บทที่ 59 พาเขาไปด้วย Ink Stone_Romance
“หวยจิน!” จีเหมียนหมดความอดทนเล็กน้อย เห็นว่ากำลังยกเท้าหมายถีบประตู
ซ่งชูอีจึงลุกขึ้นมาจากเตียง “จีอู้เม่ย! เจ้าห้ามถีบประตู!”
แม้นประตูที่ถูกถีบพังจะมีจีเหมียนรับผิดชอบติดตั้งให้ใหม่ ทว่านางก็ไม่อยากเปลี่ยนบานประตูทุกวัน
ทันทีที่ประตูเปิด จีเหมียนก็เข้ามาอย่างแทบอดใจไว้ไม่ไหว “สาวงามอยู่หนใด?”
“เจ้ากับหยุ่นซื่อชาตินี้มิเคยพบสาวงามรึ?” ซ่งชูอีหาว เดินเข้าไปในห้อง
“เพราะว่าได้พบความงามแห่งสาวงาม จินตนาการจึงบ้าคลั่งเพียงนี้” จีเหมียนยิ้มแหะๆ วิ่งตัดหน้าซ่งชูอีเข้าไปในห้อง
จีเหมียนเหลือบมองเด็กคนนั้นที่มีใบหน้าซีดเหลืองบนเตียง เบือนสายตาเสาะหาภายในห้องอีกครั้ง “สาวงามเล่า?”
ซ่งชูอีนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะ ยกมือรินน้ำให้ตัวเอง เพยิดคางชี้ไปบนเตียง
“นี่คือสาวงามรึ?” จีเมียนไม่รู้ว่าหนานฉีไม่เคยเจอผู้ที่ถูกเรียกว่าสาวงามนี้ เอ่ยอย่างเหลือเชื่อ “ระยะนี้ความชื่นชอบของหยุนซื่อประหลาดแท้”
“เขาเคยปกติด้วยรึ” ซ่งชูอีจิบน้ำคำหนึ่ง รู้สึกหนาวจนตัวสั่น
จีเหมียนเข้าใจความหมายในคำเย้ยหยันของซ่งชูอี หัวเราะเห็นด้วย “พูดถูก จริงสิ คราวก่อนพวกเรามิได้ไปงานประชุมหารือการปกครอง งานอภิปรายในวันนี้เจ้าจะไปหรือไม่? เจ้าเพิ่งมาถึง ไปทักทายกับบัณฑิตแห่งผูหยางหน่อยก็น่าจะดี”
“ไม่ไป” ซ่งชูอีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
การเข้าร่วมงานอภิปรายจำต้องมีคำปราศรัยของตนเอง ผู้ที่ไม่เห็นด้วยในคำอภิปรายจะถกเถียงกัน คำปราศรัยของนางที่ว่าด้วยการโค่นรัฐแม้นมีไม่กี่คนที่รู้ ทว่าหากมีคนหยิบยกขึ้นมาระหว่างการอภิปราย เกรงว่าจะแพร่งพรายออกไปทันที ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถปกปิดได้แล้ว
จีเหมียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว ก็เข้าใจความหมายของซ่งชูอี “ข้าว่าเจ้าวู่วามเกินไปแล้ว คำปราศรัยเช่นนี้มิอาจทำให้เป็นสาธารณะได้”
ซ่งชูอียิ้มน้อยๆ ผู้ที่เข้าใจจักรู้ความตั้งใจของนาง ผู้ที่ไม่เข้าใจจักรู้สึกว่านางบ้าบิ่น
อันที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นการพนันในระดับหนึ่ง การคิดกลยุทธ์ใหญ่หลวงนั้น ต่อให้ค่อยๆ เดินทีละก้าวก็มีความเสี่ยง
มีกลยุทธ์ที่ปลอดภัยโดยสมบูณ์ที่ไหนกัน?
ครั้นวิถีการโค่นรัฐแพร่กระจายออกไป ซ่งชูอีจะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงแน่ สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะตามมาด้วยการโจมตีจากหลากหลายสำนัก พวกนี้เป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทฤษฎีการโค่นรัฐทำลายศีลธรรม แม้ว่าจักรพรรดิแห่งเจ็ดมหานครรัฐต่างแอบซ่อนความอยากเป็นใหญ่ของตนไว้ ทว่าใครจะกล้าประกาศต่อใต้หล้าอย่างตรงไปตรงมาว่าจะทำลายหกมหานครรัฐที่เหลือเล่า? หากวิถีการโค่นรัฐของซ่งชูอีแพร่กระจายออกไป การใช้นางก็เท่ากับบอกเจตนานี้ต่อทั่วหล้า
นี่ไม่อาจทำให้ซ่งชูอีเผชิญหน้ากับความตายได้ ทว่าสามารถทำให้เส้นทางในอนาคตของนางถึงทางตัน
“หวยจิน เจ้าเก็บเด็กมาเพื่ออะไร? อีกไม่กี่วันจวนหลงกู่ก็จะมอบคนรับใช้ให้เจ้าแล้ว” จีเหมียนนึกว่าเพราะซ่งชูอีไม่มีคนคอยรับใช้ จึงอยากเลี้ยงไว้เองสักคน
ซ่งชูอีมองเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียง จมอยู่ในความคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “เพราะว่าเขาคือสาวงาม”
จีเหมียนเห็นท่าทางที่จริงจังของนางไม่เหมือนกำลังล้อเล่น สำรวจใบหน้าน้อยๆ ที่ซูบตอบอย่างระมัดระวัง ดูไปดูมาก็ไม่รู้สึกว่าน่ามองตรงไหน
เหตุผลที่ซ่งชูอีอยากช่วยชีวิตเขา ที่จริงแล้วเป็นเพราะความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอยู่รอดของเขา ในสถานการณ์เช่นนั้น ผู้ที่ยังมีลมหายใจอยู่อาจมิได้มีเพียงเขาคนเดียว อย่างไรก็ดีมีเขาเพียงคนเดียวที่ยังรักษาความรู้สึกตัวเลือนรางครั้งสุดท้ายไว้ มือน้อยๆ คว้าไม้กระดานอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้นการทำเช่นนี้จะไร้ประโยชน์ ทว่าอย่างน้อยเขาก็ได้พยายามก่อนสิ้นลม
พลังที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะตายนั้น ทำให้ซ่งชูอีประทับใจยิ่ง นางโปรดปรานคนดื้อรั้น
“ไม่ไปจริงรึ?” จีเหมียนถาม เมื่อเห็นว่าซ่งชูอีไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจก็เอ่ยขึ้น “งั้นข้าก็ไม่ไป” จีเหมียนกำลังจะพูด กลับได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มที่หน้าประตู “ท่านหวยจิน ท่านแม่ทัพเชิญขอรับ”
ซ่งชูอีหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาจากเตียง พลางสวมใส่พลางเดินไปข้างนอก “มีเรื่องอันใดรึ?”
ครั้นเปิดประตู ซ่งชูอีเห็นเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดคนหนึ่ง หล่อเหลาขาวใส ไม่ใช่คนนั้นที่เคยมาส่งข่าวอยู่บ่อยๆ
“เรียนท่านหวยจิน นายท่านมิได้กล่าว” เด็กหนุ่มค้อมตัว
ซ่งชูอีดึงกระชับเสื้อ ยกมือขึ้นสางผมที่ยุ่งเหยิงสองสามที ตักน้ำในถังตรงเฉลียงมาบ้วนปากล้างหน้า
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าด้วยความพยายามเพียงพริบตา บัดนี้ซ่งชูอียืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความสดชื่นแล้ว
จีเหมียนได้ยินว่าซ่งชูอีกำลังจะไปที่ลานส่วนหน้า ก็เดินออกมา “ข้าจะไปเที่ยวนอกจวน”
ซ่งชูอีพยักหน้า “ไปด้วยกันเถิด”
จีเหมียนมองสำรวจซ่งชูอีอย่างละเอียด แม้นผมเผ้าจะถูกหวีแล้ว แต่ก็ยังยุ่งเหยิงมาก ถึงจะดูดีแต่ก็ไม่เรียกว่าสวยงามมากนัก…
เคราะห์ดีที่บัดนี้ดูปกติแล้ว! จีเหมียนถอนหายใจ เข้าใกล้ซ่งชูอีครานี้ ก็มิได้มีความรู้สึกแปลกประหลาดวูบผ่านเช่นเมื่อวาน
ซ่งชูอีไม่รู้ความคิดในใจของจีเหมียน เดินไปยังหน้าประตูห้องของจื๋อหย่ากับจื่อเฉา “จื๋อหย่า ดูแลเด็กคนนั้นให้ดี”
ซ่งชูอีเคยบอกว่าจื๋อหย่าว่าอย่าปรากฏตัวต่อหน้าคนนอกอย่างง่ายดายนัก ด้วยเหตุนี้นางจึงได้แต่ตอบกลับจากข้างใน “เจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนเดินไปยังลานส่วนหน้าด้วยกัน จีเหมียนออกจากจวนตามลำพัง ซ่งชูอีตามสาวใช้เข้าไปยังห้องโถงหลัก
หลงกู่ชิ่งสวมชุดคลุมยาว สีหน้าที่ขึงขังอยู่เสมอบัดนี้กลับเจือปนรอยยิ้มจางๆ ดูอ่อนโยนขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านแม่ทัพ” ซ่งชูอีประสานมือคำนับ
“เชิญนั่ง” หลงกู่ชิ่งเอ่ย
ซ่งชูแอบคาดเดา แผนการที่ต่อกรกับรัฐเว่ยนั้นบัดนี้ยังมิเห็นผลลัพธ์ใด การที่หลงกู่ชิ่งปฏิบัติต่อนางอย่างอบอุ่นเช่นนี้ จะต้องเป็นเพราะหลงกู่ปู้วั่งเป็นแน่
เป็นไปตามคาด ซ่งชูอีเพิ่งจะนั่งลงก็ได้ยินหลงกู่ชิ่งเอ่ย “ได้ยินว่าเมื่อวานเจ้าเด็กหัวร้อนปู้วั่งนั่นเชื่อฟังคำสั่งของเจ้ามาก ข้ารู้สึกอุ่นใจจริงๆ”
หลงกู่ปู้วั่งมิใช้เด็กดื้อด้านจนทนไม่ไหว เขามีไหวพริบดีแต่กลับหัวรั้นยิ่ง มักจะต่อต้านความปรารถนาของผู้ใหญ่เสมอ ผู้ใหญ่คิดว่ามันเป็นผลดีสำหรับเขาแต่เขากลับไม่ยอมรับ อาจารย์ที่ถูกเชิญมาถูกเขาผลักไสคนแล้วคนเล่า มองดูแล้วก็แทบลมจับ นี่เกือบจะกลายเป็นโรคทางใจของหลงกู่ชิ่งไปแล้ว เรื่องเมื่อวานจึงทำให้เขายินดีมากและรีบสั่งคนส่งของกำนัลไปให้ซ่งชูอีทันที
“คุณชายพรสวรรค์เป็นเลิศ ในใจรู้จักไตร่ตรองข้อดีและข้อเสีย ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ในเมื่อหวยจินกับคุณชายมีวาสนาต่อกัน หวยจินจะสอนด้วยความรู้ทั้งหมดที่มี” ซ่งชูอีเอ่ยด้วยความสุภาพและจริงใจสองสามประโยค
“เยี่ยม” หลงกู่ชิ่งเผยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยต่อ “สัมภาระของหวยจินที่จะไปเยี่ยมรัฐฉินบัดนี้เตรียมไว้พร้อมแล้ว ไม่ทราบว่าจะออกเดินทางเมื่อใด?”
ซ่งชูอีตอบโดยไม่คิด “ยิ่งเร็วยิ่งดี”
ท้ายที่สุดแล้วจะมีอันตรายระหว่างทางหรือไม่นั้นมิอาจรู้ได้ เพียงการเดินทางอาจต้องใช้เวลากว่าหนึ่งเดือน ทางที่ดีที่สุดคืออาศัยช่วงการลุกฮือของคำครหาครานี้เกลี้ยกล่อมให้รัฐฉินออกทัพ
หลงกู่ชิ่งก็มีความตั้งใจเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่เขาต้องการกล่าวกลับมิใช่เรื่องนี้ “ข้าต้องการให้เจ้าพาปู้วั่งไปด้วย”
“เรื่องนี้อันตรายใหญ่หลวง มิเหมาะแก่การผจญภัย” ซ่งชูอีปฏิเสธด้วยความนุ่มนวล แม้นนางรู้สึกว่านางจะสามารถทำให้หลงกู่ปู้วั่งเชื่อฟังได้ ทว่านางไม่มีเวลาและพละกำลังที่จะมุ่งเน้นไปยังวัยรุ่นหัวรั้นเพียงคนเดียว
“ให้เขาได้ออกกำลังเสียหน่อยก็ดี ได้โปรดท่านหวยจินอย่าปฏิเสธเลย” หลงกู่ชิ่งคล้ายไม่เข้าใจความหมายของซ่งชูอี
…………………………