อวิ๋นเจี่ยวสอนด้วยความรวดเร็ว ไม่ถึงสิบวัน รายชื่อข่ายพลังที่สำนักเทียนซือให้มานั้นก็สอนไปกว่าครึ่ง นางคำนวณเวลาในการสอนพบว่าไม่ถึงหนึ่งเดือน เพื่อคุณภาพและชื่อเสียงในการสอน นางได้ปรึกษากับทุกคน ดูว่ายังมีข่ายพลังอะไรที่อยากเรียน นางจะสอนให้ฟรี เพื่อให้คาบเรียนครบหนึ่งเดือน
ไม่คิดว่าข้อเสนอนี้กลับทำให้ทุกคนคัดค้าน
“ไม่ๆๆ สหายอวิ๋น พวกข้าคิดว่าข่ายพลังเหล่านี้ก็พอแล้ว”
“ใช่ๆๆ โลภมากไม่ได้ ข่ายพลังเหล่านี้พวกข้าก็ใช้ได้ทั้งชีวิตแล้ว”
“ใช่แล้ว อย่าเพิ่มเด็ดขาด ความหวังดีของสหายอวิ๋นพวกข้ารับรู้แล้ว”
“ศึกษาข่ายพลังเหล่านี้ พวกข้าซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งแล้ว จะกล้ารบกวนท่านสหายอีกได้อย่างไร”
“ใช่ๆๆ สหายอวิ๋นเหนื่อยมากแล้ว!”
“สหายอวิ๋นมีบุญคุณอย่างยิ่ง”
“…”
น้ำเสียงของพวกเขาแต่ละคนล้วนจริงใจ แทนที่จะร้องไห้ออกมา ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าไม่ครบหนึ่งเดือนก็ไม่เป็นไร พวกเขาไม่ต้องการเพิ่มคาบเรียนแล้ว
“ก็ได้ เช่นนั้นก็ศึกษาข่ายพลังร้อยกว่าอันนี้ให้ครบตามแผนการเดิม” อวิ๋นเจี่ยวจึงละทิ้งความคิดนี้ไป นางรู้สึกได้ว่าหลังจากที่นางพูดประโยคนี้จบ เหมือนกับจะได้ยินเสียงโล่งใจส่งออกมาเบาๆ
แต่ว่าเวลาการสอนอย่างมากก็อีกแค่สิบวัน เท่ากับว่าการค้าขายนี้จะจบสิ้นแล้ว ถึงแม้ทองคำหลายหมื่นตำลึง คนธรรมดาทั่วไปคงใช้ได้หลายชาติ แต่ใครใช้ให้ในสำนักมีสัตว์กินทองอยู่ เงินพวกนี้มันยังไม่พอ
ดังนั้นถือโอกาสนี้ นางจึงแอบถามสถานการณ์ของวิชาเสวียนเหมินในปัจจุบันกับตาโจว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคาถาที่สูญหาย จากนั้นวางแผนการเรียนระยะยาว อาศัยช่วงเวลานี้เสนอออกมา
“เรื่องข่ายพลังในวันนี้ปล่อยไปก่อน ข้ายังมีอีกเรื่อง อยากจะขอความเห็นจากเจ้าสำนักและท่านอาวุโส ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่”
ทุกคนผงะไป ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าตนเองเป็นเจ้าสำนัก (ท่านอาวุโส) สุดท้ายจึงหยุดการยกยออย่างบ้าคลั่ง
“แค่ก สหายอวิ๋นพูดได้”
“คืออย่างนี้!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้นทันที “เจ้าสำนักสวีเคยบอกข้าว่า สงครามเมื่อห้าร้อยปีก่อน ทำให้คาถามากมายสูญหายไป”
“ใช่แล้ว!” เจ้าสำนักสวีพูด เรื่องนี้ถือเป็นความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ของเสวียนเหมิน
“เช่นนี้ ก็หมายความว่า…สิ่งที่สูญหายไป ไม่เพียงแต่ข่ายพลัง แต่ยังรวมไปถึงยันต์ ยา และคาถา?”
“ใช่แล้ว” มีคนถอนหายใจแล้วพูดว่า “สำนักเทียนซือเมื่อหลายพันปีก่อน สามารถติดต่อระหว่างคนเป็นและคนตาย เดินทางในสามภพได้ แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำได้แล้ว”
“อ่อ!” อวิ๋นเจี่ยวหรี่ตาลง ก่อนจะพูดต่อ “สำนักชิงหยางไม่ได้ออกไปโลกภายนอกเป็นเวลานาน จึงไม่รู้ว่าคาถาที่สูญหายไปมีอะไรบ้าง แต่อย่างคาถาเสวียนซิน คาถาเทียนเสียง คาถาห้าธาตุ คำสาปเวียนว่ายอะไรเหล่านี้ พวกข้าก็มี พวกท่านอยากเรียนหรือไม่”
ทุกคน “???”
Σ(°△°|||)︴
ในกลุ่มนั้นเงียบไปสักพัก ก่อนจะส่งเสียงดังออกมาอย่างตกใจ
“จริงหรือ! สำนักชิงหยางมีคาถาเหล่านี้?”
“คาถาเสวียนซินคือคาถาที่อาจารย์จิ้งหวูแห่งตระกูลปี้ศึกษา! แม้แต่ตระกูลปี้เองยังไม่มีคาถาฉบับเต็ม ชิงหยางมีแน่หรือ”
“คำสาปเวียนว่าย! บนโลกนี้มีคาถาเล่มนี้จริงด้วย เล่าลือกันว่าคาถานี้สามารถใช้ติดต่อโลกคนเป็นคนตายได้”
“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ คาถาเทียนเสียง คาถาห้าธาตุ ไม่ได้สูญหายไปตั้งแต่พันปีก่อนแล้วเหรอ ข้านึกว่าเป็นแค่เรื่องเล่าเสียอีก”
“สำนักชิงหยางมี! สหายอวิ๋นจะถ่ายทอดให้แก่ทุกสำนักจริงหรือ?”
“จริงสิ!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ นางถามอาจารย์ปู่มาแล้ว “ข้าคิดไว้แล้ว คาถาเหล่านี้ไม่ได้ยากมาก ข้าเองใช้เวลาศึกษาอยู่สองเดือน” รวมการเขียนอธิบายและวิทยานิพนธ์ อีกทั้งการวิจัยเพิ่มเติม
“เดี๋ยว!” มีคนจับประเด็นสำคัญได้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “สหายอวิ๋นบอกว่า…ท่าน…ท่านซึมซับคาถาเหล่านี้แล้ว?!!”
“ใช่!”
“ทั้ง…ทั้งหมด!
“แน่นอน!”
“…”
เห้ย! นี่มันอัจฉริยะจากไหนกันเนี่ย? พวกเขาต้องฝันไปเป็นแน่ ต้องใช่เป็นแน่!
“หากพวกท่านสนใจ หลังจากศึกษาข่ายพลังเสร็จ ข้าจะเปิดสอน” อวิ๋นเจี่ยวพูด“วันละสองคาบเช่นเดียวกับตอนนี้ แน่นอนว่าค่าเล่าเรียนต้องคิดเพิ่ม!”
“เปิดสอน! ดังนั้นสหายอวิ๋นจะ… สอนด้วยตัวเอง?”
“ใช่!” มีปัญหาอะไรเหรอ?
“…”
ทุกคนเงียบสงัดไป!
ทุกคนมองดูข้อสอบในมือของตนเอง ความดีใจที่ได้ฟังคาถาชั้นยอดเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไป ทำไมอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว
“เป็นอะไรกัน” เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ตอบมาเป็นเวลานาน อวิ๋นเจี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น หรือว่าค่าเล่าเรียนแพงเกินไป?
“เหอะๆๆ…อวิ๋น…สหายอวิ๋น” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เจ้าสำนักสวีจึงต้องกัดฟันพูดขึ้น “ท่านยินดีที่จะสอนวิชาเหล่านี้แก่พวกเรา พวกเราย่อมดีใจ แต่…แต่ว่า ..”
แต่เปลี่ยนคนสอนได้หรือไม่ ให้เรียนเองก็ได้
เขาแต่ว่าอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกมา ทำได้เพียงขยิบตาให้ผู้อาวุโสคนอื่นที่อยู่ด้วยเข้าข้าง เร็วเข้า คิดวิธีเร็ว ไม่อย่างนั้นจะต้องทำการบ้านไปอีกหลายเดือนนะ
ท้ายที่สุดท่านอาวุโสเฉินที่อยู่ข้างจึงพูดขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย “เจ้าสำนักหมายความว่า พวกเราอายุค่อนข้างมากแล้ว วิชาที่สำคัญเช่นนี้ ต้องให้ศิษย์ที่อายุน้อยอย่างสหายอวิ๋นศึกษาจะดีกว่า เพื่ออนาคตของเสวียนเหมิน พวกเราคงจะไม่เข้าร่วม แต่จะเลือกลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ให้มาศึกษาเป็นอย่างไร?”
เมื่อเขาพูดจบ ท่านอาวุโสแต่ละสำนักล้วนเข้าใจในทันที ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ใช่ๆๆ ท่านอาวุโสเฉินพูดไม่ผิด คนแก่อย่างพวกเราจะไปเรียนคาถาชั้นสูงแบบนี้ทำไมกัน มอบหมายให้เหล่าศิษย์จะดีกว่า!”
“ใช่ๆ ให้เหล่าลูกศิษย์ดีกว่า พวกเขาไม่เคยเรียนรู้คาถาอื่นมาก่อน ง่ายต่อการเรียนรู้มากกว่า”
“ใช่ๆ เรามีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมมากมาย สหายอวิ๋นเลือกได้เลย”
“สำนักข้าก็มีนะ ถ้าสหายอวิ๋นอยากได้คนไหน ราคาก็ไม่ใช่ปัญหา”
“ท่านว่ามาเลย สหายอวิ๋น ท่านจะสอนกี่คน สำนักข้ายกเว้นข้า ใครก็มาได้หมด!”
“พวกเราด้วย…”
พวกเขายิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ร่วมมือกันขุดหลุมขนาดใหญ่ให้ศิษย์ของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเรียน ตราบใดที่ไม่ใช่พวกเขาก็เพียงพอแล้ว
อืม นี่ทำเพื่ออนาคตของเสวียนเหมิน พวกเขาถึงได้ยอมสละให้ ทันใดนั้นรู้สึกภาระบนบ่าของตัวเองก็หนักขึ้น!
“จริงเหรอ มีความแตกต่างอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นเจี่ยวสงสัยเล็กน้อย ชายชราก็อายุเท่าพวกเขา ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ช่างเถอะ ตราบใดที่ยังสามารถเก็บค่าเล่าเรียนได้ นางก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้?”
“ตกลงๆ!” เจ้าสำนักแต่ละคนพยักหน้าพร้อมกัน
“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวถึงได้เปิดตำราเรียน “งั้นเรียนต่อกันเถอะ”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับเห็นภาพของบรรยากาศทั้งเสวียนเหมินจมอยู่ในบรรยากาศการเรียนรู้ แค่ลองคิดดู ก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว! แหะๆ…
~(≧▽≦)/~
“อ่อ จริงๆ ข้อสอบการสอบครั้งที่สามข้าได้มาแล้ว เดี๋ยวมาอธิบาย” อวิ๋นเจี่ยวมองดูกองกระดาษขนาดใหญ่ในมือ คิ้วของนางขมวดขึ้น พูดตามตรงนางไม่เคยเห็นคะแนนที่ย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน เห็นว่าอีกฝ่ายของยันต์ส่งสารเป็นเจ้าสำนักและท่านอาวุโส นางเรียบเรียงถ้อยคำแล้วพูดว่า “มีผู้ตอบถูกหกข้อเกือบสี่สิบคน อัตราการผ่านถึงสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้มากแล้ว”
ทุกคนต่างดีใจมาก การสอบครั้งแรกนั้นไม่มีใครผ่านเลย แม้แต่เจียวเหิงอีเองก็ตาม
“โดยเฉพาะคำถามสามข้อแรก ทุกคนตอบได้ดี มีมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ตอบถูก ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้น คำถามนี้แม้แต่ไป๋อวี้ยังเคยทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ฮ่าๆ…สหายอวิ๋นชมเกินไป” ทุกคนมีความสุขยิ่งขึ้น ในที่สุดก็หาความมั่นใจในฐานะเจ้าสำนักและท่านอาวุโสกลับมาได้แล้ว
“แต่ที่แปลกคือ…” เสียงของอวิ๋นเจี่ยวเปลี่ยนไป “คนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์นี้ตอบคำถามในลักษณะเดียวกันทุกประการ ไม่มีความแตกต่างระหว่างคำอธิบายและการเรียบเรียง ทุกคนใจตรงกันดีนะ! “
“…” ทุกคนต่างเงียบ แม้จะเป็นเพียงเสียงที่ส่งออกมาจากยันต์ส่งสาร แต่ทุกคนก็เริ่มเหงื่อตกราวกับฝน แย่แล้วๆ รู้อย่างนี้พวกเขาจะไม่ลอกคนคนเดียวกัน
เสียงของอวิ๋นเจี่ยวยังคงสงบราวกับว่านางจับกลโกงนี้ไม่ได้ นางเปลี่ยนเรื่องไป “คะแนนของทุกคนในครั้งนี้พิสูจน์ได้ว่า พวกท่านเข้าใจหลักการของข่ายพลังเหล่านี้อย่างเต็มแล้ว เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้แน่นมากขึ้น ดังนั้น…”
เสียงของนางหยุดลง ก่อนจะพูดออกมาทีละคำ “ข้าตัดสินใจเปลี่ยนเวลาการสอบจากสามวันหนึ่งครั้ง เป็นวันละครั้ง เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้!” ดูสิว่ายังจะมีเวลาลอกอีกไหม!
“ไม่!!!!”
ทันใดนั้นเสียงการคร่ำครวญดังก้องขึ้น พวกเขาผิดไปแล้ว
(;´༎ຶД༎ຶ`)