เผยเชียนหันมองรอบๆ ร้านอีกครั้งแล้วสังเกตเห็นโซนหูฟัง

“หม่าหยาง ผมจำได้ว่าคุณใช้หูฟังจากร้านแผงลอยข้างทางราคายี่สิบกว่าหยวน” เผยเชียนมองหม่าหยาง

“จิ๊…บอสเผย ถึงจะเป็นของจากร้านแผงลอยแต่ก็ใช้ดีเลยนะครับ” หม่าหยางรีบตอบกลับเพราะไม่อยากเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาให้คนอื่นรู้

“แล้วจะเหมาะกับการใช้งานเหรอ ของจากร้านแผงลอยคุณภาพไม่ถึงขั้นหรอก นี่รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาสองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยวน ซื้อสิ ไม่ถึงหมื่น แค่นี้ก็พอใช้งานแล้ว”

เผยเชียนรีบหยิบหูฟังให้หม่าหยาง

หม่าหยางตะลึงงันไปก่อนจะพูดขึ้น “เอ่อ บอสเผย แต่งานของผมไม่ค่อยต้องใช้หูฟังนะครับ…”

ตอนนี้หม่าหยางรับผิดชอบงานจิปาถะในทีมออกแบบ ได้กรอกแบบฟอร์มเป็นบางครั้ง ใช้โปรแกรมตัดต่อ หรือไม่ก็ประสานงานเรื่องทรัพยากร งานของเขาไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังจริงๆ

เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เตรียมไว้ทำงานต่อไปไง คุณอาจจะต้องประสานงานกับทีมที่เราจ้างมากับดูเรื่องเพลงและเสียงเอฟเฟกต์ ถ้าไม่มีหูฟังดีๆ พอเขาส่งเพลงกับเสียงเอฟเฟกต์มาให้ตรวจ คุณจะรู้ได้ไงว่าได้งานคุณภาพดีหรือเปล่า”

หม่าหยางเกาหัว “แต่หูฟังที่มากับคอมพิวเตอร์ของบริษัทก็ดีพอแล้วนะครับ”

เผยเชียนทำหน้าจริงจังขึ้น “ก็นั่นของบริษัท คุณเอากลับบ้านได้ไหมล่ะ ถ้ามีเหตุด่วนหลังเลิกงานต้องให้คุณช่วยประสานงานขึ้นมาจะทำไง”

หม่าหยางพูดอะไรไม่ออก

เหมือนกับว่า…ที่เผยเชียนพูดช่างฟังดูมีเหตุผล…

หม่าหยางยิ้มกว้างขณะวิ่งเอาหูฟังไปจ่ายเงิน

ก็เหมือนกรณีของเสี่ยวลู่ เขาอยากซื้ออยู่แล้ว แต่ไม่อยากใช้เงินตัวเองซื้อ จะใช้งบพิเศษซื้อก็รู้สึกไม่ค่อยดี

แต่พอเผยเชียนเชียร์ให้ซื้อ พวกเขาก็ไม่มีข้ออ้างอื่นอีก

หม่าหยางถือหูฟังแสนสวยไว้ในมือ

เขาไม่ต้องเสียเงินตัวเองสักแดงเดียวเพราะบริษัทจ่ายให้ จะไปหาอะไรสุดประเสริฐแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก

ไม่นานเสี่ยวลู่กับหม่าหยางก็จ่ายเงินเสร็จ

เสี่ยวลู่อดใจไม่ไหว เขารีบเปิดใช้งานมือถือเครื่องใหม่ทันที

คนอื่นๆ เดินเลือกซื้อของในห้างต่อ ระหว่างนั้นเผยเชียนก็คอยจับตาดูพนักงานทุกคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะใช้งบกันเต็มที่!

เขาบังคับให้หวงซื่อปั๋วซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่โดยอ้างว่า ‘เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน’ และยังเชียร์ให้พนักงานต้อนรับสาวสองคนซื้อชุดสวยๆ โดยอ้างว่า ‘เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ของบริษัท’

ยังมีของอื่นๆ ที่สามารถใช้งบนี้ซื้อได้ เมื่อไหร่ที่เผยเชียนเห็นใครนึกลังเลใจแม้แต่นิดเดียว เขาจะปรี่เข้าไปหาข้ออ้างให้ซื้อทันที!

มีบางกรณีที่เผยเชียนไม่สามารถหาข้ออ้างได้ เช่น พนักงานชายคนหนึ่งอยากซื้อกระเป๋าถือให้แฟน เขาบอกให้พนักงานคนนั้นเลือกของชิ้นอื่นเพื่อที่จะได้หาข้ออ้างให้

เผยเชียนค่อนข้างพอใจหลังจากเดินทั่วห้างหนึ่งรอบ

โอเค ทุกคนใช้เงินกันหมด!

หลังจากตรวจดูเงินทุนระบบที่ตอนแรกมีอยู่หนึ่งล้านหนึ่งแสนหยวนก็พบว่าตัวเองผลาญเงินทุนระบบไปได้ห้าแสนสามหมื่นหยวนผ่านแผนชั่วร้ายต่างๆ อย่างขึ้นเงินเดือน ให้โบนัส และแจกบัตรกำนัล

ตอนนี้เหลือเงินอยู่ห้าแสนเจ็ดหมื่นหยวน

“โอเค ที่เหลือคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว…”

เผยเชียนรู้ว่าเหล่าพนักงานทำหน้าที่ตัวเองเต็มที่แล้ว ที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นหยวนเขาต้องเป็นคนใช้เอง

หลังจากผลาญเงินเจ็ดหมื่นหยวนก้อนนี้ไปได้ ทุกๆ หยวนที่ผลาญได้ต่อจากนั้นจะแปลงเข้าความมั่งคั่งส่วนบุคคลในอัตราหนึ่งต่อหนึ่ง!

นี่คือก้าวสุดท้ายของการเดินทางสุดยาวไกล เขาต้องทำให้สำเร็จ!

เผยเชียนเดินไปร้านสูทสุดหรู พยายามเลี่ยงร้าน Jesse ที่เคยซื้อก่อนหน้านี้

แต่ก็ต้องรีบกลับออกมาอย่างเงียบเชียบ

ระบบไม่อนุญาตให้เขาซื้อ…

น่าจะเป็นเพราะรอบก่อนเผยเชียนซื้อสูทไปหลายตัวแล้ว ระบบจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเพิ่มอีก

จากนั้นเผยเชียนก็ไปที่ร้าน Rolex เพื่อซื้อนาฬิกาสักเรือน

ครั้งนี้ระบบไม่ได้ห้ามซื้อเสียทีเดียว

เผยเชียนเริ่มไล่จากเรือนที่แพงที่สุด ราคากว่าสองแสนหยวน แล้วค่อยๆ ไล่ไปเรื่อยๆ ในที่สุดระบบก็ยอมให้เขาซื้อรุ่นเริ่มต้น ราคาประมาณสี่หมื่นหยวน!

ถึงจะเป็นยี่ห้อ Rolex เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าถูกเกินไป…

เผยเชียนเจ็บใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่สี่หมื่นก็เงิน ยังไงก็ต้องซื้อ

อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า ‘ใส่ Rolex ก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น’ เผยเชียนมองว่าตัวเองเป็นบอส ต้องรับผิดชอบมากกว่าใครเพื่อน จึงเหมาะที่จะสวมนาฬิกาเรือนละสองแสน

แต่ก็ชัดเจนว่าระบบไม่เห็นด้วยและคิดว่าเรือนละสี่หมื่นก็พอแล้ว

เผยเชียนแสนเจ็บใจ

เขาเลือกซื้อของต่อ

ในเมื่อเขาไม่สามารถซื้อนาฬิกาเรือนแพงๆ ได้ ก็หมายความว่าระบบคงไม่อนุญาตให้เขาซื้อของอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานโดยตรง

ตัวอย่างเช่น น้ำหอมแพงๆ เครื่องประทินผิวสำหรับผู้ชาย และอื่นๆ

แต่เผยเชียนก็ไม่ได้กังวลอะไร การได้ผลาญเงินไปสี่หมื่นกว่าหยวนทำให้ตอนนี้เขามีความมั่นใจมากขึ้น

เขาต้องทำให้เต็มที่ นี่คือโค้งสุดท้ายของการผลาญเงินแล้ว!

หลินหวาน หวงซื่อปั๋ว และคนอื่นๆ ใช้จ่ายครบวงเงินที่ให้ไปแล้ว ระหว่างที่เดินตามบอสเผยและดูของตามทาง พวกเขาก็แอบสังเกตบอสเผยไปด้วย

โดยเฉพาะหลินหวาน เธอดูจะสนใจสิ่งที่บอสเผยซื้อไปเสียทุกอย่าง!

หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง หลินหวานก็ตระหนักว่าเธอเข้าใจบอสเผยถูกมาโดยตลอด!

ชีวิตจริงบอสเผยเป็นคนมัธยัสถ์!

เธอเห็นชัดเจนว่ามีบางอย่างที่บอสเผยอยากซื้อ

ตัวอย่างเช่น น้ำหอมสุดหรูหราจากแบรนด์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว G ราคาเกินพันหยวน บอสเผยดูท่าจะชอบน้ำหอมขวดนี้มาก

แต่หลังจากดูอยู่สักพัก เขาก็วางกลับที่เดิม!

ไหนจะชุดสูทสั่งตัดที่ลองอยู่พักใหญ่ ใส่แล้วดูดี ขนาดพอดีตัว ราคาเกินหมื่นหยวนมาแค่นิดหน่อย แต่กลับไม่ซื้อ!

ยังมีนาฬิกา Rolex อีก บอสเผยเริ่มไล่ดูจากเรือนละสองแสน แต่สุดท้ายก็ไปเลือกรุ่นที่ถูกที่สุด ราคาแค่สี่หมื่นกว่าหยวน!

บอสเผยเป็นถึงเจ้าของบริษัทผู้ประสบความสำเร็จ แต่กลับใส่แค่นาฬิกา Rolex รุ่นล่างๆ เนี่ยนะ

หลินหวานตะลึงงันไป

เผยเชียนเดินแวะเลือกของไปเรื่อยๆ

ถ้าระบบไม่อนุญาตให้ซื้อก็ทำได้แค่ตัดใจ

แต่ถ้าระบบอนุญาตเมื่อไหร่ก็คือเหมาหมด!

ถึงอย่างนั้นเผยเชียนก็ซื้อของมาได้ไม่มากเท่าไหร่

ระบบมีข้อห้ามเยอะเหลือเกิน!

ปากกาหัวแร้งแบรนด์หรูราคาเจ็ดพันกว่าหยวน เข็มขัดแบรนด์ G ราคาสามพันกว่าหยวน กระเป๋าหิ้วใส่เอกสารราคาสองหมื่นหยวน…

บางชิ้นเป็นของราคาแพงสุด บางอันเป็นของราคากลางๆ ทุกชิ้นซื้อตามข้อจำกัดของระบบหมด เผยเชียนเลือกได้แต่ของที่แพงที่สุดที่ระบบยอมให้ซื้อ

หลังจากเดินช้อปสักพัก เผยเชียนก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรให้ซื้อแล้ว

เขารู้สึกว่าตัวเองก็ซื้อของมาเยอะเหมือนกัน แต่กลับไม่ได้มีถุงในมือมากมายเลย

ราคารวมของของที่ซื้อทั้งหมดอยู่ที่เจ็ดหมื่นหยวน

เขาขาดทุนไปได้สามพันหยวน!

เผยเชียนแสนดีใจ

นี่คือก้าวสุดยิ่งใหญ่!

นี่คือผลลัพธ์จากการช้อปแหลกภายใต้หลักการที่ว่า ‘ไม่เอาอันที่ดีที่สุด เอาอันที่แพงที่สุด’!

เงินที่ผลาญได้ต่อจากนี้จะแปลงเป็นความมั่งคั่งส่วนบุคคลโดยไม่ติดเงื่อนไขใดๆ!

เผยเชียนยิ้ม แต่พนักงานคนอื่นๆ กลับมองต่างออกไป

หลินหวานซาบซึ้งใจมาก

เกมฐานทัพกลางทะเลประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม คำนวณดูคร่าวๆ บอสเผยน่าจะมีรายได้มากกว่าสองล้านหยวนต่อเดือน

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์!

 …………………