บทที่ 69

เมื่อมองไปยังผ้าห่มที่ยื่นมา หัวใจของถังหยินก็รู้สึกอบอุ่น โดยไม่ต้องใช้มัน แค่เพียงได้ยินคำพูดเมื่อครู่ก็ทำให้ร่างกายของเขาอุ่นแล้ว

องค์หญิงแห่งจักรวรรดิที่อ่อนโยนแบบนี้ จะให้ใครไม่ปกป้องนางได้อย่างไรกัน ?

เขารับมันมาแล้วพยักหน้าให้ “เป็นพระคุณอย่างยิ่งฝ่าบาท”

“ไม่เป็นไรแม่ทัพถัง!” หยินโรวพูดด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย

นางอยู่ในชุดนอน แสงจันทร์ทำให้หญิงสาวดูส่องสว่างราวกับนางฟ้าในคราบมนุษย์ ที่ทั้งสวยงามและแตะต้องไม่ได้

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ใช่หยานหลี่ และนางก็ไม่ใช่คริสตัลด้วย หากแต่ถึงจะเป็นยังงั้น เขาก็ยังถูกดึงดูดด้วยความงามของนางอยู่ดี

ภายใต้สายตาของเขา ใบหน้าของหยินโรวก็เริ่มแดงขึ้น “ข้ากลับไปละนะ!” จากนั้นนางก็ปิดประตูพร้อมกับเดินเข้าไปนอนที่เตียง

มุมปากของถังหยินยิ้มออกมา ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นที่เขาไม่เคยทำมาก่อน

มันยากมากที่จะต้องอยู่แบบนี้ตลอดนอกประตู แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้ถูกบังคับหรืออะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ไม่มีใครบังคับให้เขาทำสิ่งที่ไม่อยากทำได้

ชายหนุ่มจับผ้าห่มที่ได้รับมา มันทำให้ดวงใจของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

ภารกิจคุ้มครองทำให้เขาได้พบกับหยินโรว และเกิดความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน ในอนาคต ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเดินไปในทิศทางไหนคงยากที่คาดเดาได้

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ พวกนักฆ่าไม่เคลื่อนไหวใด ๆ อีกเลยในคืนอันเงียบสงบนี้ และเมื่อรุ่งสางมาเยือน ถังหยินก็ตื่นขึ้นมาฟังเสียงจากด้านใน ก่อนจะมั่นใจว่านางยังคงหลับอยู่

เขาไม่คิดจะรบกวนและเดินลงบันไดไปหาชิวเจิ้น

เด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้นอนทั้งคืน เขารีบหาตัวนักฆ่าตลอดคืนด้วยการจัดกำลังพลแบ่งเป็น 5 กลุ่มเพื่อตามตรวจตราทั้งเมือง หากแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา

เมื่อได้ยินรายงานแบบนี้ ถังหยินก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็คงเตรียมการมาดีเช่นกัน

ชายหนุ่มนั้นไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานอีกต่อไป ดังนั้นจึงได้ออกคำสั่งให้กองทหารเตรียมข้าวของเพื่อออกเดินทางไปเมืองหยานทันที

ทุกคนในกองทัพเริ่มเคลื่อนไหว กองพันที่ 2 เก็บสิ่งของต่าง ๆ ทั้งหมด และเมื่อหัวหน้ากองเข้ามารายงานให้ฟัง ถังหยินก็พลันเดินออกไปในทันที

ชายหนุ่มเคาะประตูและรออยู่แบบนั้น สุดท้ายก็ได้ยินเสียงข้ารับใช้ที่เปิดประตูออกมา “ฝ่าบาทกำลังบรรทมอยู่ มีอะไรหรือแม่ทัพถัง?”

ชายหนุ่มไม่ได้รอช้าเขารีบตอบกลับไป “พวกเราต้องรีบเคลื่อนพลออกจากเมืองทันที ได้โปรดปลุกฝ่าบาทเถอะ ข้าจะรอข้างนอก”

ข้ารับใช้คนนั้นถาม “ตอนนี้หรือ?”

“พวกเราตามหานักฆ่าไม่เจอเมื่อคืน แถมยังไม่ได้ข่าวว่าพวกมันหนีไปแล้วด้วย ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะยังแฝงตัวอยู่ในเมือง ยิ่งนางอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”

“ข้าจะรีบไปรายงานทันที!” ความอันตรายระดับนี้ส่งผลให้ข้ารับใช้รีบกลับเข้าไปรายงานในทันที

ถังหยินรออยู่ที่สวนกว้างอยู่ครึ่งชั่วยาม กว่าที่องค์หญิงของเขาจะเดินออกมา

หลังจากทักทาย ชายหนุ่มก็ไม่รอช้า เขาบอกให้ฝ่าบาทรีบขึ้นรถม้าไปทันที

เมืองหยานไม่ไกลจากที่นี่ แต่ถ้าจะให้เดินไปก็กินเวลาร่วมเกือบวัน

ด้วยกลัวว่าระหว่างทางจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ชายหนุ่มจึงรีบสั่งให้พวกทหารเดินทัพกันเร็วขึ้น

เมื่อเห็นว่ากำแพงเมืองหยานอยู่ไม่ไกลออกไป ทั้งกองทัพก็เริ่มโล่งอก

ไกลออกไปธงทหารกำลังโบกสะบัดอย่างเฉิดฉายราวกับต้นไม้ใหญ่

หัวใจของถังหยินเริ่มเต้น นี่คือกองทหารของหวางฉี

ดูเหมือนว่ากองทหารส่วนตัวของท่านอ๋องจะออกมาต้อนรับองค์หญิงอย่างเป็นทางการ ! หลังจากครุ่นคิด เขาก็สั่งให้กองทัพเคลื่อนพลช้าลงแล้วเรียกหัวหน้ากองออกมา “ฝ่าบาทออกมาต้อนรับองค์หญิงด้วยตัวเอง พวกเจ้าจงไปจัดกระบวนทัพซะ!”

“รับทราบ” พวกเขารับคำแล้วก็วิ่งหายไป

กองพลของถังหยินนั้นขี้เกียจและอยู่กระจัดกระจาย การจะให้พวกเขามารวมพลกันได้ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูง เสียงตะโกนโหวกเหวกมากมายดังขึ้นไม่สิ้นสุด

เมื่อเห็นว่ากองทหารถูกจัดกระบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ถังหยินก็จัดตำแหน่งตัวเองด้วยเช่นกัน

เขาเดาไม่ผิดเลยสักนิดเดียว อ๋องแห่งแคว้นเฟิง จ้านฮัว ออกมาต้อนรับฝ่าบาทด้วยตนเองพร้อมกับเหล่าขุนนาง

นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหยินได้พบกับเขา ชายผู้มีอายุราวๆ 40 ปีแต่ยังหล่อเหล่ามาก

มีคนมากมายขี่ม้าหรือยืนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วยชุดสีดำพร้อมผ้าคลุม ถังหยินมองออกได้อย่างง่ายดายว่าพวกเขาเป็นใครบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีอู่เหมยอยู่ด้วย

เมื่อชายหนุ่มเข้ามาใกล้ก็ลงจากม้า และเพราะว่าเขากำลังสวมเกราะอยู่จึงทำได้เพียงแค่ทำท่าประกบมือและก้มหัวให้เท่านั้น ก่อนที่ถังหยินจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าน้อยแม่ทัพแห่งกองพันที่ 2 ถังหยิน ทำความเคารพฝ่าบาท!”

จ้านฮัวเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน จึงได้มองเขาอยู่สักพักก่อนจะโบกมือให้ “แม่ทัพถังคงจะเหนื่อยน่าดูเลยสินะ”

“ฝ่าบาททรงกล่าวเกินไป ข้าน้อยก็แค่ทำหน้าที่เท่านั้น”

จ้านฮัวพยักหน้าแล้วมองรถม้าข้างหลังเขา “องค์หญิงปลอดภัยหรือไม่?”

แน่นอนว่าข่าวการลอบสังหารได้แพร่มาถึงเมืองหยานแล้ว “องค์หญิงปลอดภัยไร้ริ้วรอยขอรับ”

“เยี่ยมมาก ครั้งนี้เจ้าทำหน้าที่ได้ดี ข้าจะต้องตกรางวัลให้เจ้าแน่นอน”

“ขอรับฝ่าบาท”

“เจ้าไปพักผ่อนเถิด”

“น้อมรับบัญชา!” ถังหยินคำนับให้อีกครั้งแล้วเดินกลับไป

จากนั้นจ้านฮัวก็เดินเข้าไปใกล้รถม้าเพื่อพาเหล่าขุนนางไปทักทายหยินโรว

อู่เหมยไม่ได้ตามไป หากแต่นางกลับเดินมาหาถังหยินแทน หญิงสาวแทบจะกดความรู้สึกดีใจเอาไว้ไม่ไหว ดังนั้นจึงถามชายหนุ่มไปว่า “เราได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างเดินทางด้วย?”

ถังหยินพยักหน้า “ 2 ครั้ง”

“ 2 ครั้งเลยหรือ?”

“ครั้งแรกที่ใกล้เมืองกง พวกเราถูกโจรลอบโจมตี ก่อนจะเจอเข้ากับพวกนักฆ่าระหว่างเข้าพักในเมืองแห่งหนึ่ง” ถังหยินมองนางด้วยสายตาจริงจัง “ท่านมอบงานนี้ให้ข้าเพราะว่าคงไม่มีใครทำสำเร็จใช่ไหมล่ะ”

อู่เหมยแอบเขินเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะเกิดเรื่องพวกนี้เล่า? เจ้านี่มันคิดเล็กคิดน้อยสิ้นดี ใครมันช่างกล้าทำแบบนี้กัน ?”

“ครั้งแรกพวกโจรถูกจัดการด้วยข้าจนหมดสิ้น แต่ครั้งที่สองพวกนักฆ่ามันเตรียมตัวมาอย่างดีแถมยังแกร่งมากด้วย ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหลีเฉียน”

“ผู้ว่าเมืองว่านน่ะเหรอ?” อู่เหมยถามด้วยความประหลาดใจ

เขาพยักหน้าให้ “ถูกต้อง เขานั่นแหละ”

“นี่มันแปลกมาก ปกติแล้วหลีเฉียนมักจะเป็นคนขี้ขลาด แล้วทำไมเขาถึงได้ใจกล้าได้ขนาดนั้นกัน ?” อู่เหมยถามด้วยความสงสัย

“ท่านรู้จักเขาหรือ?” หัวใจของเขาสั่นคลอน

นางยักไหล่ให้ “ข้ารู้จักเขาก่อนที่จะไปเป็นผู้ว่าเมืองว่านเสียอีก แต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น”

ได้ยินแบบนี้เขาก็โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก โชคดีที่หลีเฉียนไม่ใช่คนจากตระกูลอู่ ไม่งั้นเรื่องราวมันจะยากกว่านี้

เมื่อเห็นเขาครุ่นคิด นางก็ตบบ่าของเขาแล้วหัวเราะ “ครั้งนี้เจ้าทำได้เยี่ยมมาก และตามที่ฝ่าบาทกล่าวมา กลับไปเจ้าจะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน ตำแหน่งของเจ้าจะต้องสูงขึ้นแน่” และเมื่อเป็นแบบนั้น จำนวนกองทัพของตระกูลอู่ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว !

ไม่เพียงแค่จ้านฮัวจะให้การต้อนรับด้วยตัวเองเท่านั้น หากแต่เขายังจัดให้มีงานเลี้ยงในวังของเขาด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการไว้หน้าราชวงศ์

ในฐานะแม่ทัพกองพัน ตำแหน่งของถังหยินไม่ได้ถือว่าต่ำ หากแต่ก็ไม่ได้สูงพอที่จะเข้าร่วมงานได้

เพราะการคุ้มครองเป็นไปได้ด้วยดี เขาและกองพันที่ 2 จึงได้พัก 2 วันเพื่อคลายความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ซึ่งหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่สามารถพบเจอหยินโรวได้อีกเลย

ชายหนุ่มได้ใช้โอกาสนี้ในการนอนพักผ่อน หากแต่เขาก็ไม่คิดว่านั่นมันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนพลิกผันชีวิตของเขาไปตลอดกาล

ครั้งแรกที่เขาเจอพวกกลุ่มโจร ครั้งที่สองของเขาคือตอนที่จับพวกนักฆ่ามาได้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเลือกที่จะฆ่าตัวตายและไม่เปิดเผยข้อมูลใดก็ตาม

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นก็ได้ถูกอู่หยูพูดถึงในราชสำนัก เป็นเพราะชายชรานั้นตั้งใจที่จะให้ตำแหน่งแม่ทัพฝั่งเจิ้นสีตะวันตกให้ถังหยิน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ชายหนุ่มคุมกองทหาร 3 กองพัน

ในความคิดของเหลียงซิง คนแรกที่ควรได้รับตำแหน่งดังกล่าวคนพวกคนจากตระกูลของตน หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะเป็นเขาเอง

ถังหยินเป็นคนของตระกูลอู่ แล้วจะให้เหลียงซิงปล่อยไปง่าย ๆ งั้นหรือ ? ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่น เขาก็อาจจะไม่ต่อต้านมากนักหรอก แต่เพราะเป็นถังหยินที่เขาเกลียดมาก ๆ มันจึงทำให้เขาเริ่มคิดจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียตั้งแต่ตอนนี้

และด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงทำให้ปัญหาระหว่างถังหยินและตระกูลเหลียงปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน ! ในสายตาของตระกูลเหลียง ตอนนี้ถังหยินเป็นดังหนามตำตาที่ต้องรีบขจัดออกในเร็ววัน !