บทที่ 84 ดอกบัวทองคำ(ดอกกล้วยแคระจีน)

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 84

ดอกบัวทองคำ(ดอกกล้วยแคระจีน)

พอการเต้นรำของหลินซีเหยียนจบลง ท้องฟ้าที่มืดหม่นก็ได้กลับมาสว่างอีกครั้ง หลินซีเหยียนยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา แต่สายตาของนางได้มองผ่านทะเลผู้คนไปยัง เจียงหวายเย่ที่กำลังมองมาที่นาง

แล้วมุมของเจียงหวายเย่ก็ได้ยกขึ้นมาเพื่อที่จะส่งรอยยิ้มให้กับนาง แล้วเลือดก็กลับทะลักออกมาจากปากของเขา

“องค์ชายเย่กระอักเลือด!” ผู้คนกรีดร้องและรู้สึกได้ว่านี่คงเป็นลางร้ายเป็นแน่ อย่างไรเสียวันนี้เป็นวันฉลองวันเกิดของ ฮูหยินเฒ่าแท้ๆ

“เจียงหวายเย่?” หลินซีเหยียนร้องเบาๆและรีบวิ่งไปหา

เจียงหวายเย่มองไปที่หลินซีเหยียนที่ค่อยๆมาหาเขาและส่งสายตาที่อ่อนโยนออกมา เดิมทีเขาเคยคิดไว้ในตอนที่เขากลับมาเดินได้อีกครั้ง ว่าเขาจะมอบอนาคตที่ดีให้กับ หลินซีเหยียน แต่ในวันนี้อาการพิษในตัวของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้งทำให้เขาไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้นอีกแล้ว

อย่างไรเสีย เขาคือผู้ที่เกิดมาภายใต้อิทธิพลของดาวมาร และการที่ชีวิตนี้ของเขาได้พบกับนางนั้นก็ถือว่าเป็นโชคดีมากแล้ว และเขาก็ไม่กล้าที่จะขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว

หลินซีเหยียนที่มาหาเขาก็ได้จับชีพจรของเจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นก็ตกใจและดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นมา มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? อาการพิษของเจียงหวายเย่นั้นควรที่จะลดลงไปแน่นอนแล้วแท้ๆ ทำไมวันนี้ถึงได้กลับมากำเริบอีกได้

“พระชายาขอรับ องค์ชายเขา….” อันอี้ลงมาคุกเข่าอยู่ด้านหลังของเจียงหวายเย่ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

“ไปเรียกรถม้ามาแล้วรีบพาองค์ชายเย่กลับพระราชวังเร็ว” ถึงแม้หลินซีเหยียนจะสับสน แต่นางก็ยังรู้ว่าจะต้องทำอะไร

ในขณะที่หลินซีเหยียนลุกขึ้นยืนและเตรียมที่จะออกไปนั้น นางก็ได้มองไปที่ดวงตาของแม่ทัพเฒ่าและฮูหยินเฒ่า “พวกเราก่อปัญหาให้พวกท่านทั้งสองแล้ว”

“ไม่เป็นไร พวกเราไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องโชคลางอยู่แล้ว เจ้ารีบกลับไปคอยดูแลองค์ชายโดยเร็วเถอะนะ” แม่ทัพเฒ่ากับฮูหยินนั้นก็เข้าใจเป็นอย่างดี

บนรถม้า หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อันอี้ “วันนี้เขาทำอะไรลงไป?”

อันอี้ก็ได้ส่ายหัว “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”

“ข้าถามเจ้าว่าเขาทำอะไรลงไป?” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามาก เย็นเสียจนทำให้ผู้คนหนาวสั่นได้

ในชั่วขณะนั้นเอง เขาก็มองเห็นเงาขององค์ชายจากในตัวของหลินซีเหยียน “เมื่อวานนี้ องค์ไทเฮาได้ออกจากพระราชวังหลวงมาที่พระราชวังรัตติกาลขอรับ แล้วจากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่องค์ชายไม่ทันได้ตั้งตัวให้ยากับเขาขอรับ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นยาอะไร?” หลินซีเหยียนถือเข็มเงินไว้ในมือแล้วปักเข้าที่ตัวของเจียงหวายเย่ จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ถึงอาการที่ดูอ่อนแอของเจียงหวายเย่ในวันนี้ “หรือว่าเขาจะมีอาการไม่สบายมาตั้งแต่แรกแล้ว”

อันอี้ก็ได้ผงกหัว “องค์ชายเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีหลังจากที่ทานยาลงไป แต่ท่านไม่สามารถแสดงอาการให้เห็นต่อหน้า องค์ไทเฮาได้ จึงได้แกล้งทำเป็นไม่เป็นอะไรจนกระทั่งองค์ไทเฮาได้จากไปขอรับ”

“ยาเม็ดนั้นน่าจะมีดอกทะเลมรกตผสมอยู่ ดอกไม้ชนิดนี้สามารถผสมเข้ากับตัวยาอื่นๆได้อย่างง่ายดาย” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ในเวลานี้พิษในร่างกายของ เจียงหวายเย่นั้นไม่สามารถกดดันได้อีกต่อไปแล้ว”

ดวงตาของเขาก็ได้เป็นสีแดงขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเลือดสูบฉีดเข้าไปข้างในมาก “พระชายา ได้โปรดช่วยเหลือ องค์ชายด้วย”

หลินซีเหยียนถอนหายใจ แล้วจากนั้นก็เอ่ยชื่อตัวยาต่างๆออกมา “รีบไปต้มยาที่ตามสูตรที่ข้าบอก”

อันอี้หลังจากที่รับคำสั่งก็ได้หายไปจากรถม้าทันที แล้วรถม้าก็ได้เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเจียงหวายเย่ แต่เลือดนั้นไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีดำ

ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอาการพิษในร่างของ เจียงหวายเย่นั้นกำเริบอย่างหนักมาก หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ร่างกายของเจียงหวายเย่ที่ทั้งซีดเซียวและบอบบางแล้ว แววตาของนางก็ได้ดำมืดขึ้นมา เป็นไปได้ว่าองค์ชายอาจจะประคองชีวิตตัวเองไว้จนไม่ถึงพระราชวังแน่ และนางเองก็ยังไม่ได้รักษาพิษชวนชิวฉุ่ยของนางเลย

สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ซีดเผือดลงเรื่อยๆ หลินซีเหยียนก็กัดฟันแล้วกล่าว “เจียงหวายเย่ ข้าจะช่วยเจ้าอีกครั้ง แต่คราวเจ้าจะเป็นหนี้ข้าชนิดที่ว่าต่อให้เจ้าให้ทั้งพระราชวังก็ไม่พอ”

หลินซีเหยียนก็ได้กรีดข้อมือของเจียงหวายเย่แล้วจากนั้นกรีดข้อมือของตัวเองเช่นกัน นี่คือวิธีที่นางคิดเองเรียกว่าวิธีการแลกเลือด

แน่นอนว่าเป็นวิธีการรักษาเช่นนี้ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาท่อบางๆออกมาสองอันจากในกระเป๋าผ้าที่นางนำมาด้วย

แล้วใช้ท่อบางๆนั้นเป็นสื่อกลาง แล้วถ่ายเลือดของนางเพื่อไปเจือจางพิษในร่างของเจียงหวายเย่ แต่ความเสี่ยงในการทำเช่นนี้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว นางจะต้องเสี่ยงว่าตัวนางกับ เจียงหวายเย่นั้นจะมีเลือดชนิดเดียวกันและจะไม่ต่อต้านกันเอง

ริมฝีปากแดงของหลินซีเหยียนนั้นก็ได้ซีดลงเรื่อยๆ แต่สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ดีขึ้นมาแล้ว นางจึงได้เก็บท่อนั้นแล้วพันผ้าพันแผลให้ทั้งองค์ชายและตัวเองก่อนที่จะสลบไป

ในเวลานี้นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว และความเจ็บปวดนี้ทำให้ผู้คนลืมที่จะอยากมีชีวิตอยู่และอยากตายได้เลย แล้วดวงตาของนางก็ได้กลับมาบอดอีกครั้งเพราะพิษของดอกทะเลมรกตที่อยู่ในกระแสเลือดของนางด้วย

“หนาว….” หลินซีเหยียนบ่นพึมพำอย่างไม่ได้สติ แล้วจากนั้นก็มีคนที่เดินมาหานาง

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าไม่น่าช่วยองค์ชายคนนี้เลย” มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าเจียงหวายเย่รู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใดเมื่อ เจียงหวายเย่ฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าหลินซีเหยียนนั้นสลบอยู่ข้างๆเขาด้วยริมฝีปากที่ซีดเผือด

หลินซีเหยียนก็ได้จิบน้ำอุ่นๆที่เจียงหวายเย่ป้อนให้ แล้วจากนั้นก็ฟื้นขึ้นมาแต่ทว่าความมืดได้เข้าครอบคลุมนางแล้ว แต่แทนที่นางจะกลัวแต่กลับใช้ตัวกระแทกเข้าใส่เจียงหวายเย่แทน

เจียงหวายเย่จึงได้ร้องออกมาไม่ทันตั้งตัว

“ข้าอุตส่าห์ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยท่าน แต่ท่านกลับบอกข้าว่าตัวเองไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วงั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนกัดฟันแล้วพูดอย่างดุดัน “ท่านจะจ่ายข้าได้อย่างไร ถ้าท่านมาตายเสียตอนนี้น่ะ!”

“จ่ายเป็นตัวของเปิ่นหวางแทนได้ไหม?” เจียงหวายเย่กล่าวพร้อมกับยักคิ้ว

หลินซีเหยียนก็ได้พูดอย่างรังเกียจ “ท่านจ่ายเป็นเงินดีกว่า ข้าไม่อยากได้เทพสงครามที่มีชื่อเสียงเป็นค่าตอบแทน”

จากนั้นนางก็นึกถึงเรื่องตาบอดของนางได้ แล้วจากนั้นนางก็ได้กล่าวกับเจียงหวายเย่ “ข้าจะบอกตัวยาให้อันอี้ไปปรุงยาแก้ชวนชิวฉุ่ยนะ”

แล้วก็มีแววตาตื่นเต้นขึ้นมาในดวงตาของเจียวหวายเย่ “เยี่ยมเลย”

จากนั้นเขาก็ได้ออกไปเพื่อสั่งให้อันอี้ปรุงยาแก้พิษ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะปล่อยให้มีพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย หลินซีเหยียนก็ได้บิดริมฝีปากของนาง นางนั้นยังไม่ได้พูดให้จบว่าถ้าเป็นก่อนหน้านี้ยาแก้พิษนี้อาจจะใช้ได้ผลอยู่

แต่ในเวลานี้นางเกรงว่าคงไม่สามารถ……

ตัวนางในเวลานี้มีพิษ 1 ใน 3 ของเจียงหวายเย่อยู่ในร่างกายของนาง แต่พิษเหล่านี้ก็ได้แล่นพล่านไปทั่วร่างกายของนางแล้ว ทำให้นางรู้สึกหนาวสั่นและอ่อนแอ

แล้วเจ็บปวดถึงกระดูกนี้ก็ได้ออกมาเป็นช่วงๆราวกับมีเนื้อร้ายเกาะติดกระดูกของนางอยู่ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกทรมานอย่างมาก

ไม่นานนักเจียงหวายเย่ก็ได้กลับมาพร้อมกับถ้วยยา ด้วยความหวังที่จะมองเห็นหลินซีเหยียนก็ได้ดื่มยาต้มสุดขมอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นสักพัก ก็อย่างที่นางคาดเอาไว้นางยังคงมองไม่เห็น และในเวลานี้ร่างกายของนางอ่อนแออย่างมากเพราะพิษที่อยู่ในร่างกายของนาง นางนั้นไม่ยากที่จะรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้และได้พยายามฝืนลุกขึ้นยืนอยู่หลายหน แต่นางก็ทำไม่สำเร็จเลย

ในที่สุดนางก็ได้ยอมแพ้ไปแล้วนอนลงบนเตียงอย่างถอดใจ เจียงหวายเย่ที่เห็นสถานการณ์ที่ดวงตาของนางแล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาในใจของเขา เขาจึงได้รีบประกาศออกไปเพื่อตามหาตัวสมุนไพรที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ในตอนแรกเลยพิษที่อยู่ในร่างกายของเขานั้น หลินซีเหยียนนั้นเคยให้วิธีรักษาแก่เขามาแล้ว

ในช่วงเวลานี้ก็ได้มีการออกตามหาสมุนไพรล้ำค่านี้ทั้งในน้ำและทะเลสาบ อย่างไรเสียหอพันกลนั้นได้เสนอเงินถึง 1,000 ตำลึงทองเพื่อตามหาสมุนไพรชนิดนี้ มีใครบ้างที่จะไม่อยากได้?

ในหลายวันมานี้เจียงหวายเย่ก็ได้อยู่เฝ้าหลินซีเหยียนตลอดเวลา

แต่แล้ววันหนึ่งเจียงหวายเย่ก็ได้หายตัวไป หลินซีเหยียนที่รู้สึกผิดปกติก็ได้เรียกชิงอวี่มาถาม “เจียงหวายเย่ไปที่ไหนแล้ว?”

ชิงอวี่ก็ได้บิดริมฝีปากของนางด้วยสีหน้าเก้ๆกังๆ แล้วนางก็ได้ตอบหลินซีเหยียนไป “มีข่าวแจ้งมาจากทางใต้ว่ามีการค้นพบดอกบัวทองคำแล้ว และองค์ชายก็ได้ออกเดินทางไปเพื่อไปดูมันเจ้าค่ะ”