บทที่ 78: ใกล้ชิดที่สุด

“พูดอะไรของเธอ?”

คำพูดของนอร่าทำให้โรเอลอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะปฏิเสธเธออย่างรวดเร็ว ขณะที่นอร่านั้นยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง

“ข้าก็แค่พูดตามความเป็นจริง ลึก ๆ แล้วเจ้าเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเรา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะพาข้าหนีไปด้วยกันได้”

นอร่าตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

โรเอลเห็นบางอย่างในตัวเธอที่แตกต่างไปจากปกติ มันคือความสิ้นหวัง มันเป็นอารมณ์ที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นมันจากเธอ ราวกับว่าตอนนี้นอร่ากำลังจมอยู่ในความสิ้นหวังแต่ก็ยังพยายามที่จะดึงตัวเองเอาไว้ เพื่อบอกลาเขาด้วยรอยยิ้ม

“อย่าห่วงข้าเลย ถ้าเจ้ายังอยู่กับข้าต่อไปแบบนี้ เจ้าจะตายโดยไม่จำเป็นนะ”

“อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า ฉันไม่ทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวหรอก”

“แล้วเจ้าจะทำอะไรได้? อุ้มข้าออกไปจากที่นี่? ในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยอันตรายเนี่ยนะ?”

นอร่าหัวเราะคิกคักกับตัวเองพร้อมส่ายหัว

“มันเป็นไปไม่ได้ เจ้าจะหนีไม่ทันเมื่อต้องเจอเข้ากับกองทหาร พวกเราไม่ได้มีตัวตนอยู่ในยุคนี้ ดังนั้นมันไม่มีทางที่พวกเราจะรอดได้เลยหากถูกจับกุม”

โรเอลเคร่งเครียดหนักขึ้นไปอีก เขารู้ดีว่าองค์ชายเวตตั้งเป้าที่จะใช้ตัวตนในฐานะ ‘ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว’ บังคับพระสังฆราชคนปัจจุบันให้ยอมทำตามข้อเรียกร้องของเขา ดังนั้นทั้งวิกตอเรียและนอร่าที่มีสายเลือดตระกูลเซไซต์จึงเป็นอุปสรรคสำหรับองค์ชายเวตในการอ้างสิทธิ์ขึ้นสู่ราชบัลลังก์

แน่นอนว่าความจริงข้อนี้ น่าจะทำให้กองกำลังของฝั่งวิกตอเรียยินดีต้อนรับพวกเขาทั้งคู่ ทว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ พวกโรเอลจะไปถึงฐานที่มั่นของพวกเขาได้ยังไง? มันไม่มีทางที่เด็ก ๆ ทั้งสองคนจะไปถึงฐานที่มั่นของฝั่งวิกตอเรียและพอนเต้ได้เพราะจากพลังของคฤหาสน์เขาวงกต

“นอกจากนี้ อย่าลืมว่าตอนนี้มีใครกำลังหมายหัวพวกเราอยู่ ปีเตอร์ไม่มีทางปล่อยให้พวกเรารอดไปได้แน่ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อตามล่าพวกเราที่ลากเขาเข้ามาลำบากด้วย ฟังดูย้อนแย้งใช่ไหมล่ะ? น่าเสียดายที่พวกเราเองก็ไม่รู้ทางออกไปจากที่นี่เช่นกัน”

รอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นบนใบหน้าของนอร่า เธอพูดขึ้นมาราวกับว่ากำลังรอจุดจบของตัวเองอยู่ เด็กสาวหันกลับมาหาโรเอล แล้วเน้นย้ำอีกครั้งอย่างใจเย็น

“ถ้าเจ้าพาข้าไปด้วย พวกเราจะตายกันทั้งคู่”

โรเอลจ้องไปที่ดวงตาสีไพลินของนอร่า สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดสับสน ลึก ๆ แล้วเด็กชายรู้ดีว่าสิ่งที่นอร่าพูดนั้นเป็นความจริง เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ยากขนาดที่เขาจะคิดไม่ได้

แต่โรเอลก็ไม่สามารถทำใจทิ้งนอร่าที่กำลังอ่อนแอไว้เพียงลำพังได้จริง ๆ ยิ่งหลังจากสิ่งที่เธอได้ทำเพื่อเขาแล้วด้วย

“อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ สิ เวลาแบบนี้แหละที่เราต้องพยายามคิดหาทางออก”

“ทางออก? เจ้าคิดวิธีพาข้าออกไปจากที่นี้ได้งั้นเหรอ? กองทหารจะปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งยังมีผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายตามล่าพวกเราอยู่ ไม่เลย มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้พวกเราสองคนจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมก็คงทำอะไรกับสถานการณ์นี้ไม่ได้”

คำตอบอันสมเหตุสมผลของนอร่าทำให้โรเอลหมดคำพูดที่จะหักล้าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขายอมจำนนต่อข้อโต้แย้งของเธอ ความเงียบและความดื้อรั้นในสายตาของโรเอลบ่งบอกให้นอร่าได้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของเขา

… ช่างเป็นคนที่โง่เขลาอะไรเช่นนี้

นอร่าเบือนหน้าหนีและเลือกที่จะไม่มองมาที่เขาอีกต่อไป ผมสีทองปรกลงมาปิดใบหน้าของเธอเล็กน้อย น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเด็กสาว พร้อมกับความสุขที่ไหลผ่านเข้ามาในใจของเธอ

(แต้มความสนใจ +2000 !)

นี่เป็นครั้งแรกที่นอร่าคิดแบบนี้

นอร่าอยากจะให้โรเอลหนีไปคนเดียวจริง ๆ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีและประทับใจเมื่อเขาปฏิเสธ แม้ว่าเด็กสาวจะรู้สึกผิดกับความรู้สึกปิติยินดี ในขณะเดียวกันความรู้สึกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็ได้เข้ามาโอบกอดเธอไว้

ดูเหมือนว่าความตายจะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเท่าไหร่ หากเทียบกับการที่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยว นอร่าคิด

“วันที่ 5 มิถุนายน คือวันชำระล้างของข้า จำไว้ให้ดีล่ะ วันที่ 5 มิถุนายน”

นอร่าพูดเบา ๆ แล้วพิงไปที่อกของโรเอลอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ถึงมันจะเป็นไปได้ยากก็เถอะ แต่ถ้าท่านพ่อและท่านปู่ของข้าโกรธเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าจงบอกพวกเขาเรื่องวันชำระล้างของข้าซะ วันชำระล้างเป็นสิ่งที่จะบอกให้เพียงคนใกล้ชิดที่สุดได้รู้เท่านั้น พวกเขาจะเข้าใจทันทีเมื่อได้ยินมัน”

ใกล้ชิดที่สุด?

ใบหน้าของโรเอลกระตุกเล็กน้อย เขาทุ่มสุดตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นตะคริว เด็กชายกะพริบตาอยู่พักหนึ่งพลางคิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรสักอย่างเป็นการตอบกลับ แต่เขาก็นึกไม่ออก จึงได้แต่รู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ามีกระดูกเล็ก ๆ ทิ่มอยู่ในคอ

ไม่นานหลังจากนั้นยาก็เริ่มออกฤทธิ์ ส่งผลให้นอร่าผล็อยหลับไป

“ท่านโรเอล ท่านหญิงนอร่าไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมขอรับ?”

“ใช่แล้วล่ะ เธอหลับไปหลังจากที่ได้ดื่มยาแล้ว”

จากด้านนอกห้องพัก เคราส์ผู้ซึ่งสวดภาวนามาโดยตลอด ได้เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของนอร่า ความเคร่งเครียดของนักพรตบรรเทาลงไปมากหลังจากที่เขาได้ยินคำตอบของโรเอล ทว่าก็ยังดูกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้

“โบสถ์แห่งนี้เคยมีแม่ชีผู้เชี่ยวชาญในคาถาฟื้นฟูอยู่ แต่เธอได้ถูกครอบครัวรับกลับไปก่อนที่สงครามจะเริ่ม ที่นี่เลยเหลือเพียงแค่ยาแก้ไข้และยานอนหลับ ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์จริง ๆ หรือไม่”

“พวกมันมีประโยชน์มาก ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะเคราส์”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรขอรับ ทั้งหมดก็เพื่อเทพีเซียผู้ยิ่งใหญ่!”

เคราส์พูดพร้อมตบหน้าอกด้วยความตื่นเต้น

ถ้าเคราส์สามารถช่วยพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่จุติลงมายังโลกได้ นั่นก็เท่ากับเขาได้ช่วยเทพีเซีย สิ่งที่เขาทำย่อมเป็นบุญอันใหญ่หลวง! เพียงแต่เคราส์ยังคงสับสนเล็กน้อยว่าบุตรองค์หนึ่งป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่าเธอยังดี ๆ อยู่เลยตอนที่พวกเขากำลังคุยกันก่อนหน้านี้

“ท่านโรเอล ข้าพอจะถามได้ไหมขอรับว่าอาการป่วยของท่านหญิงนอร่าเกิดจากอะไร?”

“อา… เธอพลาดพลั้งทำร้ายตัวเองขณะกำลังต่อสู้กับพวกลัทธิชั่วร้ายน่ะ ก่อนหน้านี้เธอจึงพยายามซ่อนมันเอาไว้”

“เข้าใจแล้วขอรับ”

เคราส์อุทานด้วยความประหลาดใจ

อย่างที่คาดไว้จริง ๆ! บุตรศักดิ์สิทธิ์ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับลัทธิชั่วร้าย เจ้าพวกนั้นต้องใช้วิธีที่น่ารังเกียจบางอย่างแน่ ๆ! หึ! ขอให้ลำไส้ของพวกมันบิดเบี้ยว!

เคราส์คร่ำครวญอย่างโกรธเกรี้ยวในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาอ่อนแอละก็คงจะรีบวิ่งออกไปกำจัดพวกคลั่งไคล้ลัทธิชั่วร้ายด้วยมือของเขาเองไปแล้ว!

โรเอลมองดูการแสดงออกบนใบหน้าของเคราส์ พลางนึกสงสัยว่าเขาควรจะขัดจังหวะความคิดของนักพรตคนนี้หรือไม่

“เคราส์? นายกำลังฟังอยู่ใช่ไหม?”

“อ๊ะ ขอรับ ๆ ข้ากำลังฟังอยู่ ท่านโรเอล ท่านมีอะไรจะให้ข้ารับใช้ไหมขอรับ?”

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนักหรอก เพียงแต่ว่า… สิ่งต่าง ๆ อาจวุ่นวายขึ้นในไม่ช้านี้ ดังนั้นฉันหวังว่านายจะอยู่ในห้องนี้ ทำหน้าที่คอยปกป้องนอร่า อย่าได้เปิดประตูออกมาไม่ว่าจะได้ยินอะไรก็ตาม มันอันตราย”

“เรื่องวุ่นวาย? หรือว่า…”

“ใช่แล้ว ฉันคิดว่าศัตรูของพวกเราน่าจะไล่ล่าตามพวกเรามาที่นี่”

“นี่มัน… ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะไปเตรียมอาหารและอาวุธมาที่นี่เพื่อปกป้องท่านหญิงนอร่าและคอยอยู่เคียงข้างเธอ!”

เมื่อได้ยินว่าผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายอาจจะบุกมาที่นี่ในไม่ช้า ใบหน้าของเคราส์ก็ซีดเผือด แล้วเริ่มเตรียมการอย่างรวดเร็ว เขาแทบจะไม่เคยได้ต่อสู้เลยตลอดชั่วชีวิต ดังนั้นอาวุธทั้งหมดจึงมีเพียงดาบธรรมดาที่ได้รับจากในกองทหาร โดยถูกลับคมครั้งล่าสุดเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ดังนั้นตอนนี้มันน่าจะใช้ได้เพียงสำหรับการฆ่าไก่ สรุปก็คือความสามารถในการต่อสู้ของเคราส์นั้นไม่ใช่อะไรที่โรเอลจะคาดหวังได้

ทว่ามันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว เพราะเดิมทีโรเอลก็ไม่ได้ตั้งใจจะพึ่งพาเคราส์แต่แรกอยู่แล้ว ความกังวลของเด็กชายนั้นไม่ได้มีข้อยืนยันอะไรเลยนอกจากความฝันที่เขาเพิ่งมี แต่โรเอลนั้นเป็นคนประเภทที่จะเตรียมตัวให้พร้อมเสมอสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด

ในความฝันของโรเอล โครงกระดูกร่างยักษ์ที่มีชื่อว่า กรันด้า ได้บอกว่า โรเอลนั้นกำลังจะมีปัญหา เมื่อพิจารณาถึงคาถาอันทรงพลังที่กรันด้าให้เขามาใน ‘การเผชิญหน้าครั้งแรก’ มันดูจะไร้ความหมายเกินไปหากกรันด้าจะโกหกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ การที่อีกฝ่ายให้คาถานี้กับโรเอลน่าจะเพื่อปกป้องเขาไม่ให้ตายไปเสียก่อนที่กรันด้าจะได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการ

ตอนแรกโรเอลคิดว่า ‘ปัญหา’ ที่กรันด้าหมายถึง คืออาการป่วยของนอร่า แต่ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้

คำสัญญาของกรันด้าเป็นคาถาเวทที่ทรงพลังมาก มันสามารถทำให้ผู้ใช้เป็นอมตะคงกระพันได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็เป็นคาถาสำหรับการต่อสู้อย่างแน่นอน

ซึ่งแน่นอนว่า กรันด้าคงไม่ได้ให้คาถาเช่นนี้แก่เขาเพื่อต่อสู้กับนอร่าที่กำลังอ่อนแอแน่ ๆ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคาถาเวทถูกส่งมาให้โรเอลเพื่อใช้จัดการกับศัตรูคนอื่น ๆ ส่วนตัวตนของศัตรูที่ว่า คือใครนั้นเดาได้ไม่ยากเลย

“ปีเตอร์ เคเตอร์…”

โรเอลพึมพำชื่อศัตรูพร้อมกำหมัดแน่น

แท้จริงแล้วโรเอลมีเหตุผลอันลึกซึ้งว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผิดต่อนอร่า โดยที่เธอไม่รู้

แม้นอร่าจะไม่สงสัยว่าทำไมพวกเขาทั้งคู่ถึงได้ถูกพวกลัทธิชั่วร้ายโจมตี แต่โรเอลรู้ดีว่าเขานี่แหละคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เขารู้ดีว่าการลอบสังหารครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องดั้งเดิมของเกมอาย ออฟ โครนิเคิล และเป้าหมายของปีเตอร์ก็คือเขา ไม่ใช่นอร่า

สิ่งนี้ถูกเปิดเผยโดยคาถาเวทของโรเอล ภัยพิบัติแห่งการนองเลือด

การกระทำของโรเอลได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต โดยเปลี่ยนโครงเรื่องเดิมในจักรวรรดิเซนต์เมซิทไป

ระหว่างที่โรเอลพยายามจะกำจัดเดธแฟล็กของตนเอง เขาก็ได้ลากนอร่าเข้ามาสู่อันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเธอต้องการอยู่กับเขาในวันปีใหม่ นอร่าจึงได้ออกจากพระราชวังอันปลอดภัยมาที่คฤหาสน์ของเขา ทำให้เธอต้องเข้ามาพัวพันกับการลอบสังหารในครั้งนี้

แม้จะผ่านไปไม่ถึงวัน แต่โรเอลก็ได้มองเห็นหลาย ๆ ด้านของนอร่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความใจดี จิตวิญญาณอันแน่วแน่ที่จะไม่ยอมแพ้ หรือความอ่อนแอในใจเธอ ทำให้เด็กชายไม่อาจจะละทิ้งเธอไว้คนเดียวได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่

โรเอลชักดาบสั้นสีเงินออกมาแล้วเหลือบมองที่ใบมีดของมัน ดวงตาสีทองอันสงบและสง่างาม เต็มไปด้วยจิตสังหารปรากฏขึ้นในเงาสะท้อน

เด็กชายลุกขึ้นเดินไปที่ประตูโบสถ์ พร้อมกับตะเกียงน้ำมันที่แกว่งไปมาภายใต้สายลมเย็นยามค่ำคืน เขาเริ่มเดินออกไปในความมืดมิด และหายเข้าไปในนั้น