บทที่ 74 ใครกล้าสังหารข้า?[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 74 ใครกล้าสังหารข้า?[รีไรท์]

แผนการของหยุนหนานเฟิงยิ่งใหญ่มาก วันนี้ผู้มีอำนาจในเมืองหยุนหยานมารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด ถ้าเขาควบคุมคนเหล่านี้ได้ มันจะเป็นกลุ่มผู้ทรงอำนาจน่าสะพรึงกลัว แม้แต่ตระกูลเก่าแก่ในปักกิ่งก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

เมืองหยุนหยานเป็นเมืองรองของประเทศ เศรษฐกิจที่นี่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและ GDP* ของเมืองหยุนหยานเป็นรองแค่หัวเมืองใหญ่และใกล้เคียงกับประเทศเล็ก ๆ

(*GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product คือ การนับรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศหรือเขตเมืองนั้น)

ถ้าปล่อยให้ตระกูลหยุนควบคุมเมืองนี้ได้ มันจะกลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อประเทศชาติ แขกในงานทั้งหลายต่างรู้สึกตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าหยุนหนานเฟิงจะมีความทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้?

“ฉันไม่มีเวลาให้กับพวกแกคิดแล้ว จากนี้ไปฉันจะฆ่าหนึ่งคนทุก ๆ นาที ฉันจะฆ่าพวกแกยังไงดีนะ?” หยุนหนานเฟิงพูดอย่างโหดเหี้ยม

ทุกคนรู้ว่ามันการขู่แบบเรียบง่าย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อาจขัดขืนได้เลย จะทำยังไงดี? ทุกคนพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด ทำตามที่พวกมันต้องการเลยดีไหมพวกเขายังก็ไม่อยากตาย

หรือว่าหนี? บางคนคิดเรื่องนี้ ถ้ามีคนมากมายวิ่งหนี แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาทั้งหมดได้

แต่ไม่มีใครคิดจะทำเช่นนั้น พวกเขาไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะหนีไปด้วยกันไหม ถ้าคนอื่นไม่วิ่งพร้อมกันพวกเขาก็ทำได้แค่วิ่งหนีอย่างโง่เขลาและพวกเขาก็รู้ว่าถ้าวิ่งหนีแบบนั้นจุดจบจะเป็นยังไง

“อ๊ากกก…” มีเสียงกรีดร้องอย่างฉับพลันในฝูงชน

ทุกคนสะดุ้งอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่พวกเขาคิดอยู่นั้นหยุนหนานเฟิงก็ลงมืออย่างไม่ลังเล มันฉีกหัวของแขกคนหนึ่งออกมาจากร่าง! หยุนหนานเฟิงโหดเหี้ยมอำมหิต มันทำราวกับว่าการฆ่าคนนั้นไม่ต่างจากการฆ่าไก่ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยโหดร้าย มันจ้องมองผู้คนราวกับว่ามันกำลังเลือกเป้าหมายต่อไป

“คิดได้หรือยัง?” หยุนหนานเฟิงถามขึ้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

“ก็ได้! ฉันจะถามทีละคน” หยุนหนานเฟิงมองไปที่ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่มั่นคงคนหนึ่ง

ซุนไห่ ชายคนนี้เป็นประธานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เขาเริ่มหวาดกลัวตัวสั่นระริก เมื่อเขาสบตากับหยุนหนานเฟิงอยู่เนิ่นนาน

“แกเห็นด้วยไหม?” หยุนหนานเฟิงถามขึ้น

“ฉัน…”  ดวงตาของซุนไห่สั่นไหว เขากัดฟันแน่นและไม่พูดอะไรออกมา หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อไหลโชก

“ถ้าแกไม่ตอบ งั้นก็ตายซะเถอะ!” หยุนหนานเฟิงพูดคำว่าตาย ได้อย่างสบายอกสบายใจ เหมือนกับเรียกให้ไปกินข้าว ฝ่ามือของมันล้อมรอบไปด้วยลมปราณสีดำก่อนจะยกขึ้นอย่างช้า ๆ

หัวใจของทุกคนเต้นรัว พวกเขารู้ดีว่า เมื่อมือของหยุนนานเฟิงฟาดลงไปหัวของซุนไห่ก็จะหลุดออกจากบ่า

“ฉู่ชวิ๋น ไอ้คนสารเลว ถ้ายังไม่ยอมโผล่หัวออกมาฉันจะเกลียดคุณไปชั่วชีวิต…!” ฮวาชิงหวู่ไม่สามารถทนต่อไปได้ เธอร้องตะโกนขึ้นไปบนฟ้า

ทันใดนั้นมือของหยุนหนานเฟิงก็หยุดชะงัก จ้องมองเธออย่างประหลาดใจ

“ไอ้ตัวอัปลักษณ์ แกมองอะไร? อย่าทำเป็นนิ่งนอนใจไป ถ้าเขาปรากฏตัวเขาจะฆ่าแกเหมือนฆ่าสนุัขตัวหนึ่ง” ฮวาชิงหวู่จ้องมองหยุนหนานเฟิงแล้วพูดด้วยความโมโห

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” หยุนหนานเฟิงมองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ

“ฉันเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิใครจะฆ่าฉันได้!”

เฟี้ยว! เสียงอากาศฉีกขาดดึงดูดสายตาของทุกคน แสงสีขาวพุ่งตรงมาจากท้องฟ้า

ใบหน้าของหยุนหนานเฟิงเปลี่ยนไป เขารู้สึกถึงภัยคุกคามจากแสงสีขาวและรีบดึงเท้าถอยทันที

“ตู้ม!” เสียงกระบี่ปักลงไปที่พื้น

เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นกระบี่ไม้ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าหยุนหนานเฟิง กระบี่ไม้ดูธรรมดา ๆ เหมือนกระบี่ของเล่นสมัยก่อน

ทันใดนั้นดวงตาของฮวาชิงหวู่ก็สว่างสดใสและเปล่งประกายเมื่อเธอเห็นกระบี่ไม้ เธอก็รู้ทันทีว่าเขากำลังมา

สีหน้าของหยุนหนานเฟิงน่าเกลียดไปในทันที เมื่อครู่เขาบอกว่าไม่มีใครนอกจากจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิฆ่าเขาได้ แต่วินาทีต่อมาเขาก็ถูกบีบบังคับให้ถอยร่นโดยกระบี่ไม้เล่มหนึ่ง แบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้ว!

แต่หยุนหนานเฟิงเห็นชัดเจนว่ากระบี่ไม้เต็มไปด้วยพลังลมปราณอันแข็งกร้าวจนเขารู้สึกกระบี่ไม้นี้แข็งแกร่งเกินไป หยุนหนานเฟิงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วเขาก็หยุดชะงักและมองออกไป การกระทำนี้ทำให้มีหลายคนมองตามเขา

พวกเขาทุกคนเห็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลา เดินไพล่มือสองข้างไว้ที่ด้านหลังทำท่าทางราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านตัวเอง

“คนสารเลว มาช้า!” ฮวาชิงหวู่พูดขึ้น ดวงตาคลอเต็มไปด้วยน้ำตาและส่องประกายสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์

หยุนหนานเฟิงตัวปลอมพอเห็นชายหนุ่มที่พึ่งมาใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความนับถือ

ทุกก้าวย่างของชายหนุ่มดูเหมือนจะเชื่องช้า แต่ความจริงแล้วรวดเร็วมาก ยังไม่ทันหายใจเข้าออก พวกทุกคนก็เห็นเขาอยู่ห่างออกไปเพียง 10 เมตร เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม ซูฟานก็ดวงตาเบิกกว้างและอุทานด้วยความประหลาดใจ

“ลูกพี่” นี่คือลูกพี่ฉู่ชวิ๋นอย่างแน่นอน

เห็นได้ชัดว่าฉู่ชวิ๋นไม่คิดว่าจะได้พบซูฟานที่นี่ ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจจนถามออกมา “นายมาที่นี่ได้ยังไง?”

“ตระกูลของผมอยู่ในเมืองหยุนหยาน ผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับลูกพี่ที่นี่เป็นเรื่องบังเอิญที่โชคดีจริง ๆ” เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋น ซูฟานก็ตื่นเต้นมาก ความกังวลบนใบหน้าของเขาหายไปทันที

“นายบาดเจ็บ?” ฉู่ชวิ๋นมองดูเขา

ใบหน้าของซูฟานเปลี่ยนไปก่อนพูด “ผมไม่เป็นไรลูกพี่ แต่ปู่ของผม ท่านถูกพิษร้าย”

ฉู่ชวิ๋นมองตามสายตาของซูฟาน ก็เห็นชายชราคนหนึ่ง เขาเดินไปและบอกชายชรา “ทำตัวให้ผ่อนคลาย”

ก่อนที่ชายชราจะฟื้นตัว เขารู้สึกว่ามีพลังชีวิตหลั่งไหลเข้ามาภายในร่างกายของเขาและพิษที่แพร่กระจายก็ถูกบังคับให้ไหลย้อนกลับออกมา

“แค่ก! แค่ก!” ชายชราพ่นเลือดสีดำที่น่ากลัวออกมาจากปาก

ชายชรารู้สึกว่าลมปราณภายในร่างกาย อ่อนนุ่มแต่ก็ดุดันพวกมันกำลัง บำรุงช่องทวารทั้งแปดของเขา

เขาไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงด้วยตาตัวเอง แต่คนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงเพราะใบหน้าที่ทั้งดำทั้งเขียวของชายชราจางหายไปอย่างรวดเร็วและไม่นานก็กลับคืนสู่สภาพปกติ

“พิษถูกขับออกมาหมดแล้ว โครจลมปราณแล้วอาการจะดีขึ้น” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นเบาๆ ชายชรายังคงตกตะลึง เขาตกอยู่ในภวังค์ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

“ลูกพี่สุดยอดมาก เก่งจริงๆ” ซูฟานตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

ฉู่ชวิ๋นสีหน้าบึ้งตึง เขาก้าวเข้าไปช่วยรักษาแผลนักพนันหญิงแล้วหันไปมองฮวาชิงหวู่

“กว่าจะมา!” ฮวาชิงหวู่พูดด้วยสีหน้าแข็งกระด้างและส่งเสียงไม่พอใจ

ฉู่ชวิ๋นเกาจมูก พลางกล่าว “ฉันติดธุระเลยมาช้า”

ฮวาชิงหวู่หรือจะสนใจเขา ฉู่ชวิ๋นเลยพูดด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “คุณแม่ของเธอตื่นแล้ว”

ฮวาชิงหวู่ตกใจจนอุทานออกมา “จริงเหรอ?”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ฉันให้ผู้อาวุโสส่งท่านกลับไปที่เมืองกู่เจียงแล้ว”

ฮวาชิงหวู่ตกตะลึง ไม่แปลกใจเลยที่เธอไม่เห็นผู้อาวุโส ในวันนี้เธอคิดว่าเป็นเพราะเธอจะชักชวนให้ผู้อาวุโสมางาน ท่านจึงโกรธและไม่อยากพบหน้าเธอ…

“ฟาน ท่านนี้คือ?” ชายชราถามเบา ๆ

“ชื่อของเขาคือ ฉู่ชวิ๋น ผมรู้จักลูกพี่ในเมืองกู่เจียงเขาแข็งแกร่งมาก” ซูฟานเริ่มพูดอย่างตื่นเต้น จนนักพนันหญิงเริ่มทนไหวอีกต่อไป เธอไปบีบซูฟานและพูดกับชายชรา “คุณปู่ซู ฉู่ชวิ๋นคนนี้ก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ เช่นกันค่ะ”

“จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์!” ชายชราเกือบกัดลิ้นตัวเองและมองฉู่ชวิ๋นด้วยความตกใจ ไม่แปลกใจเลยชายหนุ่มสามารถช่วยชีวิตเขาได้

จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ที่อายุน้อยขนาดนี้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ซูฟานจ้องมองนักพนันสาวอย่างดุเดือด พูดเพียงไม่กี่คำซูฟานก็มองฉู่ชวิ๋นและมองฮวาชิงหวู่ ก่อนพูดด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ลูกพี่ คุณหนูฮวาคืออาซ้อสินะ? ลูกพี่เจ๋งชะมัด จีบสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหยุนหยานได้เลย แต่ก็จริง ถ้าไม่สวยที่สุดก็ไม่คู่ควรกับลูกพี่!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกหมดคำจะพูด

ซูฟานไม่สนใจ เขาเข้าไปหาฮวาชิงหวู่พลางแนะนำตัว “สวัสดีครับ อาซ้อ ผมคือซูฟาน”

เห็นได้ชัดว่าฮวาชิงหวู่พึงพอใจกับคำพูดที่เรียกเธอว่าอาซ้อมาก เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ซูฝาน!”

“ลูกพี่ เมื่อกี้ไอ้ผีดิบมันคิดจะทำอะไรกับอาซ้อด้วย ลูกพี่รีบฆ่ามันเถอะ ลูกพี่รู้ไหมว่าไอ้นี่มันทุเรศแค่ไหน มันบังอาจดูดเลือดคนจนตายเลยนะ” ซูฟานกล่าวอย่างสะอิดสะเอียน

ฉู่ชวิ๋นยิ้มและพูดขึ้น “มันเลี้ยงแมลงผีภายในร่างกายและให้อาหารพวกมันด้วยเลือดของหญิงสาว ซึ่งมันเป็นพลังหยิน เมื่อแมลงพวกนี้เติบโตขึ้น มันจะผสานตนเองเข้ากับแมลงผีและพลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาของการกระทำเช่นนั้น คือการกลายเป็นครึ่งผีครึ่งคน”

“ลูกพี่กำลังพูดเรื่องอะไร?” ซูฟานไม่เข้าใจ

“เอาเถอะ รู้แค่ว่ามันเป็นเพียงแค่วิชากระจอก ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร” ฉู่ชวิ๋นกล่าวอย่างเย็นชา

ซูฟานพยักหน้าราวกับว่าเข้าใจทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย จากนั้นก็ตะโกนออกมา “ลูกพี่รู้ไหมว่าเมื่อกี้ไอ้เวรนี่มันผยองแค่ไหน ลูกพี่ฆ่ามันให้ตายในฝ่ามือเดียวเถอะ!”

ทุกคนได้ยินก็ยิ้มมุมปาก ตายในฝ่ามือเดียว! เขาคิดว่าหยุนหนานเฟิงเป็นแมลงตัวหนึ่งหรือไง? พวกเขาผ่านประสบการณ์มาแล้วว่าหยุนหนานเฟิงนั้นน่ากลัวขนาดไหน พวกเขารู้สึกว่าซูฟานกำลังรนหาที่ตายจนพวกเขารู้สึกเป็นห่วง

“แกเป็นใครกัน?” หยุนหนานเฟิงปรากฏตัวถัดจากฉู่ชวิ๋นไม่ไกล หลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เปิดปากพูด

“เขาเป็นใครน่ะเหรอ ฉันจะบอกเอง ยืนตรงๆ อย่าตกใจไปล่ะ” ซูฟานมองหยุนหนานเฟิงอย่างเหยียดหยาม

“เขาคือชายรูปงาม สุดเฉลียวฉลาด มีความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ เขาเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เพียงแค่ยกมือ ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน กระทบไปถึงโลกใต้ทะเล เขาเป็นลูกพี่ของฉันซูฟาน เป็นแฟนของคุณหนูฮวา เทพเจ้าที่แท้จริง ที่สำคัญที่สุดเขาคือคนที่จะฆ่าแกยังไงล่ะ…”

ซูฟานพูดไม่หยุด แต่เขาก็ยังคงไม่บอกชื่อของฉู่ชวิ๋นออกไป ฮวาชิงหวู่พยายามอดกลั้นแล้วก็แต่ไม่สำเร็จ เผลอ “พรูด” หัวเราะออกไป

ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นดำเป็นก้นหม้อ

“ฟาน” ชายชราพยายามอยากจะเตือนแต่ไร้ประโยชน์

ซูฟานหยุดพูดและพบว่าทุกคนมองที่เขา แต่เขาก็ยังไม่อายพูดต่อ “พูดมามากมายทั้งหมดทั้งมวล คือลูกพี่ของฉันเก่งที่สุดในโลก ขนาดเทพเซียนยังสู้ไม่ได้ ในตอนท้ายฉันจะพูดหนึ่งประโยคฟังให้แกฟัง ล้างหูรอให้ดี”

“หุบปาก!” นักพนันหญิงไม่สามารถทนต่อไปได้อีก

ชายชรารู้สึกอับอายมาก เขาพยายามให้ซูฟานมีภาพลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งและเข้าถึงยาก แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ซะได้

“ชื่อของเขาคือ ฉู่ชวิ๋น มาจาก สกุล ฉู่” นักพนันหญิงรีบพูดตัดบท

ใบหน้าของหยุนหนานเฟิงมืดครึ้ม เขาอยากจะฉีกปากของซูฟานทิ้งซะ เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ฆ่ามันตายให้ตายตั้งแต่แรก

“ไอ้หลานชาย ลูกพี่ของฉันมาแล้ว แกรีบคุกเข่ารอความตายเถอะ ตอนนี้แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น…” ก่อนที่ซูฟานจะพูดจบ หยุนหนานเฟิงก็มีลมปราณสีดำรายล้อมรอบตัว

“หลบออกมาห่าง ๆ !” ฉู่ชวิ๋นเตือนซูฟาน

จริง ๆ แล้วฉู่ชวิ๋นไม่จำเป็นต้องเตือน ซูฟานพอรับรู้ได้ถึงไอสังหารก็รีบหลบซ่อนตัวอยู่หลังฉู่ชวิ๋นเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัวก่อนฉู่ชวิ๋นจะบอกซะอีก