บทที่ 35 พบปรมาจารย์

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 35 พบปรมาจารย์

 

ตำหนักตระกูลจางเมืองชิงหยุน แก้วชาใบวิจิตรถูกปาทิ้งจนแตกเป็นผุยผง จางช่าวฉงหัวหน้าตระกูลจางสีหน้าเคร่งขรึม

“พวกเฉินหู่ล้มเหลวเหรอ? เขาเป็นถึงจอมยุทธ์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงฆ่าเด็กหนุ่มการกลั่นร่างขั้น7ตัวเล็กๆคนหนึ่งไม่ได้?” จางช่าวฉงถามคนที่อยู่ด้านล่างด้วยความโมโห

“หัวหน้าตระกูลครับ เฉินหู่ไม่ใช่แค่ล้มเหลวเท่านั้น แต่ยังตายด้วยครับ หอกยอดลมของเขาถูกขาย ทั้งยังมีคนเจอศพเฉินหู่ที่เขาปาฉี” คนรับใช้ที่เป็นเหมือนผู้ดูแลพูดด้วยความเคารพ

“ไอ้ขยะ!” จางช่าวฉงสบถ พูดเสียงเหี้ยม: “เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปไหม?”

“ทางสำนักยุทธ์ยังไม่มีทีท่าอะไรครับ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” ผู้ดูแลพูด

ในเวลาเดียวกัน ม้าขนเหลืองวิ่งเข้าเมืองชิงหยุน

หลังจากกลับเข้าเมือง หลัวซิวเปลี่ยนชุดแล้วมาที่สำนักยุทธ์ เตรียมที่จะมุ่งหน้าไปหอเก็บหนังสือ เลือกวิชายุทธ์ระดับ3

ตามกฎของสำนักยุทธ์ วิชายุทธ์ระดับ3สามารถเลือกได้หนึ่งวิชาตอนการกลั่นร่างขั้น7 ขั้น8 ขั้น9 ล้วนมีโอกาสเลือกหนึ่งวิชายุทธ์

เดินอยู่ในสำนักยุทธ์ นักเรียนไม่น้อยที่รู้จักหลัวซิว ต่างสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาอย่างชัดเจน

“ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของหลัวซิวจะมากยิ่งขึ้น ตอนที่เขาเดินผ่านฉัน ฉันถึงขั้นรู้สึกเหมือนถูกข่ม”

“หรือว่าเขาจะบรรลุการกลั่นร่างขั้น8แล้ว?ว่ากันว่าเลือดที่ผ่านการผนึกรวมและกลั่นแปรของผู้ฝึกยุทธ์การกลั่นร่างขั้น8 จึงจะมีออร่าที่สามารถข่มได้”

“เป็นไปไม่ได้รึเปล่า? เมื่อเดือนก่อนยังเป็นการกลั่นร่างขั้น7 จะบรรลุการกลั่นร่างขั้น8เร็วขนาดนี้ได้ยังไง”

คนจำนวนไม่น้อยต่างพูดกัน ตั้งแต่จบการสอบประจำปีเมื่อคราวก่อน หลัวซิวมุ่งหน้าไปฝึกที่เขาปาฉี ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว

ความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เพราะบรรลุผลการฝึกตน แต่เป็นเพราะร่างกายของหลัวซิวเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ดีเท่าตัวเขาเองแล้ว

หลังจากประสานรวมกับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย สมรรถภาพทางกายของเขา หลอดเลือดได้รับผลกระทบจากพลังแห่งความเป็นความตาย ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงช้าๆ

บวกกับระยะหลังมานี้ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเป็นความตายกับแดนภายในใจ การขัดเกลาของอารมณ์ บุคลิกของเขา จึงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ระหว่างมุ่งหน้าไปยังหอเก็บหนังสือ ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหลัวซิวกะทันหัน

เขาคือผู้อาวุโสที่ผมและเคราขาวไปหมด สวมชุดสีขาว ใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือทั้งสองไขว้หลัง เหมือนคนแก่ทั่วไป ไร้ซึ่งการผันผวนของลมปราณ

แต่ว่าในสายตาของหลัวซิว ผังลายเส้นชีวิตของผู้อาวุโสชุดขาวคนนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เส้นลมปราณและจุดฝังเข็มทรงพลัง เหนือกว่าจอมยุทธ์พวกนั้นที่หลัวซิวเคยพบเจอ แข็งแกร่งกว่าไม่รู้เท่าไหร่

แดนพรสวรรค์!

หลัวซิวสามารถยืนยันได้ว่า คนตรงหน้าคือปรมาจารย์ระดับแดนพรสวรรค์!

ไม่เพียงแค่นี้ ผู้อาวุโสคนนี้หน้าตาคุ้นมากๆ คือผู้อาวุโสที่ทำการสอบเขาตอนที่อยู่องค์กรนักล่าอสูร

เห็นได้ชัด ผู้อาวุโสคนนี้ไม่เพียงทำงานที่องค์กรนักล่าอสูร แต่ยังเป็นผู้อาวุโสในสำนักยุทธ์แห่งเมืองชิงหยุนด้วย

“หลัวซิว เคารพผู้อาวุโสครับ”

สำนักยุทธ์มีผู้อาวุโสทั้งหมดห้าคน หลัวซิวเคยเจอแค่ผู้อาวุโสที่ตอนนั้นรับผิดชอบคุมสอบ ผู้อาวุโสเฝ้าหอเก็บหนังสือเท่านั้น สำหรับผู้อาวุโสอีกสามท่าน เขาไม่เคยเจอมาก่อน

“หลัวซิว ตามฉันมา” จวงหนานเทียนพยักหน้า ยิ้มแล้วพูด

เพิ่งสิ้นเสียง จวงหนานเทียนหมุนตัวหันหลังเดินออกไป ภายในใจของหลัวซิวเกิดความสงสัย จึงเดินตามไป โดยที่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสำนักยุทธ์มาหาตนเพราะเรื่องอะไร

เดินตามผู้อาวุโสชุดขาว หลัวซิวมาถึงห้องใต้หลังคาในสวนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ส่วนลึกของสำนักยุทธ์

“นั่ง” จวงหนานเทียนยิ้มแล้วพูด

หลัวซิวไม่รอช้า นั่งลงตรงข้ามผู้อาวุโส

“ฉันคือผู้อาวุโสสำนักยุทธ์ จวงหนานเทียน เมื่อก่อนพวกเราเคยเจอกันมาแล้ว” จวงหนานเทียนพูดขึ้นก่อน “ได้ยินว่าที่หอเก็บหนังสือ กำลังภายในระดับ3ที่นายเลือกคือพลังหยางบริสุทธิ์?”

วิชายุทธ์ที่นักเรียนทุกคนในสำนักยุทธ์เลือกล้วนถูกบันทึกเอาไว้ การที่อีกฝ่ายรู้ว่าวรยุทธ์ที่ตนเลือก หลัวซิวไม่ได้รู้สึกแปลกใจ

“ใช่ครับ ผู้อาวุโส” หลัวซิวตอบคำถาม

ใบหน้าของจวงหนานเทียนหวั่นไหวเล็กน้อย พูด: “ฉันดูผลการฝึกตนของนายบรรลุการกลั่นร่างขั้น8แล้ว ใช้เวลาสั้นๆแค่หนึ่งเดือนก็บรรลุอีกขั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่พรสวรรค์สามารถทำได้แล้ว ดูเหมือนว่านายจะฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จแล้ว?”

เห็นหลัวซิวพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง จวงหนานเทียนหัวเราะเสียงดัง

“เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม!สามารถใช้เวลาสั้นๆแค่นี้ฝึกพลังหยางบริสุทธิ์ได้สำเร็จ นักเรียนทั้งสำนักยุทธ์ ไม่มีใครมีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์เท่ากับนายแล้ว ต่อให้มองไปทั้งเขตการปกครองหยุนหลง พรสวรรค์ของนายก็สามารถติดหนึ่งในสิบอันดับแรก!”

จวงหนานเทียนดูดีใจอย่างเห็นได้ชัด มองไปที่หลัวซิว พูด:”เหลือเวลาอีกสองเดือนก็จะถึงงานประลองยุทธ์ของสำนักยุทธ์แห่งเมืองชิงหยุนแล้ว นายมีความมั่นใจไหม?”

แน่นอนว่าหลัวซิวย่อมรู้เรื่องงานประลองยุทธ์ สำนักยุทธ์แห่งเมืองชิงหยุนจัดงานนี้ขึ้นทุกปี สิ่งสำคัญในการจัดงานเพื่อยอดฝีมือในชั้นสูงพวกที่เป็นการกลั่นร่างขั้น8และการกลั่นร่างขั้น9 ทำการจัดอันดับสักครั้ง

คนที่ยิ่งอยู่อันดับสูง ก็จะได้รับรางวัลที่ดียิ่งขึ้น

“ผมเพิ่งเลื่อนไปชั้นกลาง ผลการฝึกตนก็เพิ่งบรรลุการกลั่นร่างขั้น8 เกรงว่าจะไม่สามารถเอาชนะรุ่นพี่ในชั้นสูงได้” หลัวซิวพูดด้วยความถ่อมตน

จวงหนานเทียนหัวเราะ “นายไม่ต้องดูถูกตนเอง ด้วยพรสวรรค์ของนาย เพียงพอที่จะได้รับการอบรมอย่างดีจากสำนักยุทธ์ แต่ว่าถ้าอยากจะได้วิชายุทย์ วรยุทธ์และฝึกตนที่ดีและมากยิ่งขึ้น นายต้องสู้มาด้วยความสามารถของตนเอง!”

……

หลังจากได้พูดคุยกับผู้อาวุโสจวงหนานเทียนแห่งสำนักยุทธ์ หลัวซิวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาก

เป็นไปตามที่ผู้อาวุโสจวงกล่าว เงื่อนไขที่ดีกว่าของการฝึกตนต้องใช้ความสามารถเพื่อไปแย่งชิง งานประลองยุทธ์ในทุกปี เธอเป็นโอกาสในการแย่งชิง

สำหรับนักเรียนที่ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ในการเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ สำนักยุทธ์ไม่มอบทรัพยากรใดๆให้แม้แต่น้อย

นี่คือกฎแห่งการอยู่รอดของผู้ที่เหนือกว่า!

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลัวซิวมั่นใจในตนเองมาก อาศัยความสามารถของตน ได้อันดับที่ดีในงานประลองยุทธ์ไม่ใช่เรื่องยาก ถึงขั้นที่ว่าหากตนยินดี การได้อันดับหนึ่งก็ยังไม่ใช่ปัญหา

ออกจากห้องใต้หลังคา หลัวซิวตรงไปยังบนชั้นสองของหอเก็บหนังสือ เลือกทักษะยุทธ์ประเภทวิชากระบี่ที่ตนอยากได้มานาน วิชากระบี่ฟ้าแลบ!

ทักษะยุทธ์วิชากระบี่นี้สิ่งสำคัญคือความเร็ว เป็นไปตามกล่าวที่ว่าบนยุทธภพมีเพียงวิชายุทธ์เร็วเท่านั้นที่จะไม่ถูกทำลาย ตอนใช้กระบี่เร็วเหมือนฟ้าผ่า มีลำแสงเหมือนสายฟ้า ทำให้คู่ต่อสู้ไม่ทันได้ป้องกัน ไม่ให้โอกาสคู่ต่อสู้ในการไหวตัว

ปลอกหุ้มข้อมือสีบรอนซ์ มีหินพลังจิตหนึ่งพันสามร้อยก้อน หลังจากเลือกวิชากระบี่เสร็จ อันดับแรกหลัวซิวไปที่ร้านขายอาวุธ

ตอนฆ่ากับเฉินหู่ กระบี่ชิงเฟิงหัก เป็นเพราะอาวุธธรรมไม่สามารถสู้กับความแข็งแกร่งของอาวุธรบได้

ที่ร้านขายอาวุธ หลัวซิวกวาดตามองหนึ่งรอบ ของชั้นล่างของอาวุธรบ เพราะวัสดุ วิธีการตีที่แตกต่าง พลังจึงไม่เหมือนกัน ดังนั้นราคาจึงไม่เท่ากันมีตั้งแต่หินพลังจิตสามร้อยกระทั่งแปดร้อยก้อน

อีกทั้งในอาวุธรบ อาวุธประเภทดาบและกระบี่ราคาจะค่อนข้างสูง เพราะนักยุทธ์ส่วนมากใช้ดาบกับกระบี่

กระบี่สีดำ ที่ทำทำจากเหล็กทังเสตน ดึงดูดสายตาหลัวซิว

กระบี่เล่มนี้ไม่ได้มีลวดลายวิจิตร ตัวกระบี่มีน้ำหนัก หนักว่ากระบี่ทั่วไปมาก ด้ามกระบี่สลักตัวอักษรคำว่า ‘มืด’

จากนั้น หลัวซิวใช้ปราณในมาคอยช่วย กวัดแกว่างกระบี่ รู้สึกคล่องมือมาก

“เถ้าแก่ครับ กระบี่นี้ขายยังไงครับ?” หลัวซิวเอ่ยถาม