Chaotic Sword God ตอนที่ 48 มู่เทียน
ในบรรดาคนกว่า 100 คน คนส่วนใหญ่ของพวกเขาจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเซียน และการเข้าร่วมกิจกรรมในเขตแดนชั้น 2 เมื่อลูกศิษย์ที่มีแกนอสูรระดับ 1 เดินขึ้นไปมีเพียงแค่ 30 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ลูกศิษย์ผู้ซึ่งไม่รู้เกี่ยวกับเงื่อนไขของเขตแดนที่ 3 ถึงกับตกตะลึง
แม้ว่าเขตแดนที่ 3 มีสัตว์อสูรระดับ 2 แต่พวกมันล้วนแล้วแต่มีพลังโจมตีที่ต่ำทั้งสิ้น สำหรับเซียนที่หลอมรวมอาวุธเซียนขึ้นมา แม้ว่ามันอาจเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาหรือนางในการต่อสู้กับสัตว์อสูรเพียงลำพัง แต่ตราบใดมีคนสักเล็กน้อยร่วมมือกัน การล่าสัตว์อสูรในเขตแดนชั้น 3 มันไม่ควรจะเป็นเรื่องยากมาก แน่นอนมันควรเป็นเรื่องง่ายกว่ามาก หากเทียบกับลูกศิษย์ที่ยังไม่ได้ก้าวมาถึงระดับเซียนในการฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 แต่อย่างไรก็ตาม อาวุธเซียนนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก และมันห่างไกลกว่าที่จะเทียบกับอาวุธธรรมดานัก
ตรรกะของคนที่ประสบความสำเร็จในภารกิจของเขตแดนที่ 3 แน่นอนควรจะสูงกว่าผู้ที่อยู่ในเขตแดนที่ 2 แต่ไม่มีใครเคยคิดว่า เหตุการณ์นั้นจะจบลงด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ แต่ถึงอย่างไร ในเขตแดนที่ 3 มีเพียงลูกศิษย์กว่า 30 คนที่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ซึ่งจำนวนนั้นน้อยกว่าคนที่สำเร็จภารกิจจากเขตแดนที่ 2
เมื่อลูกศิษย์คนแรกที่เข้ามายังด้านหน้าของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแกนอสูร ทันใดนั้นเขาเอื้อมหยิบแกนอสูรจากในเข็มขัดมิติ และวางมันทั้งหมดลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ลูกศิษย์คนนี้นำออกมาเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น
กวาดสายตามมองไปยังแกนอสูรระดับ 1 สามชิ้น อาจารย์ที่อายุราวสัก 50 ปีเริ่มพินิจดูแกนอสูร ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า อืม ไม่เลว คุณสมบัติของเจ้าผ่าน เจ้าชื่ออะไร?
ท่านอาจารย์ ข้าชื่อเฉิงหยุนเฟิง เด็กหนุ่มที่ถูกตรวจสอบกล่าวออกอย่างตื่นเต้น เพียงแค่สองคำ ไม่เลว มันยืนยันได้ถึงความจริงที่ว่าอาจารย์ชื่นชมเขา ได้รับคำชมเชยจากอาจารย์ นั่นเป็นเกียรติอย่างสูงกับเขานัก
อาจารย์หยิบพู่กันของเขาและบันทึกข้อมูลลงในกระดาษ ไป นำเข็มขัดมิติของเจ้าไปยังสำนัก ใช้แกนอสูรของเจ้า นี่คือเข็มกลัดเกียรติยศของเจ้า เจ้าจะต้องดูแลมันให้ดี อาจารย์ดึงป้ายออกมาจากใต้โต๊ะและส่งมอบให้ลูกศิษย์
ลูกศิษย์เต็มไปด้วยความสุข เขารับเข็มนั้นมาอย่างระมัดระวังและประคองมันอย่างเบามือ แล้วเขาก็เดินออกจากแท่นเวทีด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก
ต่อไป!
…..
หลังจากนั้นลูกศิษย์เดินขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งมอบแกนอสูรของพวกเขา เพื่อให้อาจารย์ตรวจสอบและในเวลาเดียวกันมันก็ถูกบันทึก เป็นการดำเนินการที่ค่อนข้างเร็วและในพริบตา หลายสิบคนก็ผ่านไป จำนวนน้อยที่สุดของแกนอสูรในหมู่พวกเขา ที่ได้รับนั้นคือ 2 และจำนวนมากที่สุดที่นำออกมาคือ 8 ชิ้น ที่ซึ่งสร้างความตกใจให้กับผู้อาวุโสชั่วขณะ
ในเวลานั้นเอง ชายหนุ่มรูปงามเดินขึ้นไปเพื่อรับการตรวจสอบแกนอสูร ที่ซึ่งบนใบหน้าของเยาวชนคนนั้น มีรอยแผลเล็ก ๆ บนหน้าผากของเขาและมันก็น่าจะเป็นแผลที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากรอยแผลนั้นยังมีเลือดบางส่วนติดอยู่
ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังผู้อาวุโสอย่างใจเย็น และถอดเข็มขัดออกมาอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็เริ่มที่จะนำแกนอสูรออกมาและวางไว้บนโต๊ะด้วยแกนอสูรระดับ 1 ทั้ง 6 ชิ้น แต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เขาดึงแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวของเขาไม่รีบร้อนและด้วยสีหน้าไม่แยแสทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่แน่วแน่มาก
เมื่อครั้งแรกที่ชายหนุ่มคนนี้หยิบแกนอสูร 6 ชิ้นออกมา อาจารย์ผู้ตรวจสอบก็เริ่มที่จะสนใจ รอยยิ้มที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ บนใบหน้าของเขาและเขาก็พยักหน้าเบา ๆ ในขณะที่มองชายหนุ่มด้วยท่าทีชื่นชมเป็นอย่างมาก
ในไม่ช้าชายหนุ่มผู้นั้นก็ดึงมันออกมาถึง 10 ชิ้น ในขณะนี้การแสดงออกของผู้อาวุโสที่ทำการตรวจสอบแกนอสูรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขาต่อชายหนุ่มนั้นไม่ได้มีแต่ความชื่นชมเท่านั้น แต่มันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สำหรับคนที่ยังไม่ถึงระดับเซียน กลับสามารถจัดการสัตว์อสูรระดับ 1 ได้ถึง 10 ตัว แน่นอนไม่ใช่งานที่ง่าย นอกจากนี้ชายหนุ่มคนนั้นยังดึงแกนอสูรออกมาอย่างไม่หยุดมือแต่อย่างใด แสดงให้ทุกคนเห็นว่าในตอนนี้เขายังเอาแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติไม่หมด
ลูกศิษย์ที่เข้าแถวต่อจากชายหนุ่มคนนี้ต่างตกตะลึง ไร้ซึ่งคำพูด ได้แต่จ้องมองไปยังแกนอสูรที่ถูกดึงออกมาจำนวนมาก พวกเขาคิดว่าพลังมากมายเท่าไหร่ที่เขาสูญเสียไปกว่าที่จะได้รับแกนอสูร มา 2-3 ชิ้น สำหรับพวกเขานี้การได้รับเพียงแค่นั้นก็ถือว่าเป็นประสบความสำเร็จที่น่าตื่นตาตื่นใจ หลายคนมีความรู้สึกแม้จะค่อนข้างมีความภาคภูมิใจนี้ แต่ชายคนนี้กลับดึงมันออกมาด้วยจำนวนที่มากกว่าที่พวกเขาจะหามันได้อย่างยากลำบากถึง 3 วัน ด้วยเพียงอึดใจเดียว อย่างนี้แล้วพวกเขาจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไรกัน? วิธีการใดที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรด้วยระยะเวลาอันสั้น พวกเขายิ่งตระหนักลึกลงไปอีกว่า โดยปราศจากการก้าวไปถึงระดับเซียน การใช้อาวุธเหล็กธรรมดาในการสังหารสัตว์อสูรระดับ 1 ซึ่งผิวหนังมันนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันเป็นเรื่องที่ยากมาก
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ให้ความสนใจไปยังท่าทีของผู้เฝ้ามองราวกับว่าไม่ได้เห็นมัน เขายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดและเขายังคงที่จะดึงแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติของเขา หลังจากที่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดมือนั้น เร็ว ๆ นี้กลับมีแกนอสูรถึง 15 อันวางอยู่บนโต๊ะ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าแม้แต่น้อยว่าจะหยุด เขายังคงหยิบออกมาด้วยจำนวนที่เท่ากัน และยังคงนำแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติอย่างเงียบงัน
ในช่วงเวลานั้นเอง อาจารย์ทุกคนบนแท่นเวที จ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาตกตะลึงและไม่อาจเชื่อ สำหรับคนที่ยังไม่ได้เป็นเซียน การที่พวกเขาจะสังหารสัตว์อสูรระดับ 1 ไปกว่า 10 ตัว ภายในระยะเวลา 3 วันอาจจะเป็นไปได้ ถ้าเขาร่วมมือกันสัก 5-6 คน แต่การที่จะล่าสัตว์อสูรมากมายขนาดนี้ในระยะเวลา 3 วันด้วยตัวคนเดียว เรื่องนี้ แม้กระทั่งอาจารย์ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นจะบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว
นั่งบนแท่นเวที รองอาจารย์ใหญ่ จางไป่เอิน ยิ้มและกล่าวว่า ชื่อของเขาน่าจะเป็นมู่เทียน เขาพึ่งเข้ามายังสำนักเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนั้นเพียงปีเดียว เขาก้าวจากพลังเซียนระดับ 8 ไปยังขั้นสูงสุดของระดับ 10 ด้วยความเร็วนี้ค่อนข้างดีนัก เขายังคงพยายามที่จะต่อสู้กับคนระดับเซียน แม้ว่ามันจะล้มเหลวในที่สุดก็ตาม มันต้องยอมรับเลยว่า ตระกูลมู่นั้นได้ส่งทายาทหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมาจริง ๆ .
รองอาจารย์ใหญ่ จางไป่เอิน หยุดชั่วคราว ก่อนจะขยับสายตา แล้วจ้องมองไปยังเจียงหยางเซียงเทียนและเถี่ยต้า และพึมพำออกมาว่า ข้าได้คาดหวังกับการเก็บเกี่ยวของเจียงหยางเซี่ยงเทียนและเถี่ยต้าจริง ๆ มันมีคนมาบอกข้าว่า พวกเขาทั้งสองได้เข้าไปยังเขตแดนที่ 3 เพื่อล่าสัตว์ล่าสัตว์อสูรระดับ 2 ในวันสุดท้าย พลังของพวกเขาเห็นได้ชัดว่ายังไม่อยู่ในระดับเซียนด้วยซ้ำ สวรรค์ การที่จะใช้อาวุธเหล็กธรรมดาล่าสัตว์อสูรระดับ 2 นั้น ถ้าข้าไม่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานให้กับทั้งสองคนที่สังหารสัตว์อสูรระดับ 2 ข้าจะไม่กล้าที่จะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง มันดูเหมือนว่า แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่ก็ยังยอมรับเด็กคนนี้ เจียงหยางเซียงเทียน เห็นทีตระกูลเจียงหยางแห่งเมืองลอว์ที่เคยเงียบหายไปเป็นเวลานาน จะกลับไปรุ่งเรืองเช่นในอดีตของพวกเขา ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
แต่หลังจากที่ชายหนุ่มได้นำออกมาแกนอสูรระดับ 1 ออกมา 23 ชิ้น ในที่สุดเขาก็หยุดมือ เขามองอย่างนิ่งงันไปยังผู้อาวุโสตรวจสอบและบันทึก และกล่าวว่า ท่านอาจารย์ นี่เป็นแกนอสูรทั้งหมดที่นำกลับมาได้
อาจารย์ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว กวาดสายตาไปยังแกนอสูรทั้ง 23 ชิ้นและถอนหายใจยาว เขามองไปชายหนุ่มด้วยประกายที่เต็มไปด้วยอารมณ์และถามว่า เจ้ามีนามว่าอะไร?
มู่เทียน! ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงเรียบเฉย
อาจารย์กวาดสายตา ก่อนจะกลายเป็นจริงจังมากขึ้น ในขณะที่เขายังคงถามต่อว่า มู่เทียน เจ้าได้รับแกนอสูรนั้นมาด้วยตัวเจ้าเพียงคนเดียว หรือเจ้าร่วมมือกับใคร?
การแสดงออกมู่เทียนไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ทุกคนคาดหวังในคำกล่าวที่จะเกิดขึ้น ท่านอาจารย์ แกนอสูรเหล่านี้ ข้าได้รับมาอย่างยากลำบากด้วยตัวข้าเพียงคนเดียว
ได้ยินเช่นนี้แล้ว ท่าทีของอาจารย์ก็มีการเปลี่ยนแปลงได้ทันที เขามองอย่างจริงจังไปที่มู่เทียน ร่วมกับการแสดงถึงความชื่นชม ยิ้มและพยักหน้า ดี! ดี! ดี! มู่เทียน ใช่หรือไม่ ? ดีมาก ผลลัพธ์ของเจ้ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะพยายามอย่างหนักต่อไปในอนาคต อาจารย์ไม่ได้ถามเลยว่ามู่เทียนได้รับแกนอสูร 23 อันมาอย่างไร ส่วนที่สำคัญคือการที่เขารู้ว่าแกนอสูรนี้มากจากการพยายามอย่างหนักของมู่เทียนเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม ในทวีปเทียนหยวนนี้ ความแข็งแกร่งเป็นตัวแทนของทุกอย่าง ตราบใดที่สามารถบรรลุชัยชนะ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นวิธีที่ไม่สุจริตที่นำมาใช้ก็ตาม แต่ก็จะไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ได้ยินคำพูดชื่นชมของอาจารย์ ช่วยไม่ได้ที่มู่เทียนจะยิ้มออกมา
ในขณะที่อาจารย์หยิบเข็มขัดสีน้ำเงินและเข็มกลัด เขาส่งมอบพวกมันให้กับมู่เทียนและกล่าวว่า นี่คือเข็มขัดมิติของเจ้าและนี่คือเข็มกลัดของเจ้า จงดูแลมันให้ดี
มู่เทียนรับเข็มขัดมิติและเข็มกลัดเกียรติยศด้วยท่าทีสงบ และเขาเก็บแกนอสูรลงไปอีกครั้งในเข็มขัดมิติ ก่อนที่จะเดินออกแท่นเวที ตั้งแต่ต้นจนจบ มู่เทียนไม่ได้แสดงให้เห็นความเย่อหยิ่งหรือความภาคภูมิใจ ราวกับเขาไม่ได้แยแสอะไรทั้งสิ้น
เจี้ยนเฉินจับจ้องไปยังมู่เทียนจนกระทั่งเขาจะเดินออกจากเวทีไป ในหัวใจของเขา เขาได้จดจำชื่อมู่เทียนไว้เป็นที่เรียบร้อย ตามสัญชาตญาณของเขา เขารู้สึกว่ามู่เทียนเป็นบุคคลที่ซับซ้อนนักและเขายังไม่ได้ใช้ศักยภาพทั้งหมดของเขา ซึ่งในอนาคตแน่นอนว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่มันยังไม่ทราบว่าเส้นทางใดที่อีกฝ่ายจะเลือกเดิน
เพราะมู่เทียนได้นำแกนอสูรออกมาถึง 20 อัน ลูกศิษย์คนต่อไปจึงไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาใด ๆ เมื่อเขายกแกนอสูรของพวกเขา พวกเขาส่วนใหญ่มีเพียงแกนอสูรอย่างน้อย 2 อัน จำนวนคนที่มีแกนอสูรมากกว่า 2 อันนั้นก็มีน้อยมาก นอกเหนือจากมู่เทียนที่มีแกนอสูรถึง 23 อัน การเก็บเกี่ยวสูงสุดเคยเป็นก่อนหน้านี้ก็เพียง 8 อัน
การตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่ช้ามันมาถึงเจี้ยนเฉิน ขณะนั้นเอง สายตาของรองอาจารย์ใหญ่ที่นั่งตำแหน่งประธาน เช่นเดียวกับอาจารย์ไม่กี่คนก็สว่างขึ้นทันที สายตาของพวกเขาจับจ้องตามเจี้ยนเฉิน แสดงให้เห็นท่าทีที่จริงจัง รองอาจารย์ใหญ่จางไป่เอินซึ่งก่อนหน้าที่นั่งกึ่งนอนพิงกับที่นั่ง ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงทันที หลังของเขาตั้งตรงขึ้น ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังเจี้ยนเฉินด้วยความคาดหวัง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินได้สังหารสัตว์อสูรเป็นจำนวน “ไม่น้อย” ในป่า แต่เขาไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ของคำว่า “ไม่น้อย”
เจี้ยนเฉินใจเย็นเดินขึ้นไปหาอาจารย์ท่านนั้นเพื่อรับการตรวจสอบแกนอสูร ก้มศีรษะมองไปยังโต๊ะ ที่ยาวราว 2 เมตร ก่อนที่ท่าทีหนักใจบางอย่างจะปรากฏขึ้นบนและหลังจากลังเลอะไรบางอย่างเขาก็กล่าวว่า ท่านอาจารย์ ท่านสามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะขนาดใหญ่กว่านี้ได้หรือไม่?
หือ ? เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน อาจารย์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ชะงักไปชั่วคราวและถามออกมาด้วยท่าทีสับสน เจ้าว่าอะไรนะ?
เมื่อเห็นว่าโต๊ะนั้นไม่ได้ใหญ่นักและมันสามารถวางสิ่งของที่มีค่าได้น้อยนัก เจี้ยนเฉินจึงแสดงเพียงท่าทีที่ทำอะไรไม่ถูก โต๊ะนี้จะเป็นจริงว่ามันมีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะวางแกนอสูรทั้งหมดในเข็มขัดมิติได้หมดสิ้น
ใช่ขอรับ ท่านอาจารย์ ข้าขอร้องให้ท่านได้เปลี่ยนเป็นโต๊ะขนาดใหญ่กว่านี้ได้หรือไม่? โต๊ะตัวนี้มีขนาดเล็กเกินไป เจี้ยนเฉินกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง