“เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมาสอดเรื่องของข้า!?”
เมื่อเห็นว่ามีผู้มาขวางทางเข้าไว้ หลี่เปียวก็หยุดยั้งตัวเองและจ้องมองบุคคลผู้นั้นด้วยโทสะอันเดือดพล่าน แววตาดุร้ายของเขาแทบจะลุกเป็นไฟในตอนนั้น
“เจ้ามันหน้าไม่อาย ใช้สันดานโจรคิดจะแย่งชิงของผู้อื่นแล้วยังจงใจกล่าวหาคนบริสุทธิ์! พวกเจ้าต่างก็เป็นชายอกสามศอกแต่กลับรุมรังแกหนุ่มน้อยตัวเล็กๆ ไม่ละอายใจบ้างเลยรึ?!”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอายุประมาณสิบเจ็ดย่างสิบแปดก้าวออกมาด้านหน้าพลางกล่าววาจาถากถางหลี่เปียว เขาคือหนึ่งในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เดินตามสตรีวัยกลางคนเข้ามา
“ใช่ ถูกแล้วล่ะ พี่ฉีอวี้กล่าวถูกที่สุด เจ้ามันหน้าไม่อาย”
สาวน้อยหน้าตาน่ารักที่มีผมถักเปียสองข้างอายุประมาณสิบสามปีเอ่ยเสียงแจ้วๆ พลางกระโดดไปยืนข้างๆ ฉินอวี้โม่
“พี่ชาย….” สาวน้อยเอ่ยขึ้นมา แต่กลับหยุดไปกลางคันเพราะในตอนนั้นเมื่อได้เข้ามาดูใกล้ๆ นางก็พบว่าคนร่างเล็กผู้สวมใส่ชุดบุรุษสีดำล้วนนี้แท้จริงแล้วเป็นสตรี เด็กหญิงจึงรีบเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ ไม่สิ ต้องเป็นพี่สาวถึงจะถูก”
ฉินอวี้โม่พยักหน้ารับ สาวน้อยผมเปียยิ้มให้นางอย่างน่ารักน่าชังจนทำให้ฉินอวี้โม่อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับไป
“พี่สาว ข้าชื่อ ฉีฉีนั่นคือพี่ชายของข้าชื่อว่า ฉีอวี้ แล้วคนผู้นั้นคือท่านแม่ของข้ามีนามว่า เหวินหย่าส่วนนั่นก็คือสหายที่ดีของข้าเขาชื่อ หลิงเฟิง ” สาวน้อยนามว่าฉีฉีกล่าวแนะนำตัวเองและผู้ร่วมเดินทางทั้งหมดให้ฉินอวี้โม่ฟังอย่างกระตือรือร้น นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “พี่สาวไม่ต้องกลัวไป ตราบใดที่เราอยู่ที่นี่ ชายคนนั้นไม่มีทางรังแกท่านได้”
เด็กหญิงผมเปียกล่าวขณะใช้มือลูบไหล่บางของฉินอวี้โม่เบาๆ เป็นการปลอบขวัญ อย่างไรก็ตามเพราะที่ส่วนสูงที่น้อยกว่าฉินอวี้โม่พอสมควร ทำให้สาวน้อยต้องเอื้อมมือจนสุดแขนเพื่อที่จะโอบรอบตัวฉินอวี้โม่และวางมือเล็กลงบนไหล่บางข้างหนึ่งให้ได้ คนตัวเล็กพยายามยกมือขึ้นและวางลง ยกขึ้นและวางลง ช้าๆ เบาๆ ให้อ่อนโยนที่สุดอยู่หลายครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนั้นมุมปากของฉินอวี้โม่ก็กระตุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นางพยายามอย่างยิ่งไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา…. ‘สาวน้อยคนนี้น่าสนใจจริงๆ’
อย่างไรก็ตามเมื่อได้มองดูเครื่องแต่งกายที่เรียบง่ายแต่หรูหราดูมีราคาของฉีฉีและฉีอวี้ รวมถึงเมื่อมองเห็นกิริยาท่าทางแสนสง่างาม และใบหน้าประดับรอยยิ้มน้อยๆ ของสตรีวัยกลางคนผู้ซึ่งฉีฉีกล่าวแนะนำว่าเป็นมารดาของนางแล้ว ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่าตัวตนของคนเหล่านี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
ที่สำคัญ บุรุษวัยกลางคนที่ยืนเผชิญหน้ากับหลี่เปียวในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรอดีตสาวนักฆ่าก็มองความแข็งแกร่งของเขาไม่ออกเลยจริงๆ
‘คนคนนี้ก็คงเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาเหมือนกันสินะ!’
“ท่านแม่ ข้าไม่คิดเลยว่ากลุ่มทหารรับจ้างระดับสองจะทำตัวไร้ยางอายถึงเพียงนี้ พวกเขาอาจหาญถึงขั้นกล้าก่อเรื่องขึ้นในสมาคมทหารรับจ้าง แล้วยังไม่มีใครในสมาคมนี้คิดจะจัดการกับพวกเขาอีก ข้าว่าเราน่าจะกลับไปบอกเรื่องนี้กับพี่จิ้งหงแล้วให้เขาเข้ามาจัดการนะขอรับ”
ฉีอวี้หันหน้าไปหาหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ และเอ่ยในสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของหลี่เปียวต้องบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดน่ากลัวออกมา
“บัดซบ! พวกเจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้ามาหยามข้าในเมืองเยว่กวาง ไม่อยากมีชีวิตแล้วรึไง?”
หลี่เปียวตวาดเสียงดังอย่างเดือดดาล พร้อมกันนั้นเขาก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องของเขาเตรียมพร้อม เหล่าทหารรับจ้างในกลุ่มหมาป่าปีศาจเกือบสามสิบคนที่ยืนกระจัดกระจายอยู่ด้านหลังหัวหน้าของพวกเขาก้าวออกมาด้านหน้าครึ่งก้าวพลางจ้องมองฉินอวี้โม่และผู้มาเยือนทั้งห้าตาไม่กะพริบ
“เหอะ เป็นแค่กลุ่มทหารรับจ้างระดับสองกลุ่มเล็กๆ กลับยโสโอหัง ทำกร่างไปทั่ว ไม่ต้องพวกเจ้าหรอก ต่อให้เป็นกรรมการสมาคมมาเองพวกเราก็ไม่กลัว!”
ชายหนุ่มอีกคนที่มีนามว่าหลิงเฟิงซึ่งยืนนิ่งเงียบมาตลอดกล่าวขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
ซึ่งเรื่องนี้ฉินอวี้โม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง นางไม่คิดว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมาจะเกินเลยแม้แต่น้อย ต่อให้ประธานสมาคมมาเอง พวกเขาก็คงไม่กลัว หรือบางทีอาจจะเป็นประธานสมาคมเองเสียด้วยซ้ำที่ต้องยำเกรงคนเหล่านี้
“ไสหัวไปได้แล้ว!”
บุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลี่เปียวกล่าวขึ้นมาอย่างดุดัน ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปหาสตรีวัยกลางคน
เมื่อหลี่เปียวเห็นอีกฝ่ายหันหน้าหนี เขาก็กัดฟันด้วยความโกรธแค้นทันที เขาลงมือจู่โจมบุรุษผู้นั้นอย่างไม่ลังเล
— ปัง! —
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ร่างของคนผู้นั้นไม่ได้มีท่าทีตั้งรับหรือหลบหลีกแม้แต่น้อย ทว่าหลี่เปียวกลับกระเด็นออกไปปะทะเข้ากับกำแพงอย่างแรง ร่างใหญ่โตไถลลงมาและกระอักเลือดคำโต สภาพย่ำแย่ไม่ต่างจากลูกน้องที่ถูกฉินอวี้โม่จัดการไปก่อนหน้านี้
“ผู้ฝึกกายา!”