวกตนคิดแบบนั้นเช่นกัน จะอย่างไร ถ้าโจรพวกนั้นเกี่ยวข้องกับแม่ทัพเฉียวจริง อุปสรรคที่มีก็หนักหนาเกินรับไหว ถึงขั้นมีพวกแม่ทัพมาเกี่ยวข้องด้วย
เหลยอันมองชายทั้งสองแล้วแสยะยิ้ม “พวกเจ้าเพียงแค่ต้องไปสืบเรื่องนี้มา ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้แล้ว”
“เป็นไปได้ไหมว่า…” ทั้งสองมองเหลยอันอย่างไม่มั่นใจ
เหลยอันผงกศีรษะ
พวกเขาเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร
คนของตระกูลเฉียวเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่แม่ทัพเฉียวสนับสนุนฮ่องเต้คนละองค์ เหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังเป็นแม่ทัพของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เพราะคุณงามความดีที่เคยทำ
เขาต่อสู้เพื่อฮ่องเต้ ทำกระทั่งช่วยชีวิตพระองค์ไว้ เพราะแบบนั้นฮ่องเต้จึงไว้ชีวิตตระกูลเฉียวหลังขึ้นครองบัลลังก์ ใครจะคาดคิดว่าตระกูลเฉียวกลับไม่ซาบซึ้งในตัวท่านแม่ทัพแล้วขับไล่เขาออกไป หลายปีผ่านล่วงเลยโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน
เรื่องที่ทุกคนทราบคือฮ่องเต้เว้นตำแหน่งแม่ทัพว่างไว้เพื่อเขา รอคอยให้เขากลับมา
“อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครอื่นเป็นอันขาด”
“รับทราบขอรับ”
หลังจากได้รับอนุญาตจากเหลยอัน ทั้งสองจึงเริ่มตามสืบ ทว่าพวกเขาค้นพบว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่เห็นในตอนแรก เรียกได้ว่าซับซ้อนเลยทีเดียว จากปากคำของหัวหน้าฝูงโจร ปรากฏว่าพวกเขาได้ป้ายหยกกับคำสั่งจากตระกูลเฉียวให้มาจัดการสาวชาวบ้านอ่อนแอคนหนึ่ง
แต่ยังมีคำถามอีกมากที่ไร้คำตอบ เช่นว่าพวกนั้นรู้ได้อย่างไรหญิงสาวคนนั้นจะเดินทางบนถนนเส้นนั้น แล้วเหตุใดจึงเป็นวันที่นางใช้ถนนเส้นนั้นพอดี
ภายหลังพวกเขาพบว่าคำสั่งนั้นมาจากข้ารับใช้คนหนึ่ง
และข้ารับใช้คนนั้นรู้ตำแหน่งของหญิงสาวผู้นั้นจากสตรีอีกนางในหมู่บ้านไป๋ซาน
หลังจากสืบไปได้สักพัก พวกเขาคิดว่าปัญหานี้ยุ่งยากโดยแท้
เฉียวเทียนช่างพอใจกับงานสืบข้อมูลของพวกเขามาก เขามองชายทั้งสองพาคนไปที่บ้านของหยางซิ่วเอ๋อร์ “พวกเจ้าคนไหนคือหยางซิ่วเอ๋อร์”
หยางซิ่วเอ๋อร์หวาดระแวงเมื่อเห็นพวกเขาพาใต้เท้ามาที่บ้านตน ตัวนางเกร็งขึ้นมาทันทีที่ได้ยินพวกเขาเรียกชื่อ นางเผลอตอบโดยไม่ทันคิด “ข้าเอง”
“เอาตัวนางไป”
เมื่อนางหลัวเห็นพวกเขาจะเอาลูกสาวนางไป นางก็บันดาลโทสะ รีบก้าวมากางแขนปกป้องหยางซิ่วเอ๋อร์แล้วจ้องพวกเขาเขม็ง “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ถ้าไม่รีบไสหัวไป ข้าจะฟ้องว่าพวกเจ้ารุกล้ำบ้านข้า”
พวกเขาไม่สนใจจะอธิบายสถานการณ์ให้นางหลัวฟัง หนึ่งในนั้นเพียงกล่าว “ถ้าเจ้าอยากไปฟ้องก็ไปแจ้งกับทางการ กล้ามาขวางพวกข้าทำงานเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญารับผิดชอบรึ”
“เจ้าจะเอาตัวลูกข้าไปทำไม นางไปทำอะไร”
“นางทำอะไรน่ะรึ นางต้องสงสัยข้อหาพยายามฆ่าคนน่ะสิ”
คนนอกเริ่มเกาะกลุ่มกันดูว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ตอนที่มีใต้เท้ามาตามหาหยางซิ่วเอ๋อร์ พอได้ยินข้อกล่าวหา พวกเขาก็ตาโต
หยางซิ่วเอ๋อร์ต้องสงสัยข้อหาพยายามฆ่าอย่างนั้นรึ พอเห็นหน้าซีดเซียวหวาดกลัวของนางแล้ว ทุกคนก็ชักรู้สึกว่าอาจเป็นไปได้จริง
นางหลัวมองพวกเขา สีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่…นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ลูกสาวข้าไม่มีวันทำอะไรพรรค์นั้น”
ใต้เท้าผลักนางหลัวให้หลบไปอย่างหมดความอดทน “เจ้าคิดว่าเราจะมาจับนางโดยไม่มีหลักฐานรึ หลบไปเสีย”
เจ้าหน้าที่ทางการจับตัวหยางซิ่วเอ๋อร์ไป ระหว่างทางตรงตีนเขา พวกเขาสวนกับหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง
หยางซิ่วเอ๋อร์งัดแรงอันน่าตกใจสลัดตัวหลุดจากการจับกุม นางปราดเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยา เกาะคว้าเสื้อหนิงเมิ่งเหยาพร้อมอ้อนวอน “เมิ่งเหยา ข้าขอร้อง ช่วยข้าด้วย ข้าบริสุทธิ์”
หนิงเมิ่งเหยาแกะมือหยางซิ่วเอ๋อร์ออก แววตานางเต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยง “เจ้าพูดว่าเจ้าบริสุทธิ์อย่างนั้นรึ เช่นนั้นก็ไปบอกใต้เท้าที่เป็นคนตัดสินเจ้าแล้วกัน”
บทที่ 132 หยางซิ่วเอ๋อร์ถูกจับ
หยางซิ่วเอ๋อร์ขอร้องหนิงเมิ่งเหยาไม่หยุด “เมิ่งเหยา ข้ารู้ ข้าผิดไปแล้ว เจ้าต้องช่วยข้านะ เจ้าทั้งเก่งทั้งมีอิทธิพล ข้าขอร้อง”
หนิงเมิ่งเหยาปัดมือหยางซิ่วเอ๋อร์ออกแล้วแสยะยิ้ม “อย่าพยายามขอร้องข้าเลย ข้าช่วยอะไรเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ข้าช่วยได้ ทำไมข้าถึงจะต้องช่วยเจ้าด้วยเล่า รู้อะไรไหม นี่ช่างน่าขันเสียจริงที่เจ้ามารู้ตัวว่าเจ้าผิดเอาป่านนี้ แล้วตอนเจ้าช่วยคนนอกพวกนั้นลอบทำร้ายเล่อเล่อ ทำไมเจ้าไม่คิดบ้างว่าเล่อเล่อเป็นเพื่อนบ้านของเจ้า” นางไม่เข้าใจว่ามนุษย์คนหนึ่งจะใจร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
ยามมองร่างที่กำลังอ้อนวอน หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้สึกเสียใจ นางกลับรู้สึกว่านี่คือทางเดียวที่จะสอนบทเรียนให้หญิงผู้นี้
สำหรับคนชั่วร้ายแบบหยางซิ่วเอ๋อร์ สิ่งที่ตามมาเล่นงานนางในตอนนี้ล้วนเป็นเพียงผลจากการกระทำของนางเอง
หยางซิ่วเอ๋อร์เหม่อมองหนิงเมิ่งเหยา สายตาที่ใช้มองนางทั้งหวาดกลัวและดูว่างเปล่า ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ทันใดนั้นเอง หยางซิ่วเอ๋อร์ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆ สุดท้ายแล้วเจ้ามันก็นางสารเลวอย่างที่ข้าคิดไว้”
หนิงเมิ่งเหยามองนางพูดจาบ้าบอแล้วพูดไม่ออก คนแบบนางไม่ควรค่าให้ช่วยเหลือจริงๆ
พอเห็นแววตาของหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างเหลือบมองยังทหาร แล้วพวกเขาก็รีบเอาตัวหยางซิ่วเอ๋อร์ไป
ขณะที่หยางซิ่วเอ๋อร์ถูกลากตัวไป นางจ้องหนิงเมิ่งเหยาไม่วางตา เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วมองไปยังแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังคู่นั้น ท่าทางหญิงนางนี้จะไม่มีวันเรียนรู้อะไรเลย
หนิงเมิ่งเหยาเข้ามาหาเฉียวเทียนช่างพลางบอก “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”
เขาแตะหน้าผากหนิงเมิ่งเหยาอย่างอ่อนโยนแล้วตอบนาง “ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องสงสารคนพรรค์นั้นหรอก”
“เจ้าคิดว่าข้าจะสงสารนางหรือ” หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้ว
เฉียวเทียนช่างอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยยิ้ม ตระหนักได้ว่าตนคิดผิดถนัด
เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์โดนเอาตัวไปแล้ว นางร้องลั่นว่านางโดนบังคับให้ทำ ครั้นท่านเจ้าเมืองถามหาหลักฐาน นางก็เอาป้ายหยกออกมา
พอพวกเขาเห็นป้ายหยกแผ่นนั้น ท่านเจ้าเมืองไม่ได้ประหลาดใจอยู่เพียงฝ่ายเดียว บัณฑิตอีกสองคนก็ยังพลอยตกใจไปด้วย
ป้ายหยกที่ว่าเป็นของตระกูลเซียว แล้วมันมาอยู่ในมือของหญิงสาวชาวบ้านได้อย่างไร
“เจ้าไปเอาป้ายหยกนี้มาจากไหน”
“ข้าก็ต้องได้มาจากข้ารับใช้ของที่นั่นอย่างไรเล่า พวกเขามาหาข้าแล้วเอาเงินให้ข้า แลกกับบอกพวกเขาว่าหยางเล่อเล่อมักจะกลับเข้าหมู่บ้านตอนไหน” ตอนนี้หยางซิ่วเอ๋อร์บอกได้ด้วยตัวเองว่านางไม่ควรเก็บงำความจริงจากพวกเขา นางรู้ว่าถ้านางปกปิดข้อมูลใดเข้า ผลที่ตามมามีแต่ความตายเท่านั้น
ทว่า นางไม่รู้ว่าหากนางยอมรับผิด นางก็จะต้องตายอยู่ดี ส่วนทางผู้มีอำนาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นางเป็นเพียงเบี้ยใช้แล้วทิ้งของพวกเขา
ท่านเจ้าเมืองและบัณฑิตสองคนถกเถียงเรื่องนี้กัน จนในที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจสั่งขังหยางซิ่วเอ๋อร์ไว้ก่อน แล้วนำเอาป้ายหยกไปที่ตำหนักของตระกูลเซียว
ก่อนหน้านี้ หยางซิ่วเอ๋อร์สารภาพกระทั่งสถานที่ที่นางพบกับข้ารับใช้ ข้ารับใช้คนนั้นจึงโดนจับกุมอย่างรวดเร็ว
หยางซิ่วเอ๋อร์มองสีหน้าหวาดผวาของข้ารับใช้คนนั้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “เจ้าคิดจะทอดทิ้งข้าไม่ใช่หรือ ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเช่นนี้แล้ว เจ้าจะเอาตัวรอดอย่างไร”
ข้ารับใช้คนนั้นถลึงตามองหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างเย็นชา นางผู้นี้สมควรตาย
ข้ารับใช้คิดแล้วพุ่งเข้าใส่หยางซิ่วเอ๋อร์ คว้าคอนางเอาไว้ ตอนหยางซิ่วเอ๋อร์จวนจะขาดอากาศหายใจ พวกทหารกรูกันเข้ามา มีท่านเจ้าเมืองเดินตามหลัง
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ท่านเจ้าเมืองบันดาลโทสะในทันใด นางข้ารับใช้คนนี้คิดว่าตนเป็นใครกัน ที่แห่งนี้คือเขตปกครองของเขา แต่นางยังกล้าพยายามฆ่าคนที่นี่
หลังจากข้ารับใช้คนนั้นโดนลากไปไว้ในห้องขังอื่น หยางซิ่วเอ๋อร์ถึงหายใจได้อีกครั้งในที่สุด สีหน้านางเริ่มกลับเป็นปกติ
“ต่อให้ข้าตาย เจ้าก็อย่าหวังจะได้ออกไปเลย” หยางซิ่วเอ๋อร์ร้องบอกพร้อมหายใจเสียงดัง
ข้ารับใช้คนนั้นคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายมาเป็นเช่นนี้ คดีนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนางไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงลงเอยเช่นนี้
หยางซิ่วเอ๋อร์แสยะยิ้มใส่ข้ารับใช้ที่ตกตะลึง “พวกเจ้าคงไม่คิดว่าจะรอดไปได้ แล้วทำเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเลยใช่หรือไม่ พวกเจ้าจึงไม่กังวลอะไรเลยอย่างนั้นรึ” แต่อนิจจาพวกนางคิดผิด ป้ายหยกในมือหยางซิ่วเอ๋อร์คือหลักฐาน
พวกเขาไม่มีทางหาว่านางขโมยมาได้ เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวจะเข้าไปในสถานที่เช่นนั้นแล้วขโมยป้ายหยกล้ำค่าออกมาได้อย่างไรกัน และตัวนางเองไม่เคยออกไปไหนไกลมาก่อนเลยยกเว้นจวนที่ว่าการอำเภอแห่งนี้
ข่าวเรื่องหยางซิ่วเอ๋อร์ถูกจับแพร่ไปถึงหูเซียวจื่อเซวียนหลังจากนั้นไม่นาน แต่ก็เพียงเพราะทหารสองคนเอาป้ายหยกไปที่ตำหนักตระกูลเซียว
เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็นป้ายหยก สีหน้านางก็เปลี่ยนไป ถ้วยชาในมือนางตกแตกกระจายบนพื้น