บทที่ 77 บทสรุปของเรื่องนี้![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 77 บทสรุปของเรื่องนี้![รีไรท์]

ทางด้านนอกโรงแรมหยุนเซียว ฉู่ชวิ๋นเดินเคียงข้างมากับฮวาชิงหวู่ ในมือฉู่ชวิ๋นถือหยกอุ่นเอาไว้ นี่เป็นหยกอุ่นชิ้นสุดท้ายแล้ว

งั่บ! จิ่วโยวอ้าปากและกัดเข้าไปหนึ่งคำเหมือนกับการเคี้ยวถั่ว

งั่บ! หยกอุ่นเล็กลงเรื่อย ๆ จากการเคี้ยวของจิ่วโยว

ฉู่ชวิ๋นอดยิ้มไม่ได้! จิ่วโยวกำลังอารมณ์เสียเพราะหลังจากที่เขามาถึงเขาลืมจิ่วโยวไปเลย แม้แต่ตอนจะกลับเขาก็ยังลืมจิ่วโยวไปเลยเพราะคิดว่าจิ่วโยวอยู่บนข้อมือของเขาตลอดเวลาซะอีก

แม้ว่าเกล็ดของจิ่วโยวนั้นจะแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า แต่มันไม่ได้ฝึกฝน ทำให้สู้กับพวกจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ไม่ไหว ยามนี้มันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับหยุนหนานเฟิง ทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดใจ

ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกตำหนิตนเองเช่นกัน เขาหยิบหยกอันอบอุ่นชิ้นสุดท้ายออกมา เพื่อเลี้ยงจิ่วโยว ให้มันได้สงบอารมณ์ลง

ฉู่ชวิ๋นตัดสินใจแล้วว่าเมื่อเขากลับไปที่เมืองกู่เจียง เขาจะสอนวิธีการฝึกฝนลมปราณให้จิ่วโยวได้เรียนรู้

ฮวาชิงหวู่ชื่นชอบจิ่วโยวมากทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ผู้หญิงมักจะไม่ชอบพวก งูและแมลง แต่จิ่วโยวแตกต่างจากงูตัวอื่น ๆ มันไม่มีกลิ่นไอของสัตว์เลือดเย็น ตรงกันข้ามมันอบอุ่นและมีกลิ่นไอหอมอ่อน ๆ โชยออกมา

เธอเอื้อมมือไปสัมผัสหัวเล็ก ๆ จิ่วโยว จริง ๆ แล้วจิ่วโยวค่อนข้างจะมีลักษณะพิเศษที่ไม่ธรรมดา คนปกติไม่อาจเข้าใกล้ได้แต่สำหรับฮวาชิงหวู่ไม่เป็นปัญหาเพราะเธอเป็นผู้ฝึกตนเป็นเซียน ลมปราณของเธอทำให้จิ่วโยวรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งฮวาชิงหวู่เองก็ใช้ฝ่ามือลูบหัวของมันด้วยความรัก

“ทำไมเธอถึงเห็นด้วยกับงานเลี้ยงของพวกเขาละ?” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยถาม

ตอนแรกฉู่ชวิ๋นปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดของซูฟานไป แต่แขกทั้งหลายขอโอกาสให้พวกเขาแสดงความขอบคุณกับฉู่ชวิ๋น ซูฟานเลยเสนอให้จัดงานเลี้ยงขอบคุณฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นอยากที่จะปฏิเสธไป แต่เขาไม่คิดว่าฮวาชิงหวู่จะเห็นด้วยกับซูฟาน

ฮวาชิงหวู่ตอบด้วยรอยยิ้มตาหยี

“เพราะพวกเขาสามารถช่วยคุณได้ไง!” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกคนเหล่านี้ แต่เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าคนเหล่านี้จะช่วยเขาได้ยังไง?

“คุณแข็งแกร่ง แต่คุณมีจุดอ่อนในเรื่องการใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ คนเหล่านี้อยากจะสนิทกับคุณ ทำไมคุณถึงไม่ให้โอกาสพวกเขาล่ะ คุณไม่ได้อยากตามหาพ่อแม่ของคุณหรอกเหรอ? ก็แค่ให้พวกเขาให้ช่วยไง ทำไมคุณถึงพูดออกไปล่ะ พวกเขาจะช่วยคุณทุกคนแน่ ๆ”

ฉู่ชวิ๋นเผยสีหน้าครุ่นคิด ฮวาชิงหวู่พูดถูก เขาลืมการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ไปแล้ว เพราะเวลากว่า 3,000 ปีแล้วที่เขาต้องพึ่งพาแต่ตนเองอยู่เสมอจนมันกลายเป็นนิสัย

“ขอบคุณ!” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่มีผู้หญิงฉลาด ๆ อยู่ใกล้ ๆ ตัว

“ขอบคุณฉันทำไม?” ฮวาชิงหวู่ยื่นหน้าสวย ๆ เข้ามา “ทำไมไม่จูบฉันล่ะ”

ฉู่ชวิ๋นตกตะลึง เมื่อมองผู้คนรอบ ๆ ตัว เขาก็รู้สึกเสียกิริยาไปเล็กน้อย

ฮวาชิงหวู่มองดูฉู่ชวิ๋นที่อับอายจนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ฉู่ชวิ๋นอ่อนเรื่องความรู้สึกมาก แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่ถ้าเขาสมบูรณ์แบบเกินไปมันจะทำให้เธอรู้สึกห่างเหิน

“ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปไหนกัน?” ฮั่วชิงหวู่ถามพร้อมคล้องแขนฉู่ชวิ๋นเบาๆ

“ภูเขาผีเสื้อ” ฉู่ชวิ๋นกำลังแสวงหาจิตวิญญาณแห่งเต๋า

ฮวาชิงหวู่ตกใจ ภูเขาผีเสื้ออยู่ทางใต้ของเมืองหยุนหยานห่างไปประมาณ 50 กิโลเมตร มันเป็นภูเขาสูงชัน แต่ทิวทัศน์มีความสวยงามมาก ทุก ๆ ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ผีเสื้อจะบินว่อนดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าภูเขาผีเสื้อ

ภูเขาผีเสื้อเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักปีนเขา เมื่อเธอเรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยไปปีนเขากับเพื่อนร่วมชั้นหลายคนแถมยังประสบอุบัติเหตุที่นั่นด้วย

“เอ๋ อุบัติเหตุ?” ฮวาชิงหวู่เงยหน้าขึ้นมองฉู่ชวิ๋น

“ฉันจำได้ว่าผลไม้สีแดงที่ฉันเห็นหยุนหนานเฟิงเอามา มันมาจากภูเขาผีเสื้อ” เธอจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว

เมื่อครั้งที่เธอไปที่ภูเขาผีเสื้อกับเพื่อนร่วมชั้น เธอสะดุดและพลัดตกลงไปในแม่น้ำ โชคดีที่มีต้นไม้เยอะมากที่ตรงด้านล่างของภูเขาพร้อมพุ่มไม้ที่หนาแน่น เธอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแค่ผิวหนังถลอกเท่านั้น

ขณะที่เธอรอความช่วยเหลืออยู่ด้านล่าง เธอก็พบเข้ากับถ้ำแปลก ๆ ที่มีผลไม้สีแดงสดกำลังเจริญเติบโตอยู่ในถ้ำ ผลไม้สีแดงเต็มไปด้วยกลิ่นหอม เธออยากรู้อยากเห็นและจึงเด็ดมันกลับมาสองผล และดูเหมือนเธอจะให้ผลไม้นี้กับเพื่อนร่วมชั้นของเธอไป

ตอนนี้เธอจำได้ว่า ภูเขาผีเสื้อ มันคือสถานที่ที่มีผลไม้สีแดงสดในตอนนั้นนั่นเอง

“เธอจำสถานที่นั้นได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม

ฮวาชิงหวู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า

……

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงภูเขาผีเสื้อ

ในเวลานี้มันเป็นช่วงกลางฤดูร้อน ต้นไม้กำลังเติบโต ดอกไม้บานสะพรั่งและผีเสื้อกำลังบินว่อนไปทั่วภูเขาและแน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวมากกว่าปกติถึงสองเท่าตัว

ด้วยความทรงจำของฮวาชิงหวู่ทำให้ฉู่ชวิ๋นค้นพบเส้นทางที่จะไปยังถ้ำลึกลับ ถนนค่อนข้างแคบและด้านข้างของเส้นทางเป็นลำธารภูเขา โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวมักจะเดินบนถนนสายหลักและแทบไม่มีใครมาที่นี่

“ฉันตกลงมาที่นี่และในที่สุดทีมกู้ภัยก็มาช่วยฉันไว้” ฮวาชิงหวู่กล่าวและชี้ไปที่ทางลาดเล็ก ๆ ด้านข้าง

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปและมองดูเบื้องล่าง มีต้นไม้มากมายอยู่ด้านล่างภูเขา จนสุดลูกหูลูกตา

จากคำบอกเล่าของฮวาชิงหวู่พิสูจน์ได้ว่ามันลึกลงไปไม่เกิน 50 เมตร

“ฉันจะลงไปดูข้างล่างและเธอรออยู่ที่นี่” ฉู่ชวิ๋นพูด

“ไม่ ฉันจะไปด้วย” ฮวาชิงหวู่กอดแขนของฉู่ชวิ๋นไม่ยอมปล่อย

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ วางมือรอบเอวนุ่มนิ่มของฮวาชิงหวู่แล้วกระโดดลงไปทันที

ฮวาชิงหวู่ไม่คิดว่าฉู่ชวิ๋นจะกระโดดลงไปตรง ๆ จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้กรีดร้องเสียงดังแล้วกอดคอของฉู่ชวิ๋นจนแทบจะหายใจไม่ออก

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นนั้นคล้ายดวงตาเหยี่ยว เขาพบว่ามีหินแหลมงอกยื่นออกมาบนภูเขา เขาบังคับร่างให้หลบหลีกก้อนหินอยู่หลายครั้ง

“ตุ้บ!” พวกเขาลงมาที่ด้านล่างของภูเขา หลังจากกระโดดลงมาถึงพื้น ใบไม้เหี่ยวแห้งรอบตัว ๆ พวกเขาก็ถูกพัดกระจายด้วยแรงลม ปลิวว่อน

“เธอลืมตาและปล่อยมือได้แล้ว พวกเราปลอดภัย” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ

ฮวาชิงหวู่สะบัดฉู่ชวิ๋นออกอย่างรุนแรง เธออารมณ์เสียมาก เขามันเป็นท่อนไม้จริง ๆ ไม่เข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติเอาซะเลย โดยทั่วไปผู้ชายมักจะใช้ประโยชน์ตอนนี้และพูดคุยอย่างนุ่มนวลระหว่างการเดินทางสิ

ฉู่ชวิ๋นสงสัยว่าทำไมเธอถึงโกรธ เขาทำอะไรผิดตรงไหน? แต่ไม่นานเขาก็ถูกสิ่งอื่นดึงดูดใจไป

เขตแดน!

ไม่ไกลจากที่ฉู่ชวิ๋นและฮวาชิงหวู่ยืนอยู่ เขาสังเกตเห็นว่ามันเป็นเขตแดนหยาบ ๆ

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อสังเกตดูลาดเลา เขาเห็นว่าที่นี่ค่อนข้างลับสายตาไม่สามารถค้นพบได้โดยง่าย ที่ซ่อนอยู่หลังเขตแดนนั้นเป็นประตูหินแบบเปิด

ฮวาชิงหวู่มองดูฉู่ชวิ๋นและขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกหดหู่ แต่ก็ตามฉู่ชวิ๋นไป

“ที่นี่คือถ้ำนั้นที่ฉันพูดถึง” ฮวาชิงหวู่ชี้ไปที่ประตูหินด้านทางหลังแล้วรู้สึกสงสัย

“แต่ว่าตอนนั้นฉันบอกทีมช่วยเหลือไปแล้วว่าฉันอยู่ตรงไหน พวกเขากลับไม่เห็นอะไรเลย ซึ่งมันแปลกมาก ๆ” ฉู่ชวิ๋นรู้ว่าเพราะฮวาชิงหวู่มีร่างทิพย์ เขตแดนธรรมดา ๆ จึงไร้ผลกับเธอ

ค่ายกลนี้อ่อนแอจนเกินไป ถ้าเขาเป็นคนสร้างเขตแดนเอง ฮวาชิงหวู่จะไม่มีทางพบเจอสถานที่นี่ได้อย่างแน่นอน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับระดับพลังด้วย

หากวรยุทธ์ของฮวาชิงหวู่มีระดับเดียวกับเขา เขตแดนทั้งหมดที่เขาสร้างไว้จะไม่มีผลกับฮวาชิงหวู่

“ฉู่ชวิ๋น ทำไมคุณคิดว่าฉันเห็นถ้ำนี้แล้วคนอื่นไม่เห็น?” ฮวาชิงหวู่เอ่ยถามเบา ๆ และพูดเพิ่ม “ยกเว้นคุณ”

“เพราะเธอเป็นร่างทิพย์!” ฉู่ชวิ๋นไม่เก็บไว้เป็นความลับ

“ร่างทิพย์คืออะไร?” ฮวาชิงหวู่เอ่ยถาม

ฉู่ชวิ๋นพยายามอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับร่างทิพย์ หลังจากฟังจบ เธอก็ดูมีความสุขมาก

“ร่างทิพย์นั้นดูร้ายกาจดีนะ คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะเอาชนะคุณได้ในสักวันหนึ่ง?”

“ก็เป็นไปได้” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

ฮวาชิงหวู่รู้สึกดีใจยิ่ง เธอเหวี่ยงกำปั้นไปมาแล้วพูดอย่างพึงพอใจ “หลังจากนี้คุณควรจะดีกับฉันให้มากกว่านี้นะ ถ้ารอให้ฉันแข็งแกร่งกว่าคุณละก็ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกใจฉัน ฉันจะทุบตีคุณ!”

“เธอคิดมากเกินไปแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่” ฉู่ชวิ๋นพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ทำไม?” ฮวาชิงหวู่ถาม

“เพราะพลังวรยุทธ์และทักษะการต่อสู้นั้นมีข้อแตกต่าง!”

ฉู่ชวิ๋นหยุดครู่หนึ่งแล้วอธิบายต่อ “มันเหมือนมีใครบางคนที่ภายในร่างกายมีพลังโหดเหี้ยม รุนแรง แต่ก็ไม่รู้วิธีนำมันออกมาใช้งาน ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”

“ตัวอย่างเช่นผู้ฝึกวรยุทธ์จะต้องมีลมปราณที่แข็งแรง และพวกเขายังต้องผสานทักษะยุทธ์เข้ากับลมปราณเพื่อใช้พลังออกมา พวกเราเป็นเซียน พวกเราก็จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะยุทธ์และพลังจิตวิญญาณ!”

“งั้นเหรอ?” ฮวาชิงหวู่รู้สึกท้อแท้ แต่พอได้ยินพลังจิตวิญญาณ เธอก็เอียงศีรษะของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นคุณก็สอนให้ฉันสิ”

“ได้เลย!” ฉู่ชวิ๋นตอบรับทันที

ฮวาชิงหวู่ไม่คาดคิดว่าฉู่ชวิ๋นจะตอบตกลงง่าย ๆ เธอรู้ว่าวรยุทธ์มีความสัมพันธ์กับชีวิตและมันไม่แพร่หลายมากนัก เพราะมันมีธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา

แต่ฉู่ชวิ๋นกลับพูดตกลงทันทีว่าจะสอนเธอ ซึ่งชัดเจนเลยว่าฉู่ชวิ๋นดูแลเธอเป็นอย่างดี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของเธอก็หวานฉ่ำไปด้วยความรัก

ฉู่ชวิ๋นไม่ใส่ใจกับท่าทางของฮวาชิงหวู่ เขาเดินไปทางซ้ายสามก้าวและในที่สุดก็โน้มตัวลง

“เฟี้ยว!” ลมกระโชกแรงอย่างหนักและเขตแดนด้านหน้าก็แตกร้าวราวกับเปลือกไข่

“ไปกันเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นกล่าว

ฮวาชิงหวู่พยักหน้าเบา ๆ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าไปข้างหน้าเพียงก้าวเดียว หน้าตาที่สดใสก็เปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้

ฉู่ชวิ๋นก้าวเดินไปข้างหน้าสองก้าวก็พบว่าฮัวชิงหวูไม่ได้เดินตามมา เมื่อหันกลับไปเขาเห็นว่าใบหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก เขาจึงถามออกมา “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ฮวาชิงหวู่เงยหน้าขึ้นและมองฉู่ชวิ๋น พูดด้วยน้ำเสียงเป็นลังเล “คุณเพิ่งพูดว่าเพราะฉันเป็นร่างทิพย์ เขตแดนไม่มีผลกับฉันและสามารถเข้าไปในถ้ำได้อย่างอิสระใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว!” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เธอดูเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง

“นั่นหมายความว่าหยุนหนานเฟิงพยายามทุกวิถีทางที่จะแต่งฉันเข้าไปในตระกูลหยุน เพราะฉันสามารถเข้าออกจากถ้ำได้อย่างอิสระ เขาต้องการผลไม้สีแดงเหล่านี้ ใช่ไหม?” ฮวาชิงหวู่ถามอย่างจริงจัง

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“งั้นผลไม้ในมือของเขา เป็นหนึ่งในสองผลที่ฉันเด็ดออกมาตั้งแต่แรก?” เสียงของฮวาชิงหวู่เริ่มสั่นไหว

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าอีกครั้ง

“แล้วเพื่อนของฉันละ?” ฮวาชิงหวู่พูดเสียงเบา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจและพูด “อย่ามากคิดเลย เพื่อนของเธอแค่โชคร้ายเรื่องนี้ไม่ได้อะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลย”

น้ำตาไหลอาบแก้มของฮวาชิงหวู่ เธอเอนหัวพิงในอ้อมแขนของฉู่ชวิ๋น พร้อมสะอึกสะอื้น “ฉันทำร้ายเธอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยนะ”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงลูบไปที่หลังของฮวาชิงหวู่

ฉู่ชวิ๋นรู้มานานแล้วว่าเพื่อนของฮวาชิงหวู่มีชะตาชีวิตที่ไม่ดีนัก เธอถูกลักพาตัวมาจากครอบครัวและถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลหยุนตั้งแต่เด็ก

หยุนหนานเฟิงได้ผลไม้สีแดงของเธอไป และหยุนหนานเฟิงก็ค้นพบว่าผลไม้สีแดงสามารถระงับพิษของแมลงในร่างกายของเขาได้และมันสามารถรักษารูปร่างหน้าตาของเขาไว้ได้โดยไม่ต้องดูดเลือดของหญิงสาวนานถึงครึ่งปี

หยุนหนานเฟิงมีความสุขอย่างมากที่ค้นพบเรื่องนี้ ในที่สุดมันก็ได้รู้ว่า ฮวาชิงหวู่เป็นผู้ที่เจอผลไม้สีแดง แต่ในเวลานั้น ฮวาชิงหวู่อาศัยอยู่ที่เมืองกู่เจียง

หยุนหนานเฟิงเลยส่งคนไปติดต่อฮวาโม่เซี่ยและหยิบยกแนวคิดเรื่องการแต่งงานขึ้นมา อีกทางหนึ่งเขาก็ส่งคนไปยังสถานที่ที่ฮวาชิงหวู่เจอผลไม้

อย่างไรก็ตามพวกเขาหาไม่เจอ หายังไงก็หาไม่เจอแม้จะ ห่างเพียง 3 ฟุต ในท้ายที่สุดหยุนหนานเฟิงก็พบเต๋าผู้ชั่วร้ายโดยบังเอิญ พวกเขามีนิสัยที่คล้ายคลึงกันจึงสนิทกันได้ไม่ยาก

เต๋าผู้ชั่วร้ายมีความรู้เรื่องเขตแดนค่ายกลมาบ้าง พวกเขาเหมือนแมวตาบอดวิ่งเข้าไปในรังหนูที่ตายแล้ว จนบังเอิญพบถ้ำแห่งนี้

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเขาเลยคิดถึงฮวาชิงหวู่

เพื่อไม่ให้ถูกขัดขวางโดยผู้อื่นและดึงดูดความสนใจจากกองกำลังต่าง ๆ พวกเขาเลยเริ่มต้นผลการต่าง ๆ ทั้งการทำให้แม่ฮวาชิงหวู่ป่วย หลอกล่อ พ่อของฮวาชิงหวู่ บังคับคนรอบข้าง ดังนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง

น่าเสียดายที่พวกเขาคำนวณถึงความเป็นไปได้นับพัน ๆ อย่าง แต่พวกเขาไม่ได้คำนวณถึงการมีอยู่ของฉู่ชวิ๋น

นี่เป็นประโยคที่มีความหมายตรงตัว คนคำนวณหรือจะสู้ลิขิตฟ้า!