บทที่ 74 สองคดี

คู่ชะตาบันดาลรัก

บทที่ 74 สองคดี Ink Stone_Romance

บันทึกลับของหวงเฉิงซือ คนบนโลกที่สามารถดูหนังสือเล่มนี้ได้มีไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ หมิงเวยพลิกเปิดสมุดบันทึกแล้วก็พบหน้าที่เกี่ยวกับเกิงซาน

ชื่อนามแฝงคือเกิงซานเป็นสายลับเหรียญทองของหวงเฉิงซือ ปีเกิด…

หมิงเวยทำนายดวงชะตาปาจื้อของคนผู้นี้เงียบๆ ในใจ ประวัติของเขาที่เหลือหมิงเวยเพียงกวาดตามองเท่านั้น จากนั้นนางก็รวบบันทึกลับทั้งหมดส่งคืนให้หยางชู

“มันเป็นความผิดพลาดเจ้าค่ะ”

“ผิดพลาดอย่างไรรึ”

หมิงเวยชี้ไปที่หน้ากระดาษ “ดวงชะตาปาจื้อของคนผู้นี้แข็งมาก อีกทั้งยังตายไม่ดี หลังจากตายแล้วดวงวิญญาณของเขาไม่สามารถไปไหนได้ ที่บังเอิญไปกว่านั้นคือตอนที่เขาตายมีญาณชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พวกท่านคงไม่รู้ว่าญาณชีวิตมีส่วนช่วยให้ดวงวิญญาณนั้นกลายเป็นปีศาจร้ายได้ เมื่อเวลาผ่านไปจึงทำให้เขากลายเป็นปีศาจร้าย”

เจี่ยงเหวินเฟิงถามอย่างเป็นกังวล “มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ ไม่ใช่ว่ามีผู้ใดจงใจเลี้ยงไว้ใช่หรือไม่”

“เป็นอุบัติเหตุเจ้าค่ะ” หมิงเวยยืนกราน “ผู้ที่ฆ่าเขาคงคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นปีศาจร้าย ไม่เช่นนั้นที่สวนคงไม่มีทางปล่อยไว้เช่นนั้นโดยไม่ป้องกันอันใด”

“นับว่าเป็นโชคดีสำหรับเราจริงๆ” หยางชูตอบ “หากวิญญาณของเขาไม่กลายเป็นปีศาจร้าย เวลายาวนานถึงเพียงนี้หากต้องตามหาดวงวิญญาณก็คงหาไม่พบ”

“ใช่เจ้าค่ะ” หมิงเวยเห็นด้วยกับเขา “ในที่ที่สิงสถิตของดวงวิญญาณ อย่างน้อยท่านเทพก็ยังเหลือทางเลือกไว้ให้เรา”

เจี่ยงเหวินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ นางคงเป็นเสวียนชื่อจริงๆ ถึงได้เชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้เช่นนี้

เขาฟังหมิงเวยพูดต่อ “หลังจากท่านแม่เสีย ข้าน้อยได้เอาเรื่องนี้มาขบคิดอยู่หลายครั้ง แล้วก็เข้าใจในหลายๆ เรื่อง”

“อ้อ”

“เรื่องเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกันซึ่งก็คือเมื่อสิบปีก่อน คดีกบฏของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน นายท่านสามเองก็เสียชีวิตเมื่อสิบปีก่อน การตายของเกิงซานเองก็เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน”

พูดถึงจุดนี้นางมองพวกเขาทั้งสองคน “พวกท่านคิดว่าทั้งสามเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่เจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่ มันบังเอิญมากเกินไปที่เรื่องพวกนี้เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกันแล้วต่างก็มีจุดเริ่มต้นร่วมกัน”

“เพราะฉะนั้นการตายของนายท่านสามกับคดีกบฏของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องเกี่ยวข้องกันงั้นหรือ”

“เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่นอน” หยางชูตอบ “ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนเดินทางมาตงหนิง คนแรกที่พวกเราหวงเฉิงซือสงสัยคือฉีตงจวิ้นอ๋อง”

“แต่ตอนนี้พวกท่านค้นพบแล้วว่าเกิงซานตายในจวนตระกูลหมิง ถ้าเช่นนั้นการตายของนายท่านสามจึงต้องนำมาพิจารณาด้วย”

หยางชูพยักหน้า หวงเฉิงซือค้นพบว่าตระกูลหมิงกับฉีตงจวิ้นอ๋องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้พวกเขามองว่าตระกูลหมิงเป็นเพียงเบี้ยเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขาคงต้องมองเสียใหม่ว่าการมีอยู่ของตระกูลหมิงเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้

หมิงเวยเคาะโต๊ะเบาๆ “หากตั้งสมมติฐานขึ้น เมื่อสิบปีก่อนการก่อกบฏของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องถูกเปิดโปง ในขณะเดียวกันนายท่านสามเสียชีวิตในเป่ยหู เกิงซานอาจพบว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกันจึงเดินทางมาที่ตงหนิงเพื่อสืบหาความลับต่อ แต่ไม่รู้ว่าเขาถูกเปิดเผยตัวตนได้อย่างไร และผลก็คือเขาถูกฆ่าตายในตระกูลหมิง”

นางเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา “เมื่อสิบปีก่อนสวนอวี๋ฟางเคยเกิดเหตุการณ์ผีออกอาละวาด แต่เหตุการณ์ก็คลี่คลายลงในไม่ช้าเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เกิงซานถูกฆ่า”

เจี่ยงเหวินเฟิงได้ฟังเรื่องนี้เขาก็หยิบกระดาษ และพู่กันออกมาเขียนในสิ่งที่นางพูดเป็นคำสั้นๆ

รอเขาจดเสร็จ หมิงเวยจึงพูดต่อ “พอเกิงซานตายก็ถูกฝังในสวนอวี๋ฟาง เรื่องนี้จึงจบลง สิบปีต่อมาเกิงซานถูกญาณชีวิตเลี้ยงไว้จนกลายเป็นปีศาจร้าย แต่เนื่องจากฮวงจุ้ยของสวนอวี๋ฟางดีมากจึงไม่ได้ถูกเปิดเผยอันใด จนกระทั่งตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นจึงเป็นโอกาสพลิกสถานการณ์”

เจี่ยงเหวินเฟิงฟังอย่างจริงจังเขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วถามว่า “มันคือเรื่องอันใด”

“พบเจอผี” หมิงเวยอธิบายไปว่าคุณหนูเจ็ดพบเจอผีได้อย่างไร แล้วก็เล่าอีกว่าต่อมานางก็ค้นพบแผนสกปรกในสวนอวี๋ฟางได้อย่างไร

“มีคนจัดฉากในสวนอวี๋ฟาง หล่อเลี้ยงหยินชี่แล้วยังฝังสิ่งของเก่าๆ เอาไว้อีก ถึงตัวพวกมันจะไม่ได้น่ากลัวเพียงแค่ทำให้ผู้คนตกใจก็เท่านั้น แต่ก็เกิดความผิดพลาดขึ้น หยินชี่เหล่านั้นไปกระตุ้นวิญญาณดุร้ายของเกิงซานเข้า”

เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้คุณหนูเจ็ดตกใจจนตายแล้วหมิงเวยก็ฟื้นมาอยู่ในร่างนี้แทน และเป็นเพราะเหตุการณ์นี้การตายของเกิงซานจึงกลายเป็นที่รู้กัน ไม่เช่นนั้นถึงพวกเขาจะเดินทางมาที่ตงหนิงแต่ก็ยากที่จะพบศพของเกิงซาน

ประวัติศาสตร์ที่นางทราบมาได้พัฒนาไปเช่นนี้…

ฉีตงจวิ้นอ๋องถูกถอดยศในไม่กี่ปีต่อมาก็เป็นเพราะพวกเขาไม่พบเบาะแสใดๆ ในครั้งนี้และกลับมามือเปล่า

นิ้วของหยางชูลากเส้นสองเส้นบนโต๊ะ “เส้นนี้คือเกิงซานซึ่งคลี่คลายได้ชั่วคราว ยังมีอีกเส้นหนึ่งซึ่งตอนนี้ยังไม่ชัดเจน”

“คุณชายหมายถึงการตายของท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่”

หยางชูพยักหน้า “ผู้ที่จัดฉากคือผู้ใด หากทำเพื่อให้ผู้คนตกใจล่ะก็ อีกฝ่ายไม่ควรมีเจตนาในการฆ่า ในตระกูลหมิงมีผู้ใดเกลียดชังท่านแม่ของท่านบ้างหรือไม่”

“จะให้พูดเช่นนั้นก็คงไม่ดีเท่าใด” หมิงเวยพูดช้าๆ “พวกท่านคงทราบแล้วว่าท่านแม่อยู่ในตระกูลหมิงในฐานะใด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับนาง เรื่องของนายท่านหกเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว นายท่านสองเองไม่น่าหนีพ้น ข้าคิดว่าผู้ที่เกลียดท่านแม่คงมีไม่น้อย แต่เกลียดถึงขั้นอยากฆ่านั้นคงไม่มี”

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด แต่คนผู้นั้นต้องเป็นคนในตระกูลหมิงแน่นอน”

หมิงเวยพูดอย่างเฉยเมย “เรื่องนี้เป็นเพียงแค่บทเกริ่นนำเท่านั้น จะเป็นผู้ใดไม่สำคัญ อย่างไรเสียคนผู้นั้นก็มีใจคิดร้ายกับท่านแม่ของข้า หากสร้างเหตุการณ์ขึ้นมาคงไม่น่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีสาระสำคัญเช่นนี้หรอก”

เห็นนางดูมีสติเช่นนี้หยางชูรู้สึกชื่นชมนางเป็นอย่างมาก

“ถ้าเช่นนั้นพวกเรากลับมาพูดถึงค่ำคืนสำคัญคืนนั้นกัน” หยางชูพูดพร้อมกับยกนิ้ว “ท่านบอกว่าผู้ที่ต้องไปสวนซิ่นในคืนนั้นจริงๆ แล้วต้องเป็นมารดาของท่านใช่หรือไม่”

หมิงเวยพยักหน้า “นายท่านสองต้องการให้นางไปสืบเรื่องเนื้อหาคำสั่งที่แท้จริงของฝ่าบาท”

“ถ้าอย่างนั้นก็ใช่เลย” หยางชูหรี่ตา “อย่างน้อยก่อนที่นางจะมาสวนซิ่น ตระกูลหมิงก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่านาง แต่เพียงไม่กี่ชั่วยามต่อมานางกลับถูกรัดคอจนตาย ในสองสามชั่วยามนี้ต้องเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาแน่”

หมิงเวยเงียบไปครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าเคยถามแม่นม นางบอกว่าคืนนั้นท่านแม่รู้ว่าข้าไปสวนซิ่นแทนท่าน ท่านแม่จึงไปรอข้าที่ห้องหลิวจิ่งจนกระทั่งยามสี่ ปิงซินกลับไปนอนจึงเหลือแค่นางผู้เดียว ฆาตกรไม่สามารถรอจนถึงฟ้าสว่างได้ หมายความว่านางถูกฆ่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้”

หยางชูเงยหน้าขึ้นแล้วครุ่นคิด “แม้ว่าตระกูลหมิงจะรู้ว่าท่านไปสวนซิ่นแทนมารดา แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องฆ่าคนเลย”

“อืม…หรือเหตุผลที่เลวร้ายที่สุด อาจจะไม่มีอันใดมากไปกว่าการผิดพลาด”

เจี่ยงเหวินเฟิงพูด “ปกติแล้วการฆ่าคนก็เพื่อการแก้แค้น เพื่อเงิน เพื่อ…ปิดปาก”

“เรื่องแก้แค้นพวกเราได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ถึงแม้จะมีคนเกลียดนาง แต่ไม่ถึงขั้นกับต้องการเอาชีวิต เรื่องเงินก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนาง”

“ถ้าอย่างนั้นก็เพื่อปิดปาก…” หมิงเวยพูดเบาๆ

เมื่อเอ่ยคำนี้ทั้งสามคนต่างตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างคิดในใจ

ตกลงเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่จำเป็นต้องฆ่าปิดปากฮูหยินสามด้วยหรือ เหตุใดจึงต้องเร่งรีบถึงเพียงนั้น

“ข้ามีลางสังหรณ์” หยางชูพึมพำ “สองเรื่องนี้อาจมีจุดที่เป็นกุญแจสำคัญ”

เจี่ยงเหวินเฟิงเขียนอย่างรวดเร็ว เขาเขียนเรื่องของเกิงซานไปหนึ่งหน้าจากนั้นก็เขียนเรื่องของฮูหยินสามอีกหนึ่งหน้า

หลังจากที่เขียนเสร็จแล้วเขาก็นำกระดาษสองแผ่นนี้วางไว้บนโต๊ะ

“พวกท่านเห็นหรือไม่ เกิงซานกับฮูหยินสามทั้งสองคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต้น้อย แต่ในขณะเดียวกันทั้งสองกลับเกี่ยวข้องกับคนผู้หนึ่ง”

เขาชี้ไปยังตรงกลาง “นายท่านสาม!”

………………………………..