ตอนที่ 75 เธออยากจะคิดเล็กคิดน้อยใช่ไหม ได้สิ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ทั้งห้องเรียนเงียบไปชั่วขณะในเวลานี้

 

 

ผู้หญิงที่เข้าร่วมการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ต่างอ้าปากอย่างตกใจ “หลินซือหราน เธอเข้าใจผิดหรือเปล่า”

 

 

อู๋เหยียนก็เป็นหนึ่งในคนที่เขียนสุนทรพจน์และตรวจสอบข้อมูล จะไม่รู้ความร้ายแรงของการทำบทสุนทรพจน์หายในสถานที่แบบนั้นได้อย่างไร

 

 

“หลินซือหราน เธออย่ามาพูดซี้ซั้วนะ” รูม่านตาของอู๋เหยียนหดลงนิดหน่อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ฉินอวี่พูดกับเธอก็ผ่อนคลายลงอีกครั้ง “มีคนไปพูดยุแยงอะไรเธอเข้าล่ะ ไม่แน่ว่าบางทีเธออาจจะท่องจำไว้ก่อนล่วงหน้า หลังจากนั้นก็ตั้งใจฉีกบททิ้งเพื่อเรียกร้องความสนใจ ไม่อย่างนั้นด้วยสติปัญญาแบบเธอจะสามารถจำบทที่ยาวขนาดนี้ได้เหรอ”

 

 

ทุกคนรู้ว่าเธอหมายถึงฉินหร่าน

 

 

อู๋เหยียนมั่นใจเฉียวเซิงไม่กล้าขัดคำพูดของสวีเหยากวง

 

 

พอสองคนนี้เข้ามาก้าวก่าย คลิปวิดีโอไม่มีทางเผยแพร่ออกมาแน่

 

 

พอคิดแบบนี้ อู๋เหยียนก็ใจชื้นขึ้นมาก

 

 

คำพูดของอู๋เหยียนก็สมเหตุสมผล ในสายตาของทุกคนฉินหร่านไม่ใช่คนที่รักเรียน แต่การที่เธอสามารถจำบทสุนทรพจน์ได้นั้นทำให้ทุกคนยากที่จะเข้าใจได้

 

 

สีหน้าของอู๋เหยียนไร้ซึ่งความละอาย แถมยังกล่าวหาหลินซือหรานกับฉินหร่านอีกด้วย

 

 

ท่าทีดูเคร่งขรึมราวกับผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหาผิดๆ

 

 

“หลินซือหราน เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด” เริ่มมีคนออกมาเป็นทูตสันติภาพ “ทุกคนอย่าใช้อารมณ์กันเลยนะ”

 

 

“เข้าใจผิดอะไร” อู๋เหยียนยังจำท่าทางไม่แยแสตัวเองของฉินหร่านเมื่อวานได้อยู่เลย ความรู้สึกที่ตัวเองโดนเหยียดหยามจากผู้คนรอบข้าง

 

 

เธอพูดพร้อมยิ้มอย่างวางมาด “หลินซือหราน ฉินหร่านบอกเธอเหรอ”

 

 

ตอนนี้คนทั้งห้องจึงได้มองไปที่ฉินหร่านโดยไม่รู้ตัว

 

 

ในมือของฉินหร่านยังถือสมุดแบบฝึกหัดเล่มเมื่อครู่อยู่ เธอเคาะนิ้วลงบนปกหนังสือทีละครั้ง

 

 

อีกทั้งบนใบหน้ายังเจือด้วยรอยยิ้มที่ไม่แคร์อะไร

 

 

เธอพิงหลังเข้ากับกำแพง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย

 

 

แต่ไหนแต่ไรมาเธอเก็บอารมณ์โกรธหรือดีใจไว้ไม่อยู่ แต่ว่าตอนนี้คนอื่นๆ ในห้องกลับดูสีหน้าเธอไม่ออกแม้แต่น้อย

 

 

พวกเขามองหน้ากันไปมา รู้สึกลังเลกับเรื่องนี้

 

 

“รำคาญโว้ย!” ในตอนนี้เฉียวเซิงที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ เตะเก้าอี้ไปหนึ่งที “ไปนั่งที่กันให้หมดเลยนะ! เลิกเสียงดังกันได้แล้วฉันจะนอน!”

 

 

แม้เฉียวเซิงแม้จะเป็นลูกคนรวย แต่เวลาปกติเขาก็เล่นด้วยได้ง่าย ไม่มีมาดคนรวย

 

 

เวลานี้เขายืนขึ้นแล้วพูดเสียงต่ำ ทั้งห้องก็สงบลงทันที

 

 

ไม่มีใครกล้าปริปากพูด

 

 

ในใจของอู๋เหยียนกลับอึดอัดสุดๆ ในเมื่อเฉียวเซิงสัญญาแล้วว่าจะไม่เผยแพร่คลิป ก็จะไม่เผยแพร่แน่นอน

 

 

ที่ยืนขึ้นมาในตอนนี้ก็เพื่อปกป้องฉินหร่านเท่านั้น

 

 

ทำไมกัน!

 

 

ทำไมตอนที่เธอขอร้องฉินหร่าน ฉินหร่านที่มองไม่เห็นแก่ความรู้สึกและเหตุผลแม้แต่นิดเดียวก็ทำได้ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องไม่คิดเล็กน้อยคิดกับหล่อนเหรอ!

 

 

“หลินซือหราน ฉินหร่าน” ไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกอิจฉาหรือเปล่า แต่ในใจของอู๋เหยียนกำลังลุกเป็นไฟ “วันนี้พวกเธอต้องอธิบายเรื่องนี้กับฉันให้ชัดเจน!”

 

 

“อู๋เหยียน!” เฉียวเซิงมองเธอด้วยสายตาตักเตือน คนคนนี้ถ้ายังไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวอีกละก็ ต่อให้มีสวีเหยากวง เขาก็ไม่ให้เรื่องจบง่ายๆ แน่

 

 

อู๋เหยียนกัดริมฝีปาก ไม่พอใจสุดๆ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร

 

 

ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ หากมองจากสายตาของคนในห้องก็เหมือนเฉียวเซิงตั้งใจจะปกป้องฉินหร่านอยู่นิดหน่อย

 

 

มีแค่เซี่ยเฟยกับหลินซือหรานที่ไม่ได้พูดอะไร หลินซือหรานมองอู๋เหยียนราวกับต้องการจะดูว่าเธอจะทำอะไรอีก

 

 

“ช่างเถอะ อู๋เหยียน อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย” เพื่อนร่วมโต๊ะของอู๋เหยียนสนิทกับเธอ จึงเอื้อมมือมาจับอู๋เหยียนไว้

 

 

แต่ใบหน้าน้อยใจของอู๋เหยียนนั้นช่าง……

 

 

“คิก” จู่ๆ หลินซือหรานก็หัวเราะ “อู๋เหยียน ถ้าฉันไม่รู้ความจริงล่ะก็ เห็นเธอท่าทางน้อยใจขนาดนี้ ฉันจะรู้สึกว่าเธอถูกปรักปรำจริงๆ”

 

 

อู๋เหยียนเดินไปถึงที่นั่งตัวเองแล้ว

 

 

แต่พอได้ยินหลินซือหรานพูดแบบนี้ ก็เหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเจาะระเบิดออก “หลินซือหราน นี่เธอหมายความว่าอย่างไร ได้! ตอนแรกฉันไม่ได้จะคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเธอหรอก แต่เพราะเธอปรักปรำฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะคำพูดของฉินหร่านแค่ประโยคเดียว…”

 

 

คนอื่นๆ เห็นว่าเฉียวเซิงโกรธมากแล้ว

 

 

เพื่อนร่วมโต๊ะของอู๋เหยียนรีบมาดึงอู๋เหยียนทันทีพร้อมกระซิบบอก “เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่เกี่ยวอะไรกับทั้งเธอแล้วก็ฉินหร่าน เธอเลิกพูดถึงมันได้แล้ว” 

 

 

ดวงตาของอู๋เหยียนแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ท่าทางโกรธจนแทบอยากจะฆ่าฉินหร่าน ให้คนคิดรู้สึกว่าเธอได้รับความไม่เป็นธรรมสุดๆ

 

 

เพื่อนที่สนิทกับอู๋เหยียนต่างพากันไปปลอบอู๋เหยียน

 

 

ราวกับเธอเป็นผู้ถูกกระทำในเรื่องนี้

 

 

หลินซือหรานมองฉินหร่านที่นั่งอยู่กับที่ ไม่พูดไม่จาแล้วก็รู้สึกแย่

 

 

 

 

ก่อนที่จะหมดคาบ หลินซือหรานไปถามโจทย์คณิตกับเซี่ยเฟย

 

 

อาจารย์เคยอธิบายแล้วในคาบเรียน หลินซือหรานฟังเกือบเข้าใจทั้งหมด ฉินหร่านไม่เข้าใจโจทย์สองสามข้อ ให้หลินซือหรานอธิบายให้ฟังอีกครั้งในคาบ

 

 

หลินซือหรานเองก็รู้เพียงแค่ผิวเผิน แม้เธอจะรู้ว่าฉินหร่านเป็นคนขี้เกียจ แต่ก็ไม่อยากทำแบบขอไปที

 

 

จึงมาถามโจทย์ข้อนี้กับเซี่ยเฟย อยากเข้าใจตั้งแต่คำถามไปจนถึงสูตรและคำตอบอย่างถ่องแท้

 

 

เมื่อทั้งสองคุยกันเสร็จ หลินซือหรานหยิบปากกาแล้วเรียบเรียงความคิด

 

 

เซี่ยเฟยปล่อยให้เธอคิดไป ตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นต่อข้างๆ

 

 

ตอนที่หลินซือหรานคำนวณเสร็จและกำลังจะไป ก็พบว่าเซี่ยเฟยอารมณ์ไม่ค่อยดีจึงเหลือบมองโทรศัพท์ของเธอโดยไม่รู้ตัว

 

 

และเห็นคลิปจากกล้องวงจรปิดเข้า

 

 

ที่โถงทางเดิน ภาพของผู้หญิงหันข้างกำลังฉีกกระดาษต่อหน้ากล้อง ไม่ได้ชัดมากนัก แต่ก็มั่นใจได้ว่าคนนั้นคืออู๋เหยียน

 

 

หลินซือหรานผ่านความรู้สึกตึงเครียดที่บทสุนทรพจน์หายมากับตัว

 

 

ในตอนนั้น บทพูดหายไปต่อหน้าฉินหร่าน ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉินหร่านความจำดี พวกเขาห้องเก้าได้ขายหน้าต่อผู้นำและสถานีโทรทัศน์ไปแล้ว

 

 

เท่ากับว่าความพยายามของพวกเขาหลายวันนั้นสูญเปล่า และสาเหตุทั้งหมดก็ยังจะถูกรวมไว้ที่ตัวฉินหร่าน

 

 

ดังนั้นนี่คือศัตรูคนเดียวกันของคนห้องเก้าที่ไหวตัวประณามคนที่ขโมยบทหลังจากรู้ว่าบทสุนทรพจน์หายไป

 

 

เมื่อรู้ว่าคนที่ทำทุกอย่างคืออู๋เหยียน ระดับความโกรธและความผิดหวังของหลินซือหรานในตอนนี้เป็นอะไรประเมิณออกมาไม่ได้

 

 

สิ่งที่หลินซือหรานไม่คาดคิดที่สุดคืออู๋เหยียนยังคงตีหน้าเศร้าหลังจากที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมา

 

 

เวลานี้เอง เพื่อนร่วมโต๊ะของอู๋เหยียนมองมาที่หลินซือหราน “หลินซือหราน เธอก็พอได้แล้ว….”

 

 

เพราะการแสดงออกของอู๋เหยียน คนจำนวนหนึ่งในห้องอาจจะคิดกันว่าหลินซือหรานจงใจหาเรื่องอยู่หน่อยๆ 

 

 

“เธออยากคิดเล็กคิดน้อยใช่ไหม ได้สิ เอาเลย”

 

 

หลินซือหรานหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเซี่ยเฟยมา ไม่อยากแม้แต่จะยิ้มและไม่อธิบายด้วย ทำแค่เพียงกดขยายหน้าจอแล้วโยนใส่มือของอู๋เหยียน และพูดเบาๆ ว่า “พวกเธอดูสิ”